xs
xsm
sm
md
lg

ขวางระบบ'แม้ว'กินรวบสภาสูง-ดื้อลงมติเจอกันที่ศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ลากยาวถกร่าง รธน. ที่มา สว.ต่ออีก 27-29 ส.ค.นี้ ถึงคิว สว.เลือกตั้ง-สรรหา เดือด!ห่วงเพิ่ม 200 คน งบบาน 1,500 ล้าน ด้าน ปชป.ขวางระบบแม้วกินรวบสภาสูง หวั่นเสพติดอำนาจ แฉบางจำพวกหาประโยชน์จากรัฐบาล “มาร์ค”ย้ำหากลงมติ สุดท้ายเจอกันที่ ศาลรธน.แน่

วานนี้ (22 ส.ค.56เวลา10.25 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพิ่มเติม มาตรา 111 112 115 116 วรรคสอง 117 118 120 241วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา113 114 ใน ประเด็นที่มาของ ส.ว. ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เป็นวันที่ 3

โดยพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้ง 200 คน เพราะเชื่อว่าจะไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้ อีกทั้งในช่วงที่มีส.ว.มาจากการเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ 2540 พบว่าทำให้มีปัญหา คือ ถูกควบคุมจากฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ จน เป็นต้นเหตุให้เกิดการปฏิวัติวันที่ 19 ก.ย. พ.ศ.2549 ทั้งนี้หลังการปฏิวัติได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไข ปมปัญหาดังกล่าว โดยให้มีส.ว.มาจากการสรรหา อย่างไรก็ตามในหลักการของการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้อง แก้ไขให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้ผลที่เลวร้าย โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด พบว่าให้กลับไปใช้วิธีเลือกตั้งส .ว.ตามรัฐธรรมนุญปี 2540 แต่มีความเลวร้ายยิ่งกว่า คือ ให้ดำรงตำแหน่งได้ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้ง มีวาระดำรงตำแหน่ง 6 ปีซึ่งเกินกว่าวาระดำรงตำแหน่งของส.ส.

“สว.สรรหายึดประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ตอบสนองรัฐบาล หากรัฐบาลทำประโยชน์ประเทศชาติและ ประชาชน ตนพร้อมสนับสนุน แต่หากมีความสงสัยว่าผลที่เกิดขึ้นมีประโยชน์กับประเทศหรือไม่ เมื่อเกิด เหตุอะไร ก็มาโทษทหาร พวกทหารไม่ยอมให้ประเทศล่มสลาย แม้เขาไม่อยากทำ แต่เมื่อประเทศเกิดความ เลวร้ายกว่าเดิมเขาก็ต้องทำ ประชาธิปไตยจะอยู่ได้พวกเราต้องช่วยกัน อีกทั้งการเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด”พล.อ.สมเจตน์ อภิปราย

เวลา 11.00 น. มีเหตุประท้วงวุ่นวายเล็ก โดยเป็นการประท้วงระหว่าง ส.ว.สรรหาและส.ว.เลือกตั้ง นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขของคณะกรรมาธิการ จะขอให้คงไว้เท่าเดิม 150 คน และเห็นด้วยที่จะให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แต่ต้องแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้ ประเภทที่ 1 แบบเขตเลือกตั้ง ให้ใช้เขตจังหวัด 1 จังหวัดมี 1 คน ไม่มีความจำเป็นที่ 1 จังหวัดจะต้องมีมากเท่าส.ส. เพราะส .ว.มีอำนาจหน้าที่ต่างจาก ส.ส.ไม่ต้องไปใกล้ชิดกับประชาชนเหมือนกับ ส.ส. ส่วนประเภทที่ 2 เลือกตั้งจากสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อทดแทน ส.ว.สรรหา โดยให้ขึ้นทะเบียนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และให้ประชาชนมาเลือก เพื่อให้สาขาอาชีพได้เลือกตัวแทนอาชีพของตนเข้ามาทำงานในสภา จะได้เชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆได้ดี เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับสาขาอาชีพเลย และปัจจุบันค่าใช้จ่ายของส.ว.1 คน ใน 1 ปีคือจำนวน 5 ล้านบาท หากมี ส.ว.เพิ่มขึ้น 50 คน ใน 6 ปีต้องใช้งบประมาณ1,500 ล้านบาท ทำไมไม่นำเงินตรงนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกจากนี้ห้องประชุมรัฐสภาก็ต้องขยาย เพิ่มที่นั่งขึ้นมา มีความจำเป็น แค่ไหน ที่ต้องเพิ่มอีก

นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนอยากเห็นประเทศไทย มี ส.ว. 2 ประเภท ทั้งเลือกตั้ง และ สรรหา โดย ส.ว.สรรหา ไม่ได้เป็นโทษอย่างที่ถูกกล่าวหา แม้การแก้ไขเรื่องนี้ตนจะมีส่วนได้ส่วนเสียแต่ยืนยันว่าไม่ ว่าจะถูกไล่ออกหรืออยู่จนครบวาระ จะไม่ขอกลับเข้ามาในฐานะ ส.ว.อีก ทั้งนี้ยืนยันว่าการที่ตนได้เป็นส.ว .สรรหาเพราะความรู้ ความสามารถ ไม่ได้เป็นเพราะรู้จักใครคนใดคนหนึ่ง

“วุฒิสภาไม่ควรมีพื้นฐานการเมืองเดียวกับฝ่ายบริหาร และวุฒิสภา มาจากการสรรหาทำงาน 5 ปี ที่ผ่านมาได้ ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีคุณภาพ เป็นที่พอใจประชาชน ดังนั้นหากจะแก้ไขให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งอย่างเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิสภาอีกต่อไป ที่ผ่านมามีหลายคนขอให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ออกไปเพราะไม่ อยากให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด”นายประสงค์ กล่าว

เมื่อพูดถึงช่วงนี้ทำให้นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ไม่อยาก ให้อ้างคนไม่กี่คนที่มาขอชะลอ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ดูผลสำรวจของกรุงเทพโพล ร้อยละ59 ต้องการให้วุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนายประสงค์ ไม่ได้สนใจ พร้อมอภิปรายต่อว่า ขอสาปแช่งคนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่มาของ ส.ว. และเห็นว่า ส.ว.สรรหามีประโยชน์ เหมือนกับนาฬิกาที่ไม่เสียจะซ่อมทำไม

ทำให้นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเห็นว่าไม่ถูกต้องที่มาสาปแช่งคนเสนอแก้ไข ตนรู้ว่าที่นายประสงค์ได้เป็นส.ว.นั้นได้มาเพราะ อะไร ทำให้นายประสงค์ ชี้แจงว่า ตนสาปแช่งคนที่มีเจตนาไม่สุจริต คนที่มีเจตนาดีก็ไม่ต้องเดือดร้อน และ ขอยืนยันว่า ต้องการเห็น ส.ว. มาจากการสรรหา ทำงานคู่กับ ส.ว.เลือกตั้ง จากประชาชนโดยตรง.

**สว.อัด ปชป. ปากประชาธิปไตยใจเผด็จการ

เวลา 14.00 น. หลังนายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายลากยาวมาตรา 3 มากกว่า 1 ชั่วโมง โดยระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชน แต่แก้ไขเพื่อให้ทุนการเมือง และพรรคการเมืองสนับสนุน ส.ว.เลือกตั้ง ซึ่งการเสนอตัดนั้นก็เพื่อไม่ให้มีเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน

ทำให้นายมงคล ศรีกำแพง ส.ว.จันทบุรี ลุกขึ้นประท้วง การอภิปรายของนายธนา ที่มีการกล่าวหา ส.ว.มีผล ประโยชน์ต่างตอบแทนเข้ามาเกี่ยวข้อง ว่า ตนเป็นส.ว.จากสายเลือกตั้ง มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ปาก ประชาธิปไตยแต่ใจเผด็จการ ทันที่พูดจบก็ได้รับเสียงปรบมือจากกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง

ทำให้นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงขอให้ถอนคำพูดดังกล่าวออก ทำให้นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ขอให้ถอนคำพูดเพื่อให้บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี นายมงคล จึงลุกชี้แจงว่า ตนไม่ได้เจาะจงว่าใคร แต่ใครรับก็จะถอน แต่จะให้ถอนตรงไหน ถ้าอย่างนั้นคงต้องใช้คำว่า ปากว่าตาขยิบ ใช่หรือไม่ ในที่สุดนาย ธนาก็อภิปรายต่อจนจบ

**ปชป.จวกพท.ยกจม.ชาญวิทย์อัดอนาธิปไตย

เวลา 16.43 น. การประชุมเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อ นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมาธิการฯ ลุกขึ้นชี้แจงโดยให้ฝ่ายค้านไปอ่านบทความของ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในมติชนออนไลน์ ที่ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชี้ให้เห็นถึงภัยจากปลุกระบอบอนาธิปไตยมุ่งสู่ยึดอำนาจ ทำให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมาตอบโต้พร้อมกับกล่าวหาว่ามติชนเป็นกระจกที่ฝ้ามัว นายชาญวิทย์เป็นเสื้อแดงกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ปลุกระบอบอนาธิปไตย เป็นการใช้ข้อความนายชาญ วิทย์มาใส่ร้ายป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถต้องลุกขึ้นชี้แจงว่า เนื้อหาดังกล่าวปรากฏอยู่ในสื่อสาธารณะใครก็อ่านได้ทั้งนั้น เป็นความคิดที่นายชาญวิทย์นักประวัติศาสตร์เสนอจดหมายไปถึงนายชวน

นายนิพิฏฐ์ตอบโต้กลับว่า การนำจดหมายดังกล่าวมาใส่ร้ายประชาธิปัตย์ ถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้า แน่จริงอย่าใช้ชื่อนายชาญวิทย์บังหน้า ตนไม่อ่านน.ส.พ.มติชนและไม่เชื่อมาตั้งนานแล้ว สิ่งที่พรรคเราประ ชาธิปัตย์ทำมาไม่ใช่ป่วนถนน ปลุกระบอบอนาธิปไตย มีแต่พวกท่านที่ใช้อันธพาลมาป่วนบ้านเมือง ทำให้

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. ลุกขึ้นประท้วงที่นายนิพิฏฐ์กล่าวหา บุคคลภายนอกหลายครั้ง ซึ่งเขาไม่มีโอกาสชี้แจง ที่นายนิพิฏฐ์บอกว่าไม่เคยป่วนในท้องถนน แต่สัปดาห์ที่ แล้วไปชวนแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มการเมืองอื่น มาขับไล่รัฐบาลตรงนี้เป็นข้อเท็จจริง เพราะสิ่งที่ เราทำต่างจากนายก่อแก้วคือไม่เผาบ้านเผาเมือง ทำประเทศเสียหาย มีประชาชนบาดเจ็บและล้มตาย ส่วนที่ บอกว่าตนไปชวนพันธมิตรฯมาร่วมชุมนุมนั้นเราทำกิจกรรมการเมืองต่างกัน เพราะไม่เคยทำความเสียหาย ให้กับบ้านเมือง และทำตามรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปตย์ทำตามกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องออกกกฎหมายนิรโทษกรรม อย่างไรก็ตามนายก่อแก้วตอบโต้ว่า ศาลได้ยกฟ้องในคดีที่มีผู้เผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์แล้ว และศาลชี้ชัดว่ามีคนฆ่าประชาชน ทำให้นายนิพิฏฐ์โต้กลับว่า ขณะนี้คดียังไม่จบ เพราะเชื่อว่าอัยการจะมีการ อุทธรณ์ เรื่องคดีเผาเซนทรัลเวิลด์อยู่ และยังคดีเผาศาลากลางจังหวัด ทำให้นายสมศักดิ์ ท้วงว่า ที่นายนิพิฏฐ์ พูดว่านี่แหละใส่ร้ายๆ แล้วใช้วิธีโห่อย่างนี้

จากนั้นได้เกิดการตอบโต้กันไปมา นายสมศักดิ์ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม พยายามไกล่เกลี่ย แต่กลับมาเสียงโห่จากส.ส.ประชาธิปัตย์ใส่นายก่อแก้วและจี้ให้นายก่อแก้วถอนคำพูด จนบรรยากาศทำท่าจะ บานปลายที่สุด นายสามารถจึงยอมถอนคำพูด จากนั้นการประชุมจึงเดินหน้าต่อไป

**วิปรัฐคาดลากยาว ถึงกันยายน

นายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า วันที่ 27-30 ส.ค.จะเป็นการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาต่อในร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว.แต่ไม่ได้

กำหนดวันแล้วเสร็จอาจต่อเนื่องไปถึงเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตามอยากให้การพิจารณาประเด็นที่มา ส.ว.แล้ว เสร็จภายในเดือน ก.ย.เนื่องจากมีกำหนดแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 2 ปี สำหรับร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้าน ล้านบาท ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับมาตรา 190 มาตรา 68 และ 237 ยังไม่ได้หารือว่าจะนำเข้าพิจารณาเมื่อใด

**ปชป.ย้ำหากลงมติ ถึงศาลรธน.แน่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่า เป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นภาพของความพยายามที่จะรวบอำนาจ จึงมีความสุ่มเสี่ยงอย่างสูงต่อการถูกครอบงำ โดยฝ่ายการเมือง และพรรคการเมือง ทำให้การตรวจสอบถ่วงดุล ตามกลไกต่างๆ ในรัฐธรรมนูญก็จะทำงานได้ยาก ซึ่งก็ดูจะ สอดคล้องกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยประกาศอยู่ตลอดเวลาว่าต้องการจะเพิ่มอำนาจให้กับตนเอง แล้วก็อันนี้ก็เป็น เพียงก้าวหนึ่ง อีกก้าวต่อไปก็กำลังจะจ้องในการที่จะลดอำนาจขององค์กรอิสระ และศาล

เมื่อถามว่า อาจจะมี ส.ว.บางคนไม่กล้าลงมติกรณีผลประโยชน์ขัดกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากล้าก็คงจะต้องมีปัญหาตามไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ

กรณีนายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยระบุว่าเป็นเจตนาที่จะล้มระบบรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงกล่าวหาผิดคน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยควรไปต่อว่าประธานสภา ซึ่งพวกตนไม่ได้คิดจะล้มสภา แต่ ต้องการจะใช้สภาเป็นที่พูด พวกคุณต่างหากที่ไม่ให้พวกเราพูดในสภา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส.สุราษธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่า ฝ่ายค้านจะยังคงทำหน้าที่คัดค้าน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างเต็มที่ และยังไม่จำเป็นต้องลาออกไปเคลื่อนไหวนอกสภา เนื่องจากมองว่า ร่างกฏหมายต่างๆ ที่ถูกบรรจุล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อบ้านเมือง จำเป็นต้องใช้สิทธิเพื่อสงวนผลประโยชน์ของประชาชน เชื่อว่ารัฐบาล มีการวางแผนเดินเกมส์การเมืองมาอย่างดี จนสามารถทำให้ร่างกฎหมายต่างๆ สามารถเดินหน้าได้อย่างสอดคล้อง อย่างไรก็ตามปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เกี่ยวกับการลาออกจากพรรค แต่ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ในขณะนี้อย่างดีที่สุด และเมื่อถึงเวลา ที่ต้องตัดสินใจ ตนก็พร้อมตัดสินใจ โดยจะยึดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น