xs
xsm
sm
md
lg

พบ"สมีพลชัย"โผล่ทำเนียบฯ ขีดเส้นตายไล่พ้นวัดเจ้าเงาะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปราจีนบุรี - คณะสงฆ์ปราจีนบุรีขีดเส้นตาย "สมีโล้นพลชัย" หอบข้าวของออกจาก "วัดเจ้าเงาะ" หลังเจ้าคณะภาค 12 "เจ้าคุณเสนาะ" ยืนยันไม่ได้มอบหมายให้เข้าไปดูแลวัดเจ้าเงาะ และไฟเขียวให้คณะสงฆ์ปราจีนบุรีจัดการได้ตามอำนาจหน้าที่ แฉหลังกลับมาบวชใหม่ "สมีโล้น" ยังมีพฤติกรรมแสวงหาเหมือนเดิม พบเดินเข้าออกทำเนียบฯ นั่งถ่ายรูป ร่วมกับ "ยิ่งลักษณ์" ขณะเข้าเฝ้าพระผู้ใหญ่ต่างประเทศหน้าตาเฉย จี้ "พศ."ฟัน 3 คดี "แต่งกายเลียนแบบสงฆ์-มีเอกสารและใช้เอกสารปลอม-ต้มตุ่นหลอกลวง"

วานนี้ (10 ก.ย.) พระราชภัทรธาดา เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวถึงกรณีที่พระมหาพลชัย ถาวโร (อุ่นทรัพย์) อดีตพระครูธรรมธรวันชัย ถาวโร เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่เคยถูกกองปราบปรามบุกจับกุมคาชุดนายทหารยศ "พันเอก" ขณะขับรถยนต์หรูพาสีกาสาวไปนอนภายในบ้านพักย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และถูกจับสึกเพราะต้องอาบัติปาราชิก เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2543 และได้กลับมาบวชเป็นพระใหม่พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น พระมหา ดร.พลชัย ถาวโร โดยมาอยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เมื่อปี 2553 และได้พยายามที่จะยึดทรัพย์สมบัติรวมทั้งที่ดินของวัดหลังจากพระครูวิเศษพัฒนคุณ (เที่ยง โฉมเฉลา) ผู้ก่อตั้งวัดได้มรณภาพลงเมื่อปี 2554

โดยพระราชภัทรธาดา เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า การที่พระมหา ดร.พลชัย ถาวโร จะให้ทางคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรีรับเข้าเป็นพระในสังกัดและแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสันติวิเศษสุข โดยที่ทางพระมหา ดร.พลชัย มอบหมายให้ทางทนายความไปยื่นคำขอร้องต่อศาลให้แต่งตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าอาวาสและเป็นผู้จัดการมรดกของหลวงุ่เที่ยง นั้น ขณะนี้ทางเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบลในพื้นที่รับผิดชอบ กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ว่าจะดำเนินการกันอย่างไรต่อไป เนื่องจากทราบประวัติของพระมหา ดร.พลชัย มาว่าเคยถูกจับสึกมาก่อน

ส่วนการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสันติวิเศษสุข นั้น คงจะแต่งตั้งยังไม่ได้ เพราะทางคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรียังไม่ได้มีการรับพระมหา ดร.พลชัย เข้าเป้็นพระในสังกัดวัดสันติวิเศษสุข

เมื่อถามว่าท่านจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหลังจากพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 วัดสระเกศ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่ได้มีคำสั่งหรือมอบหมายให้พระมหา ดร.พลชัย เข้าไปดูแลวัดเจ้าเงาะ และทางคณะจังหวัดปราจีนบุรีมีอำนาจหน้าที่ที่จะดำเนินการกับพระมหา ดร.พลชัย ได้ทันที พระราชภัทรธาดา เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี ตอบว่า ขณะนี้ทางคณะสงฆ์กำลังปรึกษากันอยู่ และทางเจ้าคณะอำเภอ และตำบลก็กำลังดำเนินการอยู่

ด้านแหล่งข่าวจากคณะสงฆ์ในจังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 ได้ออกมายืนยันว่าไม่ได้มีคำสั่งหรือมอบหมายให้พระมหา ดร.พลชัย เข้าไปดูแลวัดเจ้าเงาะ และทางคณะจังหวัดปราจีนบุรีมีอำนาจหน้าที่ที่จะดำเนินการกับพระมหา ดร.พลชัย ได้ทันที ทางพระคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี โดยเฉพาะทางเจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอ ได้มีความเห็นในเบื้องต้นว่าจะให้เวลาพระมหา ดร.พลชัย ในการย้ายออกจากพื้นที่ แต่ถ้าหากยังคงดื้อดึงที่จะยังอยู่ในวัดเจ้าเงาะ ต่อไป ก้จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับพระมหา ดร.พลชัย

**โผล่ทำเนียบฯ-ถ่ายรูปกับ"ยิ่งลักษณ์"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติกรรมของพระมหา ดร.พลชัย ถาวโร หลังจากแอบกลับมาบวชใหม่ก็ได้ข้าไปอยู่ที่วัดสันติวิเศษสุข หรือวัดเจ้าเงาะ โดยตั้งตนเองขึ้นเป็นประธานสงฆ์วัดสันติวิเศษสุข หลังจากนั้นก็ได้กลับมาใช้พฤติกรรมเดิมๆ ในการหลอกลวงพระสงฆ์ไปธุดงค์ตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่ประเทศอินเดียแล้วปล่อยทิ้งไว้ที่ประเทศอินเดีย รวมทั้งมีพฤติกรรมหลอกลวงสาธุชนที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ

เช่น การเช่าเวลาสถานีวิทยุออกอากาศเชิญชวนญาติโยมให้ไปทำบุญสร้างโบสถ์ วิหาร ห้องน้ำ และศาลาการเปรียญ รวมทั้งเชิญชวนไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ทุกวันเสาร์ที่วัดเจ้าเงาะ โดยออกอากาศ 4 สถานีด้วยในกรุงเทพฯ 2 สถานี จ.ปราจีนบุรี 2 สถานี ใช้ชื่อรายการ "ธุงคงค์วัตร" โดยเสียค่าเช่าเวลาทั้งหมด 4 สถานีเป็นเงิน 190,000 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้ พระมหา ดร.พลชัย หลังจากกลับมาบวชใหม่ก็ยังเดินลอยหน้าลอยตาไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย โดยที่ทางพระเถระผู้ใหญ่ และสำนักพระพุทธศาสนา ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งที่ๆ รู้ว่า พระมหา ดร.พลชัย เคยถูกจับสึกมาแล้วเมื่อปี 2543 อีกทั้งยังพบว่า พระมหา ดร.พลชัย ผู้นี้ยังเดินเข้าออกทำเนียบรัฐบาล นั่งฉันอาหารร่วมกับพระผู้ใหญ่อย่างเปิดเผยด้วย

โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.56 ที่ผ่านมา พบเห็นพระมหา ดร.พลชัย พร้อมพระมหา ดร.วิชัย ปุญญกาโม ประธานสงฆ์วัดขุนจันทร์ ได้เป็นตัวแทนคณะสงฆ์ประเทศไทย พร้อมผู้นำเครือข่ายองค์กรชาวนาและภาคประชาสังคมได้ไปนั่งร่วมกันแถลงข่าวที่ตึกนารีสโสมร ทำเนียบรัฐบาลหลังจากได้หารือกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐนตรี ได้มีความเห็นดำเนินโครงการเจริญพระพุทธมนต์เพื่อสร้างความสมานฉันท์และเป็นสิริมงคลแก่ประเทศไทยในวันที่ 26 มิ.ย.56 ระหว่างเวลา 14.22-15.22 น. ที่วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร

อีกทั้งยังพบว่าช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ากราบนัมสการสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกา พระมหา ดร.พลชัย ผู้นี้ก็ได้นั่งอยู่ในที่นั้นด้วย โดยภาพดังกล่าวพระมหา ดร.พลชัย ได้มีการใส่กรอบตั้งโชว์ไว้ภายในวัดเจ้าเงาะ เพื่อโชว์ให้ผู้ที่มาทำบุญได้เห็นถึงบารมีของตนเอง

**จี้ พศ.ฟัน3ข้อหา "สมีโล้นพลชัย"

แหล่งข่าวจากอดีตพระวินยาธิการ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบชัดเจนแล้วว่า ที่พระพลชัย ถาวโร การแอบอ้างว่าเป็น "พระมหา ดร." นั้น ความจริงแล้วไม่ได้เป็น "มหา" แต่อย่างใด โดยมีการพิมพ์ชื่อตนเองลงในหนังสือสวดมนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีศรัทธาหลงเชื่อว่าตนเองเป็นพระมหา เท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นมหา หรือเคยไปสอบเรียนได้มหาเปรียญที่วัดไหนมาก่อน ซึ่งคำว่า "พระมหา" ผู้ที่ได้มาจะต้องสอบได้เปรียญธรรม 3-4 ประโยคขึ้นไปและจะต้องได้รับพระราชทาน ดังนั้น การแอบอ้างในลักษณะดังกล่าวจึงเข้าข่ายผิดกฏหมายชัดเจน

