ASTVผู้จัดการรายวัน-“สมพล”แนะรับมือความเสี่ยงรูปแบบใหม่ ที่มีลักษณะรวดเร็ว รุนแรง และเชื่อมโยงถึงกัน พร้อมเน้นผลิตสินค้าที่เป็นนวัตกรรม “กานต์”ชี้ไทยพ้นยุคใช้แรงงานเข้มข้น ต่อไปต้องเน้นเพิ่มมูลค่าให้สินค้า
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ความท้าทายของการค้าไทยทศวรรษหน้า” ในโอกาสกระทรวงพาณิชย์ครบรอบ 93 ปี ว่า ความเสี่ยงทางด้านการค้านับจากนี้ไปจะมีลักษณะที่รุนแรง รวดเร็ว เชื่อมโยงถึงกัน และคาดไม่ถึง อย่างเรื่องเกิดที่อียิปต์ แต่วันนี้มาถึงไทยแบบไม่รู้เรื่องเลย หรืออินโดนีเซียเข้มงวดแบงก์พาณิชย์ แต่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนไทย ซึ่งความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นบางครั้งก็เชื่อมโยงกันได้โดยไม่มีเหตุผล ทำให้ไม่รู้วิธีการแก้ไข
“นับจากนี้ จะต้องคิดเผื่อไว้ เพราะเหตุผลมันจะไม่ใช่อย่างที่คิด เรื่องคาดไม่ถึง จะเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และยิ่งตอนนี้เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งคุณภาพ ใครเริ่มช้า ตายแน่นอน ใครหลุดจากคุณภาพ คนนั้นจะตกโลกทันที เป็นเรื่องใหญ่มาก “นายสมพล กล่าว
ทั้งนี้ เห็นว่า การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ (Value Creation) เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะตลาดจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่วนการทำตลาด อยากให้เน้นตลาดอาเซียน แต่ไม่ต้องมองอาเซียนแบบกว้างมาก ขอให้เน้นประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม รวมไปถึงจีนและเอเชียใต้ ต้องเชื่อมต่อตรงส่วนนี้ให้ได้ ส่วนอาเซียนอื่น อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ทำไปแต่ยังไกลกว่าประเทศข้างต้น
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยกำลังจะพ้นจากยุคการใช้แรงงานเข้มข้น มีการคาดการณ์ในปี 2030 งาน 2 พันล้านตำแหน่งจะหายไป โดยธุรกิจจะใช้หุ่นยนต์ในการทำงาน ดังนั้น การขับเคลื่อนจากนี้ไปจนถึง 20-30 ปีข้างหน้า ต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นการผลิตสินค้าต้องหันมาเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม
“เราต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยี ต้องเร่งสร้างแบรนด์สินค้า สร้างความยั่งยืน ต้องปรับตัวเร็ว ต้องโปร่งใส ตัวสินค้าต้องเป็นนวัตกรรมใหม่ สินค้าต้องกรีน เพราะผู้บริโภคยุคใหม่จะสนใจเรื่องพวกนี้มาก”นายกานต์กล่าว
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ความท้าทายของการค้าไทยทศวรรษหน้า” ในโอกาสกระทรวงพาณิชย์ครบรอบ 93 ปี ว่า ความเสี่ยงทางด้านการค้านับจากนี้ไปจะมีลักษณะที่รุนแรง รวดเร็ว เชื่อมโยงถึงกัน และคาดไม่ถึง อย่างเรื่องเกิดที่อียิปต์ แต่วันนี้มาถึงไทยแบบไม่รู้เรื่องเลย หรืออินโดนีเซียเข้มงวดแบงก์พาณิชย์ แต่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนไทย ซึ่งความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นบางครั้งก็เชื่อมโยงกันได้โดยไม่มีเหตุผล ทำให้ไม่รู้วิธีการแก้ไข
“นับจากนี้ จะต้องคิดเผื่อไว้ เพราะเหตุผลมันจะไม่ใช่อย่างที่คิด เรื่องคาดไม่ถึง จะเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และยิ่งตอนนี้เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งคุณภาพ ใครเริ่มช้า ตายแน่นอน ใครหลุดจากคุณภาพ คนนั้นจะตกโลกทันที เป็นเรื่องใหญ่มาก “นายสมพล กล่าว
ทั้งนี้ เห็นว่า การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ (Value Creation) เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะตลาดจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่วนการทำตลาด อยากให้เน้นตลาดอาเซียน แต่ไม่ต้องมองอาเซียนแบบกว้างมาก ขอให้เน้นประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม รวมไปถึงจีนและเอเชียใต้ ต้องเชื่อมต่อตรงส่วนนี้ให้ได้ ส่วนอาเซียนอื่น อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ทำไปแต่ยังไกลกว่าประเทศข้างต้น
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยกำลังจะพ้นจากยุคการใช้แรงงานเข้มข้น มีการคาดการณ์ในปี 2030 งาน 2 พันล้านตำแหน่งจะหายไป โดยธุรกิจจะใช้หุ่นยนต์ในการทำงาน ดังนั้น การขับเคลื่อนจากนี้ไปจนถึง 20-30 ปีข้างหน้า ต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นการผลิตสินค้าต้องหันมาเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม
“เราต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยี ต้องเร่งสร้างแบรนด์สินค้า สร้างความยั่งยืน ต้องปรับตัวเร็ว ต้องโปร่งใส ตัวสินค้าต้องเป็นนวัตกรรมใหม่ สินค้าต้องกรีน เพราะผู้บริโภคยุคใหม่จะสนใจเรื่องพวกนี้มาก”นายกานต์กล่าว
