ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้บริโภครัดเข็มขัดกำลังซื้อ ตลาดกล้องเงียบ “บิ๊กคาเมร่า”เศร้า ยอดขายต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ เหลือ 3 เดือนสุดท้าย ผุดบิ๊กแคมเปญ “บิ๊ก คาเมร่า บิ๊ก โปร เดย์ส” หวังประคองรายได้ทั้งปีทรงตัวเท่าปีก่อนที่ 2,500 ล้านบาท
นายชิดชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บิ๊กคาเมร่า จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล้องในปีนี้เชื่อว่าจะตกลงกว่า 30% คิดเป็นมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท และมีความต้องการอยู่ที่ 1 ล้านเครื่อง ส่วนสำคัญมาจากกำลังซื้อที่ลดลง จากนโยบายภาครัฐ ทำให้ต้องนำเงินไปใช้ในส่วนอื่นแทน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้จากเดิมที่มองว่าปีนี้กลุ่มกล้องดิจิตอลระดับบนอย่างกลุ่ม DSLR น่าจะเติบโต กลับชะลอตัวลง
อีกส่วนคือกลุ่มกล้องคอมแพทระดับกลาง ราคา 5,000-8,000 บาท ถูกกลุ่มสมาร์ทโฟนทดแทน ส่งผลให้ช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ต่ำกว่าเป้า 7% จากเดิมที่มองว่าปีนี้จะมีการเติบโต 10% จาก 2,500 ล้านบาทในปีก่อน
ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์การขายใหม่ เน้นเรื่องของโปรโมชั่นมากขึ้น มีการจับมือกับกลุ่มสถาบันการเงิน ทั้ง อีออน เฟิร์สช้อยส์ เป็นต้น นำเสนอการผ่อนสินค้า 0% ในกลุ่มกล้อง DSLR สำหรับลูกค้าระดับกลางถึงล่างที่ต้องการซื้อและกำลังซื้อไม่เพียงพอ รวมถึงการจำหน่ายสินค้าที่ครอบคลุม มีกลุ่ม มิลเลอร์เลนส์ ทดแทนกลุ่มกล้องคอมแพคระดับกลาง และล่าสุดกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กับ บิ๊กแคมเปญ “บิ๊ก คาเมร่า บิ๊ก โปร เดย์ส” ระหว่างวันที่ 10-15 ก.ย 56 ที่ เซ็นทรัลเวิลด์
โดยปีนี้บริษัทได้ปรับแผนการจัดแคมเปญใหญ่จาก 2 แคมเปญ เป็น 3 แคมเปญ ภายใต้งบการจัดงานรวมกว่า 100 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ให้กลับมามียอดขายทรงตัวเท่าปีก่อน ที่ 2,500 ล้านบาทได้ มาจากกล้องDSLRและแอสเซทเซอรี่ 40%, คอมแพค 30% มิลเลอร์เลนส์ 30%
อย่างไรก็ตามในส่วนของการขยายสาขานั้น ยังคงมีต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นเปิดทดแทนสาขาเดิมที่ยอดขายไม่เป้นไปตามเป้า หรือทั้งปีจะมีร้าน บิ๊ก คาเมร่า เปิดให้บริการทั้งสิ้น 210 สาขา
นายชิดชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บิ๊กคาเมร่า จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล้องในปีนี้เชื่อว่าจะตกลงกว่า 30% คิดเป็นมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท และมีความต้องการอยู่ที่ 1 ล้านเครื่อง ส่วนสำคัญมาจากกำลังซื้อที่ลดลง จากนโยบายภาครัฐ ทำให้ต้องนำเงินไปใช้ในส่วนอื่นแทน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้จากเดิมที่มองว่าปีนี้กลุ่มกล้องดิจิตอลระดับบนอย่างกลุ่ม DSLR น่าจะเติบโต กลับชะลอตัวลง
อีกส่วนคือกลุ่มกล้องคอมแพทระดับกลาง ราคา 5,000-8,000 บาท ถูกกลุ่มสมาร์ทโฟนทดแทน ส่งผลให้ช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ต่ำกว่าเป้า 7% จากเดิมที่มองว่าปีนี้จะมีการเติบโต 10% จาก 2,500 ล้านบาทในปีก่อน
ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์การขายใหม่ เน้นเรื่องของโปรโมชั่นมากขึ้น มีการจับมือกับกลุ่มสถาบันการเงิน ทั้ง อีออน เฟิร์สช้อยส์ เป็นต้น นำเสนอการผ่อนสินค้า 0% ในกลุ่มกล้อง DSLR สำหรับลูกค้าระดับกลางถึงล่างที่ต้องการซื้อและกำลังซื้อไม่เพียงพอ รวมถึงการจำหน่ายสินค้าที่ครอบคลุม มีกลุ่ม มิลเลอร์เลนส์ ทดแทนกลุ่มกล้องคอมแพคระดับกลาง และล่าสุดกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กับ บิ๊กแคมเปญ “บิ๊ก คาเมร่า บิ๊ก โปร เดย์ส” ระหว่างวันที่ 10-15 ก.ย 56 ที่ เซ็นทรัลเวิลด์
โดยปีนี้บริษัทได้ปรับแผนการจัดแคมเปญใหญ่จาก 2 แคมเปญ เป็น 3 แคมเปญ ภายใต้งบการจัดงานรวมกว่า 100 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ให้กลับมามียอดขายทรงตัวเท่าปีก่อน ที่ 2,500 ล้านบาทได้ มาจากกล้องDSLRและแอสเซทเซอรี่ 40%, คอมแพค 30% มิลเลอร์เลนส์ 30%
อย่างไรก็ตามในส่วนของการขยายสาขานั้น ยังคงมีต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นเปิดทดแทนสาขาเดิมที่ยอดขายไม่เป้นไปตามเป้า หรือทั้งปีจะมีร้าน บิ๊ก คาเมร่า เปิดให้บริการทั้งสิ้น 210 สาขา