ส่วนคำว่า "ดอกเตอร์" นั้นจากการตรวจสอบแล้วก็ไม่เคยพบว่าได้ไปเรียนหรือได้รับเกียรติบัตรให้เป็น ดอกเตอร์จากที่ไหนและมหาวิทยาลัยใดมาก่อน ซึ่งก็เข้าข่ายผิดกฎหมายต้มตุ๋นหลอกลวงให้คนหลงเชื้อเช่นกัน

รวมทั้งการถือหนังสุทธิ 2 เล่มซึ่งมีการกรอกรายละเอียดข้อมูลสลับกันไปมาระหว่างเล่มเก่ากับเล่มใหม่ กล่าวคือมีการเอาข้อมูลการบวชพระครั้งแรก เมื่อปี 2520 มาเขียนลงในหนังสือสุทธิเล่มใหม่ที่เพิ่งจะมีการนำมาใช้เมื่อช่วงหลังปี 2540 เป็นต้นมาแล้วเอาข้อมูลการบวชใหม่ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2545 ไปกรอกลงในหนังสือสุทธิแบบเก่า และ 1 ใน 2 เล่มนี้ก็มีการระบุชื่อว่า "พระมหาพลชัย ถาวโร" ขณะที่อีกเล่มระบุชื่อ "พระพลชัย ถาวโร" โดยมีการกรอกชื่อคำว่า "พลชัย" นี้ลงในหนังสือสุทธิทั้ง 2 เล่มตั้งแต่มีการบวชเป็นสามเณร เมื่อปี 2517 จนบวชเป็นพระครั้งแรกเมื่อปี 2520 จนกระทั่งบวชเป้นพระครั้งที่ 2 เมื่อปี 2545

แต่จากการตรวจสอบพบว่า "สมีพลชัย" นี้เพิ่งจะมีการเปลี่ยนชื่อใหม่จาก "วันชัย อุ่นทรัพย์ (ถาวโร)" เป็น "พลชัย อุ่นทรัพย์ (ถาวโร) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 ไม่กี่ปีมานี้เอง ดังนั้น เท่ากับว่า สมีพลชัย นี้ใช้เอกสารปลอมมาโดยตลอด

"เอกสารชัดเจนขนาดนี้แล้วทางสำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) ยังจะมาบอกว่ายังไม่มีข้อมูลหลักฐานและยังจะต้องไปควานหาข้อมูลหลักฐานอยู่อีกหรือ ที่ผ่านมาสำนักพระพุทธศาสนาลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและมักจะดองเรื่องมาโดยตลอด ดดยไม่ทำอะรเลย แถมยังปล่อยให้คนชั่วที่ไม่ได้เป็นพระแล้วกลับมาทำตนเป็นพรหลอกลวงญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาอยู่อีกได้อย่างไร และที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้วว่าพระพลชัย หรือวันชัย ไม่ใช่พระแล้ว และเมื่อกลับมาบวชใหม่ก็เห้นนั่งร่วมวงฉันข้าวกับพระผู้ใหญ่หน้าตาเฉย แถมพระผู้ใหญ่เองก็รู้อยุ่แก่ใจแต่กลับนิ่งเฉยไปด้วย"

แหล่งข่าวจากอดีตพระวินยาธิการ กล่าวอีกว่า ถ้าสำนักพระพุทธศาสนายังเป็นชาวพุทธที่แท้จริงอยู่ ก็ควรที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ และควรที่จะดำเนินคดีกับคนนี้ 1 ฐานมีเอกสารและใช้เอกสารปลอม 2 แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และ 3 ต้มตุ่นหลอกลวงและฉ้อโกง

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีพระมหา ดร.พลชัยว่า ที่หลายฝ่ายกังวลว่าหากพระมหาพลชัย ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแล้วจะนำทรัพย์สินของวัดไปหมดนั้นขอยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ เพราะทรัพย์สินต้องตกเป็นของวัด พร้อมกันนี้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการวัดเข้ามาบริหาร ไม่สามารถนำทรัพย์สินไปเป็นของส่วนตัวได้ ส่วนพระมหาพลชัย จะได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสหรือไม่นั้นเป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะเป็นผู้พิจารณา

ทางด้านพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 12 นั้น พระพรหมสุธี กล่าวกรณีที่พระมหาพลชัย อ้างว่าสนิทกับเจ้าคณะภาค 12 ว่า รู้จักพระมหาพลชัย แต่เป็นการรู้จักแบบรู้จักคนทั่วๆ ไปเท่านั้น ไม่มีความสนิทเป็นพิเศษ
กำลังโหลดความคิดเห็น