00 สำหรับ บรรหาร ศิลปอาชา "ผู้ประสานงาน" ปฏิรูปฯ คงจะงง และคาดไม่ถึงกับการเดินทางมาที่ "บ้านพระอาทิตย์" พบกับ สนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แล้วได้พบคำถาม และข้อเสนอที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่สำคัญเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้อง "เกรงใจ" คิดอย่างไรก็พูดออกไปอย่างนั้น เหมือนกับที่ สนธิ-จำลอง ฟันโช๊ะเข้าแสกหน้า ถามว่า "พี่บรรหารเป็นหนึ่งในปัญหาของระบบการเมืองหรือเปล่า" หรือว่า "พี่จะเป็นเครื่องมือให้กับ ทักษิณ ชินวัตร" ไปทำไม การปฏิรูปแบบนี้มันไม่มีประโยชน์ หากปฏิรูปไปแล้วในท้ายที่สุดก็ยังออกกฎหมายนิรโทษฯ ให้ทักษิณ พ้นผิด
00 การสนทนาที่ดำเนินไปอย่างเปิดเผย ถ่ายทอดสดให้สื่อได้ฟัง และหลังจากนั้นก็เปิดโอกาสให้ได้ซักถาม มันก็เป็นผลดีที่สังคมจะได้เห็นท่าทีของแต่ละฝ่ายได้ชัดเจน เพราะในเมื่อบอกว่า นี่คือการก้าวไปสู่การปฏิรูปฯ มันก็ต้อง "ไม่มีการเล่นละคร" หรือการสร้างภาพให้ออกมาสวยหรู แต่เนื้อหาข้างในกลวงโบ๋ และที่สำคัญทั้งคนที่เปิดเกมให้เกิดการปฏิรูป ก็มาจาก นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสะกดเป็นหรือเปล่า และก็รู้กันดีว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคอยชักใยทุกเรื่อง คือ ทักษิณ ชินวัตร หากใครปฏิเสธความจริงแบบนี้ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องมาพูดกันแล้ว เพราะถ้าไม่เชื่อ นอกจากจะโง่แล้วก็ต้องบอกว่านี่มัน "ลิเก" หลอกต้มกันชัดๆ
00 กำลังสนุกสนานเริงร่าอยู่กับการท่องยุโรป เสร็จจาก สวิสฯไปต่อที่อิตาลี ถามว่าการเดินทางไปเยือนสวิสฯ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไปนั้น มีสาระอะไรที่น่าสนใจบ้างหรือเปล่า ก็เปล่า แทบทั้งหมดมีแต่เรื่องขอเข้าพบผู้นำ พบกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ที่เจนีวา แน่นอนว่าได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่สำหรับผลประโยชน์ที่บ้านเมืองได้รับ มันไม่คุ้มค่าเลย ส่วนที่อิตาลีก็ไม่ได้ต่างกันมีการจัดฉากการลงนามในธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ของธุรกิจเอกชนบางบริษัท ซึ่งมันไม่เสียหาย แต่มันไม่ได้ยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นการเดินทางไปเยือนระดับผู้นำ ของแบบนี้ภาคเอกชนที่มีการติดต่อทางธุรกิจเขาก็ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว ว่าแต่ว่าไปอิตาลีเที่ยวนี้ให้ระวังอย่าให้ "แบลุสโคนี" อดีตนายกฯตันหากลับมันเจอเชียวนา !!
00 แน่นอนว่าเป้าหมายการเดินทางไปต่างประเทศโดยใช้งบหลวงเที่ยวนี้ น่าจะอยู่ที่ มอนเตเนโก ประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากได้ถือสัญชาติเป็นพลเมืองเรียบร้อยแล้ว เพราะจะเป็นการลงนามเรื่องการยกเว้นวีซ่าพาสปอร์ตทูต และข้าราชการ ไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป การแถลงของ เลขาฯนายกฯ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ บอกว่าเป็นเรื่องที่ผ่านการพิจารณาของหน่วยราชการ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้คนใดคนหนึ่ง (ทักษิณ ชินวัตร) มันก็เป็นการพูดเพื่อกลบเกลื่อนเท่านั้น คนที่มีปัญญามองออกอยู่แล้ว และงานนี้นอกจากโชว์พาวให้แม้วแล้ว ยังเอื้อประโยชน์เฉพาะบุคคลให้เต็มๆ เพราะต้องไม่ลืมว่า "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ มันประเคนพาสปอร์ตทูต (เล่มสีแดง)ไปให้เรียบร้อยแล้ว แต่เอาเถอะ คนอย่างมันจะเข้าจะออกเมื่อไหร่ ได้อยู่แล้ว แต่ขอทำให้มันดูพิเศษเหนือคนอื่น แอ็กอาร์ตไปตามเรื่อง แต่คำถามก็ คือการเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้งมันคุ้มค่ากับเงินชาวบ้านหรือเปล่า ถ้าคิดจะพาพรรคพวกไปเที่ยวทำไมไม่ใช้เงินตัวเอง รวยนักไม่ใช่เหรอ ทุด !!
