ASTVผู้จัดการรายวัน – ธ.ก.ส.ยื่นคำขาดรัฐบาลจัดหาเงิน 2.7 แสนล้านบาทใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ยันไม่สำรองจ่ายก่อนหวั่นซ้ำรอย 2 ปีก่อนทำให้ได้เงินจากการระบายข้าวล่าช้า
แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เกี่ยวกับการดำเนินโครงการจำนำข้าวฤดูการผลิต 56-57ที่จะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ ยังมีความสับสนเกี่ยวกับวงเงินที่ใช้ในการดำเนินโครงการทำให้ทางหน่วยงานผู้ปฎิบัติได้สอบถามไปยังสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดหาวงเงินใช้ดำเนินการโครงการที่กำหนดไว้ 2 รอบจำนวน 2.7 แสนล้านบาท ซึ่งทางสำนักงบประมาณยืนยันว่าให้มีการแยกวงเงินหรือแยกบัญชีในการดำเนินโครงการรอบใหม่กับของ 2 ปีที่ผ่านมาที่กำหนดกรอบไว้ที่ 5 แสนล้านบาท จึงน่าจะเข้าใจได้ว่า 2.7 แสนล้านบาทเป็นเงินใหม่ที่รัฐบาลต้องจัดหามาให้ธ.ก.ส.ใช้ดำเนินโครงการ
อย่างไรก็ตามทางธ.ก.ส.ได้ยืนยันไปว่าหากจะให้ดำเนินโครงการจำนำข้าวรอบใหม่รัฐบาลจะต้องจัดหาวงเงินมาให้ ซึ่งมองว่า 2.7 แสนล้านบาทน่าจะมาจากเงินกู้เป็นหลัก เพราะการระบายข้าวนั้นคงทำได้ไม่มากนัก เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ยังมีภาระในการนำส่งเงินค่าระบายข้าวมาจ่ายคืนส่วนของ 2 ปีก่อนเพื่อดูแลให้กรอบการดำเนินโครงการอยู่ที่ 5 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่เกินไปอยู่ที่ 6.6 แสนล้านบาทแล้ว โดยหากพิจารณาจากปลายปีก่อนถึงปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์นำส่งเงินเข้ามาได้เพียง 1.4 แสนล้านบาทเท่านั้น และถึงแม้จะพยายามระบายข้าวเต็มที่ต่อปีก็ไม่น่าจะเกิน 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขการขายข้าวจากทั้งภาพรัฐและเอกชนในอดีต
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.พร้อมจะดูแลการดำเนินโครงการปีนี้ โดยการสำรองจ่ายไปก่อนจนกว่าจะได้เงินจากการระบายข้าวมา แต่ของปีหน้านั้นไม่สำรองเงินจ่ายไปก่อน แม้จะยังมีเงินสำรองจ่ายก็ตาม เพราะเพราะต้องเตรียมสภาพคล่องไว้ดำเนินงานปกติ อีกทั้งหากจ่ายไปก่อนก็จะทำให้รัฐบาลเห็นว่าธ.ก.ส.มีเงินดำเนินโครงการได้และกระทรวงพาณิชย์ก็จะไม่กระตือรือร้นในการระบายข้าวเพื่อหาเงินมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มเติม
รายงานข่าวแจ้งว่าระหว่างนี้คงต้องหารือกับหน่วยงานทีเกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ว่าจะระบายข้าวหาเงินมาใช้ในโครงการใหม่ได้เท่าไหร่ และกระทรวงการคลังโดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ว่าจะสามารถกู้เงินได้เพิ่มเติมเท่าใดโดยไม่กระทบเพดานเงินกู้หรือกรอบวงเงินรวมในปี 2557
ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะจัดหาเงินกู้เพื่อในโครงการรับจำนำข้าว ในปีการผลิต 2556/57 วงเงินรวม 2.7 แสนล้านบาท เพราะยังมีเพดานการกู้ได้ โดยไม่กระทบต่อกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ระดับหนี้สาธารณะจะไม่เกิน 50% ของจีดีพี และยังมีเพดานเหลือพอที่จะรองรับการกู้เงินในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทด้วย โดยเงินกู้ดังกล่าวจะไม่นับรวมกับกรอบเดิมที่กำหนดให้ใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าวไม่เกิน 5 แสนล้านบาทตามมติครม. เพราะมติเดิมใช้ครอบคลุมฤดูกาลผลิตปี 2554/55 และปี 2555/56 เท่านั้น ถือว่าเป็นคนละรอบการผลิต
“กระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลด้วยการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี โดยที่ได้เจรจาตำลงไปแล้วคือ อิหร่าน และอยู่ระหว่างการเจรจาคือจีน ที่จะระบายข้าวประมาณ 3 แสนตัน หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเจรจาตกลงแล้ว และประเทศต่อไปที่จะมีการเจรจาคือ อิรัก ซึ่งน่าจะได้หลายแสนล้านตันเช่นกัน และยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์จะส่งเงินจากการระบายข้าวให้กับธ.ก.ส.ได้เต็มจำนวนที่แจ้งไว้คือ 2.2 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ได้แน่นอน” นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว.
แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เกี่ยวกับการดำเนินโครงการจำนำข้าวฤดูการผลิต 56-57ที่จะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ ยังมีความสับสนเกี่ยวกับวงเงินที่ใช้ในการดำเนินโครงการทำให้ทางหน่วยงานผู้ปฎิบัติได้สอบถามไปยังสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดหาวงเงินใช้ดำเนินการโครงการที่กำหนดไว้ 2 รอบจำนวน 2.7 แสนล้านบาท ซึ่งทางสำนักงบประมาณยืนยันว่าให้มีการแยกวงเงินหรือแยกบัญชีในการดำเนินโครงการรอบใหม่กับของ 2 ปีที่ผ่านมาที่กำหนดกรอบไว้ที่ 5 แสนล้านบาท จึงน่าจะเข้าใจได้ว่า 2.7 แสนล้านบาทเป็นเงินใหม่ที่รัฐบาลต้องจัดหามาให้ธ.ก.ส.ใช้ดำเนินโครงการ
อย่างไรก็ตามทางธ.ก.ส.ได้ยืนยันไปว่าหากจะให้ดำเนินโครงการจำนำข้าวรอบใหม่รัฐบาลจะต้องจัดหาวงเงินมาให้ ซึ่งมองว่า 2.7 แสนล้านบาทน่าจะมาจากเงินกู้เป็นหลัก เพราะการระบายข้าวนั้นคงทำได้ไม่มากนัก เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ยังมีภาระในการนำส่งเงินค่าระบายข้าวมาจ่ายคืนส่วนของ 2 ปีก่อนเพื่อดูแลให้กรอบการดำเนินโครงการอยู่ที่ 5 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่เกินไปอยู่ที่ 6.6 แสนล้านบาทแล้ว โดยหากพิจารณาจากปลายปีก่อนถึงปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์นำส่งเงินเข้ามาได้เพียง 1.4 แสนล้านบาทเท่านั้น และถึงแม้จะพยายามระบายข้าวเต็มที่ต่อปีก็ไม่น่าจะเกิน 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขการขายข้าวจากทั้งภาพรัฐและเอกชนในอดีต
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.พร้อมจะดูแลการดำเนินโครงการปีนี้ โดยการสำรองจ่ายไปก่อนจนกว่าจะได้เงินจากการระบายข้าวมา แต่ของปีหน้านั้นไม่สำรองเงินจ่ายไปก่อน แม้จะยังมีเงินสำรองจ่ายก็ตาม เพราะเพราะต้องเตรียมสภาพคล่องไว้ดำเนินงานปกติ อีกทั้งหากจ่ายไปก่อนก็จะทำให้รัฐบาลเห็นว่าธ.ก.ส.มีเงินดำเนินโครงการได้และกระทรวงพาณิชย์ก็จะไม่กระตือรือร้นในการระบายข้าวเพื่อหาเงินมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มเติม
รายงานข่าวแจ้งว่าระหว่างนี้คงต้องหารือกับหน่วยงานทีเกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ว่าจะระบายข้าวหาเงินมาใช้ในโครงการใหม่ได้เท่าไหร่ และกระทรวงการคลังโดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ว่าจะสามารถกู้เงินได้เพิ่มเติมเท่าใดโดยไม่กระทบเพดานเงินกู้หรือกรอบวงเงินรวมในปี 2557
ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะจัดหาเงินกู้เพื่อในโครงการรับจำนำข้าว ในปีการผลิต 2556/57 วงเงินรวม 2.7 แสนล้านบาท เพราะยังมีเพดานการกู้ได้ โดยไม่กระทบต่อกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ระดับหนี้สาธารณะจะไม่เกิน 50% ของจีดีพี และยังมีเพดานเหลือพอที่จะรองรับการกู้เงินในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทด้วย โดยเงินกู้ดังกล่าวจะไม่นับรวมกับกรอบเดิมที่กำหนดให้ใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าวไม่เกิน 5 แสนล้านบาทตามมติครม. เพราะมติเดิมใช้ครอบคลุมฤดูกาลผลิตปี 2554/55 และปี 2555/56 เท่านั้น ถือว่าเป็นคนละรอบการผลิต
“กระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลด้วยการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี โดยที่ได้เจรจาตำลงไปแล้วคือ อิหร่าน และอยู่ระหว่างการเจรจาคือจีน ที่จะระบายข้าวประมาณ 3 แสนตัน หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเจรจาตกลงแล้ว และประเทศต่อไปที่จะมีการเจรจาคือ อิรัก ซึ่งน่าจะได้หลายแสนล้านตันเช่นกัน และยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์จะส่งเงินจากการระบายข้าวให้กับธ.ก.ส.ได้เต็มจำนวนที่แจ้งไว้คือ 2.2 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ได้แน่นอน” นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว.