00 คงช็อกและพล่านกันอย่างอย่างที่เห็นหลังจากสภาพัฒน์ได้แถลงตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสสอง ที่ออกมาเลวร้ายเกินคาด และกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างน่ากลัว เพราะแม้ว่ารัฐบาลโดย รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง จะเถียงหัวชนฝาว่า ไม่ใช่ถดถอย แค่ "ชะลอ" ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากตัวเลขที่ปรากฏออกมามันก็เถียงลำบาก โดยเฉพาะเทียบกันต่อไตรมาสแล้วมันก็ใช่เลย ที่สำคัญยังมีการปรับเปลี่ยนตัวเลขจีดีพีเสียใหม่ จากเดิมที่คาดกันว่าทั้งปีจะโต 4.2-5.2 เปอร์เซ็นต์ เหลือแค่ 3.8-4.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งในเวลาต่อมาทางทีดีอาร์ไอ ก็ต้องรีบออกมาเตือนว่า หากจีดีพีโตต่ำกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ ก็ป่วนแน่ เพราะนั่นเท่ากับว่า มีผลกระทบต่อ"การจ้างงาน" จะมีการเลิกจ้าง และแรงงานที่จบใหม่จะหางานทำได้ยาก
00 ขณะเดียวกันจากรายงานทางเศรษฐกิจยังชี้ให้เห็นถึง "หนี้ครัวเรือน" ที่พุ่งกระฉูดจนใกล้แตะ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงการคลัง ก็ได้ออกมา"เสกตัวเลขใหม่" แล้วว่ามีแค่ 64 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อ้างว่าต้องแยกหนี้ที่เป็นสินเชื่อธุรกิจครอบครัว อะไรประมาณนั้น เอาเป็นว่าไม่ถึงก็ไม่ถึง แต่อย่าให้กลายเป็นว่า "ปกปิดข้อมูล" เพราะนั่นเท่ากับว่ายิ่งเลวร้ายซ้ำเติมอีก ในเรื่องความน่าเชื่อถือจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อย่าให้เกิดกรณี "โกหกสีขาว" ซ้ำซากนัก
00 อย่างที่บอกก็คือ รัฐบาลนี้ถ้าจะล้ม ซวนเซอยู่ในช่วงขาลงอย่างรวดเร็วก็จะมาจากเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ "ปัญหาปากท้อง" นี่แหละ สวนเรื่องการเมืองในสภา ทั้งเรื่องแก้ไขรธน. รวมทั้งพ.ร.บ.นิรโทษฯ อาจเป็น "ตัวเร่ง" ชั้นดี แต่ที่เชื่อว่าชี้ขาดก็น่าจะยังเป็นเรื่อง"ความเดือดร้อนใกล้ตัว" อย่างเรื่อง "ของแพง" นี่แหละ หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าทุกอย่างเริ่มรุมเร้ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บีบรัดเข้ามาทุกขณะ ขณะเดียวกันเวลานี้ราคาสินค้าเกษตรตัวหลักๆ ทัั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ตกต่ำอย่างที่ไมเคยปรากฏมาก่อน และอีกไม่นานก็จะเห็นการประท้วงครั้งใหญ่ของชาวสวนยาง และปาล์มทั่วประเทศ เพราะถือว่าเริ่มเดือดร้อนจนทนไม่ได้แล้ว
00 ส่วนโครงการรับจำนำข้าว นั้นไม่ต้องห่วง "สาหัส" อยู่แล้ว วันก่อนระดับผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ของธ.ก.ส. ออกมาเปิดเผยย้ำอีกครั้งว่า กำลังขาดสภาพคล่อง (ใช้คำว่าขาดเงินหมุนเวียน) เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ส่งเงินมาเติมให้ไม่ทัน หลังจาก ธ.ก.ส. ต้องใช้เงินสำรองจ่ายไปแล้วกว่า 2.5 แสนล้านบาท แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จ่ายเงินมาให้ แต่เท่าที่ฟังมันเข้ามาแค่ "กะปริบกะปรอย" ไม่ครบจำนวนที่ต้องการ และอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีข้อมูลที่ชาวนาต้องเดือดดาลแน่ก็คือราคาจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ปี 56/57 จะเหลือแค่ตันละ 12,000 บาท ไม่ใช่ 13,500 และยังจำกัดโควตาแค่ 3.5 แสนบาทต่อครัวเรือน ไม่ใช่ 5 แสนบาทตามมติของกขช.ก่อนหน้านี้ แม้ว่านี่ยังไม่ใช่เป็นมติสรุปสุดท้ายจากรัฐบาล แต่แนวโน้มน่าจะใช่ เพราะเป็นตัวเลขจากผู้บริหารธ.ก.ส.ที่ถือเงิน และที่สำคัญการจำกัดวงเงินที่ว่านี้ เป็นเพราะ "ถังแตก" ขาดทุนบักโกรก หมุนเงินไม่ทัน ไม่งั้นคงไม่หักดิบกับชาวนาแบบนี้หรอก
00 อาจเป็นเพราะช่วงนี้กำลัง"หน้ามืด"ชุลมุนอยู่กับ "เรื่องส่วนตัว"ของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวในเรื่องการแก้รธน. ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ เรื่องเงินเรื่องทองอย่าง พ.ร.บ.งบประมาณ , พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แต่อีกหน่อยก็ต้องเจอแน่ ทั้งเรื่องจำนำข้าวที่ถังแตกต้องลดราคาลงมาดังกล่าว ชาวนาทั้งเสื้อแดงและไม่แดง จะว่าไง ของแพง รมว.พาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล จะว่าไง จะให้ "รมช.โชว์ห่วย" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบายข้าวทีละ 2-3 หมื่นตัน มาขายเป็นข้าวสารราคาถูก มันจะทันการณ์และจะทำได้สักกี่น้ำเชียว แล้วยังเดือนหน้า วันที่ 1 ก.ย.นี้ รมว.พลังงาน พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล จะดีเดย์ขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีกกิโลกรัมละ 50 ส.ต.ไปจนถึงสิ้นปี ลองนึกดูก็แล้วกันว่าราคาข้าวแกง จะแพงกันขนาดไหน ข้าวผัดกระเพราราดข้าวแบบไม่เอาไข่ดาว จะมีราคาจานละเท่าไหร่ คิดแล้วสยอง ทำไมห่วยนักวะ แม้ว !!
00 ขณะเดียวกันจากรายงานทางเศรษฐกิจยังชี้ให้เห็นถึง "หนี้ครัวเรือน" ที่พุ่งกระฉูดจนใกล้แตะ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงการคลัง ก็ได้ออกมา"เสกตัวเลขใหม่" แล้วว่ามีแค่ 64 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อ้างว่าต้องแยกหนี้ที่เป็นสินเชื่อธุรกิจครอบครัว อะไรประมาณนั้น เอาเป็นว่าไม่ถึงก็ไม่ถึง แต่อย่าให้กลายเป็นว่า "ปกปิดข้อมูล" เพราะนั่นเท่ากับว่ายิ่งเลวร้ายซ้ำเติมอีก ในเรื่องความน่าเชื่อถือจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อย่าให้เกิดกรณี "โกหกสีขาว" ซ้ำซากนัก
00 อย่างที่บอกก็คือ รัฐบาลนี้ถ้าจะล้ม ซวนเซอยู่ในช่วงขาลงอย่างรวดเร็วก็จะมาจากเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ "ปัญหาปากท้อง" นี่แหละ สวนเรื่องการเมืองในสภา ทั้งเรื่องแก้ไขรธน. รวมทั้งพ.ร.บ.นิรโทษฯ อาจเป็น "ตัวเร่ง" ชั้นดี แต่ที่เชื่อว่าชี้ขาดก็น่าจะยังเป็นเรื่อง"ความเดือดร้อนใกล้ตัว" อย่างเรื่อง "ของแพง" นี่แหละ หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าทุกอย่างเริ่มรุมเร้ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บีบรัดเข้ามาทุกขณะ ขณะเดียวกันเวลานี้ราคาสินค้าเกษตรตัวหลักๆ ทัั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ตกต่ำอย่างที่ไมเคยปรากฏมาก่อน และอีกไม่นานก็จะเห็นการประท้วงครั้งใหญ่ของชาวสวนยาง และปาล์มทั่วประเทศ เพราะถือว่าเริ่มเดือดร้อนจนทนไม่ได้แล้ว
00 ส่วนโครงการรับจำนำข้าว นั้นไม่ต้องห่วง "สาหัส" อยู่แล้ว วันก่อนระดับผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ของธ.ก.ส. ออกมาเปิดเผยย้ำอีกครั้งว่า กำลังขาดสภาพคล่อง (ใช้คำว่าขาดเงินหมุนเวียน) เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ส่งเงินมาเติมให้ไม่ทัน หลังจาก ธ.ก.ส. ต้องใช้เงินสำรองจ่ายไปแล้วกว่า 2.5 แสนล้านบาท แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จ่ายเงินมาให้ แต่เท่าที่ฟังมันเข้ามาแค่ "กะปริบกะปรอย" ไม่ครบจำนวนที่ต้องการ และอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีข้อมูลที่ชาวนาต้องเดือดดาลแน่ก็คือราคาจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ปี 56/57 จะเหลือแค่ตันละ 12,000 บาท ไม่ใช่ 13,500 และยังจำกัดโควตาแค่ 3.5 แสนบาทต่อครัวเรือน ไม่ใช่ 5 แสนบาทตามมติของกขช.ก่อนหน้านี้ แม้ว่านี่ยังไม่ใช่เป็นมติสรุปสุดท้ายจากรัฐบาล แต่แนวโน้มน่าจะใช่ เพราะเป็นตัวเลขจากผู้บริหารธ.ก.ส.ที่ถือเงิน และที่สำคัญการจำกัดวงเงินที่ว่านี้ เป็นเพราะ "ถังแตก" ขาดทุนบักโกรก หมุนเงินไม่ทัน ไม่งั้นคงไม่หักดิบกับชาวนาแบบนี้หรอก
00 อาจเป็นเพราะช่วงนี้กำลัง"หน้ามืด"ชุลมุนอยู่กับ "เรื่องส่วนตัว"ของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวในเรื่องการแก้รธน. ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ เรื่องเงินเรื่องทองอย่าง พ.ร.บ.งบประมาณ , พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แต่อีกหน่อยก็ต้องเจอแน่ ทั้งเรื่องจำนำข้าวที่ถังแตกต้องลดราคาลงมาดังกล่าว ชาวนาทั้งเสื้อแดงและไม่แดง จะว่าไง ของแพง รมว.พาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล จะว่าไง จะให้ "รมช.โชว์ห่วย" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบายข้าวทีละ 2-3 หมื่นตัน มาขายเป็นข้าวสารราคาถูก มันจะทันการณ์และจะทำได้สักกี่น้ำเชียว แล้วยังเดือนหน้า วันที่ 1 ก.ย.นี้ รมว.พลังงาน พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล จะดีเดย์ขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีกกิโลกรัมละ 50 ส.ต.ไปจนถึงสิ้นปี ลองนึกดูก็แล้วกันว่าราคาข้าวแกง จะแพงกันขนาดไหน ข้าวผัดกระเพราราดข้าวแบบไม่เอาไข่ดาว จะมีราคาจานละเท่าไหร่ คิดแล้วสยอง ทำไมห่วยนักวะ แม้ว !!