xs
xsm
sm
md
lg

ซีเรีย'โอเค'ให้UNตรวจ'อาวุธเคมี' หลังตะวันตกกดดัน-USเคลื่อนย้ายกำลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ – ซีเรียแถลงในวันอาทิตย์ (25ส.ค.) ว่า สามารถทำความตกลงกับสหประชาชาติ เพื่ออนุญาตให้คณะผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็น เดินทางไปตรวจสอบบริเวณนอกกรุงดามัสกัสซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมีโจมตีในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน อิหร่านที่เป็นพันธมิตรของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ก็ออกมาเตือนสหรัฐฯว่าอย่าได้คิดเข้าแทรกแซงทางทหาร ทั้งนี้ภายหลังจากเพนตากอนเผยว่าได้โยกย้ายสรรพกำลังพรักพร้อม เพียงรอรับคำสั่งจากโอบามา
ตามคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศซีเรีย แองเจลา เคน ผู้แทนด้านการลดกำลังอาวุธของยูเอ็น ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการใหญ่ บัน คีมุน ให้ตกลงเงื่อนไขต่างๆ เกี่ยวกับการตรวจสอบคราวนี้ สามารถทำความตกลงกับรัฐบาลซีเรียได้แล้ว โดยที่คณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติชุดที่เข้าไปในซีเรียตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา จะได้รับมอบอำนาจเพิ่มเติมให้ดำเนินการสอบสวนในบริเวณกรุงดามัสกัส ซึ่งฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาดกล่าวหาว่า รัฐบาลได้เปิดการโจมตีด้วยอาวุธเคมีทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 1,300 คน
รัฐบาลซีเรียเองได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างแข็งกร้าว พร้อมกับระบุว่าฝ่ายกบฎต่างหากที่ต้องถูกประณามในเรื่องนี้
ฝ่ายต่อต้านนั้นกล่าวหารัฐบาลว่า สังหารประชาชนกว่า 1,300 คนด้วยอาวุธเคมีในบริเวณด้านตะวันออกและตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงดามัสกัสเมื่อวันพุธที่แล้ว (21)
ทว่า กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอฟ) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลด้านการแพทย์ที่ได้รับความเชื่อถือ ระบุในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีผู้ป่วยที่มีอาการ "พิษต่อประสาท” ราว 3,600 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 3 แห่งในวันที่มีการกล่าวหาว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมี แต่ผู้เสียชีวิตจากอาการดังกล่าวเพียง 355 คน
อย่างไรก็ดี เอ็มเอสเอฟบอกว่าไม่สามารถยืนยันสาเหตุของอาการเหล่านี้ในทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงไม่สามารถระบุกลุ่มที่ทำการโจมตีได้
หากได้รับการยืนยัน เหตุการณ์นี้จะถือเป็นการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่รุนแรงที่สุดนับจากที่ซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำอิรักที่ล่วงลับ ใช้แก๊สถล่มกองทัพอิหร่านและกบฏชาวเคิร์ดในทศวรรษ 1980
ปีที่แล้ว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศว่า หากกองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมีจะถือเป็นการล้ำเส้น ซึ่งอาจนำไปสู่การแทรกแซงอย่างแข็งกร้าวยิ่งขึ้นของตะวันตก
ในวันเสาร์ (24) หลังการประชุมกับผู้ช่วยระดับสูงด้านความมั่นคงแล้ว โอบามาได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีคาเมรอนของอังกฤษ ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษออกคำแถลงในเวลาต่อมาว่า ผู้นำทั้งสอง “เป็นห่วงอย่างมากกับสัญญาณบ่งชี้ที่เพิ่มขึ้นที่ว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย
“ข้อเท็จจริงที่ว่า ประธานาธิบดีอัสซาดล้มเหลวในการให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) บ่งชี้ว่า ดามัสกัสกำลังปิดบังบางอย่าง
“การใช้อาวุธเคมีโจมตีอย่างรุนแรงสมควรได้รับการตอบโต้จากนานาชาติ” ประโยคสุดท้ายนี้ตอกย้ำเสียงเรียกร้องของฝรั่งเศสให้ “ใช้กำลัง” กับซีเรีย
ต่อมาในวันอาทิตย์ (25) ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า เพนตากอนได้จัดเตรียมทางเลือกต่างๆ สำหรับกรณีฉุกเฉินทั้งหมดพร้อมแล้ว รอเพียงคำสั่งจากประธานาธิบดีเท่านั้น แต่สำทับว่า ขณะนี้สหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข่าวกรอง
นอกจากนี้เฮเกลยังกล่าวระหว่างเดินทางจากฮาวายไปยังมาเลเซียเพื่อเริ่มต้นการทัวร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเขา ว่า กองทัพสหรัฐฯได้เคลื่อนย้ายกำลังทางทะเลไปยังพื้นที่ที่จำเป็น ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า วอชิงตันอาจเลือกใช้การโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธ
ทว่า ในวันเดียวกันนั้น มาสซูด จาซาเยรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน พันธมิตรสำคัญของซีเรีย เตือนว่า หากล้ำเส้น อเมริกาจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง
ก่อนหน้านั้น โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของเตหะราน ยืนยันภายหลังหารือทางโทรศัพท์กับวาลิด มูอัลเล็ม รัฐมนตรีต่างประเทศของซีเรียว่า ดามัสกัสจะให้ความร่วมมือกับยูเอ็นเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาเรื่องอาวุธเคมี
ซารีฟยังกล่าวกับจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า ซีเรีย “ไม่มีอะไรต้องปกปิด” และจะนำคณะเจ้าหน้าที่ของยูเอ็นลงพื้นที่ก่อนที่หลักฐานจะถูกทำลาย
ทั้งนี้ ยังคงมีรายงานเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่องในซีเรีย โดยสื่อของรัฐกล่าวหากลุ่มกบฏว่าเป็นฝ่ายใช้อาวุธเคมีโจมตีกองทัพในบริเวณโจบาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของดามัสกัส
ทว่า กลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ ของฝ่ายกบฎปฏิเสธข้อกล่าวหา และตอบโต้ว่า รัฐบาลพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีการขนอาวุธหลายร้อยตันจากตุรกีเข้าสู่ซีเรีย เพื่อสนับสนุนกลุ่มกบฏตอบโต้รัฐบาลซีเรียที่ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชน
จากรายงานของยูเอ็น มีผู้เสียชีวิตในซีเรียมากกว่า 100,000 คน นับจากประชาชนลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลเมื่อเดือนมีนาคม 2011 และผู้คนนับล้านหนีออกนอกประเทศหรืออพยพกระจัดกระจายอยู่ภายในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น