00 การสนทนาที่ดำเนินไปอย่างเปิดเผย ถ่ายทอดสดให้สื่อได้ฟัง และหลังจากนั้นก็เปิดโอกาสให้ได้ซักถาม มันก็เป็นผลดีที่สังคมจะได้เห็นท่าทีของแต่ละฝ่ายได้ชัดเจน เพราะในเมื่อบอกว่า นี่คือการก้าวไปสู่การปฏิรูปฯ มันก็ต้อง "ไม่มีการเล่นละคร" หรือการสร้างภาพให้ออกมาสวยหรู แต่เนื้อหาข้างในกลวงโบ๋ และที่สำคัญทั้งคนที่เปิดเกมให้เกิดการปฏิรูป ก็มาจาก นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสะกดเป็นหรือเปล่า และก็รู้กันดีว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคอยชักใยทุกเรื่อง คือ ทักษิณ ชินวัตร หากใครปฏิเสธความจริงแบบนี้ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องมาพูดกันแล้ว เพราะถ้าไม่เชื่อ นอกจากจะโง่แล้วก็ต้องบอกว่านี่มัน "ลิเก" หลอกต้มกันชัดๆ
00 กำลังสนุกสนานเริงร่าอยู่กับการท่องยุโรป เสร็จจาก สวิสฯไปต่อที่อิตาลี ถามว่าการเดินทางไปเยือนสวิสฯ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไปนั้น มีสาระอะไรที่น่าสนใจบ้างหรือเปล่า ก็เปล่า แทบทั้งหมดมีแต่เรื่องขอเข้าพบผู้นำ พบกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ที่เจนีวา แน่นอนว่าได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่สำหรับผลประโยชน์ที่บ้านเมืองได้รับ มันไม่คุ้มค่าเลย ส่วนที่อิตาลีก็ไม่ได้ต่างกันมีการจัดฉากการลงนามในธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ของธุรกิจเอกชนบางบริษัท ซึ่งมันไม่เสียหาย แต่มันไม่ได้ยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นการเดินทางไปเยือนระดับผู้นำ ของแบบนี้ภาคเอกชนที่มีการติดต่อทางธุรกิจเขาก็ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว ว่าแต่ว่าไปอิตาลีเที่ยวนี้ให้ระวังอย่าให้ "แบลุสโคนี" อดีตนายกฯตันหากลับมันเจอเชียวนา !!
00 แน่นอนว่าเป้าหมายการเดินทางไปต่างประเทศโดยใช้งบหลวงเที่ยวนี้ น่าจะอยู่ที่ มอนเตเนโก ประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากได้ถือสัญชาติเป็นพลเมืองเรียบร้อยแล้ว เพราะจะเป็นการลงนามเรื่องการยกเว้นวีซ่าพาสปอร์ตทูต และข้าราชการ ไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป การแถลงของ เลขาฯนายกฯ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ บอกว่าเป็นเรื่องที่ผ่านการพิจารณาของหน่วยราชการ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้คนใดคนหนึ่ง (ทักษิณ ชินวัตร) มันก็เป็นการพูดเพื่อกลบเกลื่อนเท่านั้น คนที่มีปัญญามองออกอยู่แล้ว และงานนี้นอกจากโชว์พาวให้แม้วแล้ว ยังเอื้อประโยชน์เฉพาะบุคคลให้เต็มๆ เพราะต้องไม่ลืมว่า "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ มันประเคนพาสปอร์ตทูต (เล่มสีแดง)ไปให้เรียบร้อยแล้ว แต่เอาเถอะ คนอย่างมันจะเข้าจะออกเมื่อไหร่ ได้อยู่แล้ว แต่ขอทำให้มันดูพิเศษเหนือคนอื่น แอ็กอาร์ตไปตามเรื่อง แต่คำถามก็ คือการเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้งมันคุ้มค่ากับเงินชาวบ้านหรือเปล่า ถ้าคิดจะพาพรรคพวกไปเที่ยวทำไมไม่ใช้เงินตัวเอง รวยนักไม่ใช่เหรอ ทุด !!