ASTVผู้จัดการรายวัน - พาณิชย์วอนผู้ผลิตอาหารสัตว์รับซื้อข้าวโพดเพิ่มขึ้นหลังผลผลิตทะลักสู่ตลาดในช่วงนี้ เหตุ”สหฟาร์ม”ปิดโรงงานชั่วคราว ทำให้ดีมานด์หายไป ด้านซีพีขานรับพร้อมซื้อจากเกษตรกรเพิ่มขึ้น โดยยอมรับว่าราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว คาดว่าราคาเฉลี่ย 8-9บาท/กก.
นายไพศาล เครือวงศ์วานิช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือซีพี เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายรัฐในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูกาลปี2556/2557 ที่ออกมาในเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ เพื่อไม่ให้ราคาตกต่ำจนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย หลังจากบริษัท สหฟาร์ม ผู้ผลิตและส่งออกไก่รายใหญ่ของไทยได้หยุดโรงงานผลิตชั่วคราวไปเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ต้องหยุดซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามไปด้วย
ในปีนี้เชื่อว่าราคาวัตถุดิบเพื่อผลิตอาหารสัตว์ทั้งข้าวโพด และกากถั่วเหลืองจะไม่แพงเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ผลผลิตข้าวโพดสูงขึ้นกว่าปีก่อนในทุกภูมิภาคของโลกเนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศที่ดี ทำให้ได้ผลผลิตจากการเพาะปลูกเพิ่มขึ้น ผิดจากปีที่แล้วที่ผลผลิตข้าวโพดออกมาน้อยและบางส่วนถูกนำไปใช้ผลิตพลังงานจากพืชด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในต้นฤดูการผลิตนี้คาดว่าจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 8-9 บาทซึ่งเป็นราคาปกติ แต่ต่ำกว่าปีก่อนที่เคยราคาสูงถึง 10.50-11 บาท/กิโลกรัม ต้องยอมรับปีที่แล้วราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงกว่าปกติ และนโยบายรัฐที่อนุญาตให้มีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านก็สิ้นสุดลงในเดือนนี้ โดยฤดูกาลผลิตนี้คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตข้าวโพดอยู่ที่ 3 ล้านกว่าตัน ซึ่ง ผู้ผลิตอาหารสัตว์จะช่วยรับซื้อในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นในราคาเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไม่ได้ลดลง เพียงแต่ราคาในช่วงต้นฤดูการผลิตจะต่ำลงเล็กน้อย
สำหรับอาหารกุ้งในขณะนี้เริ่มมีกำลังซื้อกลับเข้ามาใหม่ หลังจากเกษตรกรได้หยุดเลี้ยงกุ้งไปชั่วคราว เนื่องจากประสบปัญหาโรคEMS ทำให้เกษตรกรเสียหายไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายทำให้เกษตกรผู้เลี้ยงกุ้งหันมาลงกุ้งใหม่ในช่วง 1-2 เดือนนี้ แต่ก็ยังไม่เลี้ยงกุ้งเต็มที่ คงต้องรออีกระยะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ได้แสดงความกังวลราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูการผลิต 2556/2557 ที่คาดว่าจะมีปริมาณ 4.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2% โดยเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในช่วงนี้ ทำให้ราคาปรับลดลง เนื่องจากสต็อกมีปริมาณมาก และมีผู้ผลิตรายใหญ่ได้หยุดการผลิตไปชั่วคราว ทำให้ปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดมีมากกว่าความต้องการใช้ อันจะส่งผลต่อราคา
นายไพศาล เครือวงศ์วานิช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือซีพี เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายรัฐในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูกาลปี2556/2557 ที่ออกมาในเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ เพื่อไม่ให้ราคาตกต่ำจนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย หลังจากบริษัท สหฟาร์ม ผู้ผลิตและส่งออกไก่รายใหญ่ของไทยได้หยุดโรงงานผลิตชั่วคราวไปเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ต้องหยุดซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ตามไปด้วย
ในปีนี้เชื่อว่าราคาวัตถุดิบเพื่อผลิตอาหารสัตว์ทั้งข้าวโพด และกากถั่วเหลืองจะไม่แพงเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ผลผลิตข้าวโพดสูงขึ้นกว่าปีก่อนในทุกภูมิภาคของโลกเนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศที่ดี ทำให้ได้ผลผลิตจากการเพาะปลูกเพิ่มขึ้น ผิดจากปีที่แล้วที่ผลผลิตข้าวโพดออกมาน้อยและบางส่วนถูกนำไปใช้ผลิตพลังงานจากพืชด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในต้นฤดูการผลิตนี้คาดว่าจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 8-9 บาทซึ่งเป็นราคาปกติ แต่ต่ำกว่าปีก่อนที่เคยราคาสูงถึง 10.50-11 บาท/กิโลกรัม ต้องยอมรับปีที่แล้วราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงกว่าปกติ และนโยบายรัฐที่อนุญาตให้มีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านก็สิ้นสุดลงในเดือนนี้ โดยฤดูกาลผลิตนี้คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตข้าวโพดอยู่ที่ 3 ล้านกว่าตัน ซึ่ง ผู้ผลิตอาหารสัตว์จะช่วยรับซื้อในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นในราคาเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไม่ได้ลดลง เพียงแต่ราคาในช่วงต้นฤดูการผลิตจะต่ำลงเล็กน้อย
สำหรับอาหารกุ้งในขณะนี้เริ่มมีกำลังซื้อกลับเข้ามาใหม่ หลังจากเกษตรกรได้หยุดเลี้ยงกุ้งไปชั่วคราว เนื่องจากประสบปัญหาโรคEMS ทำให้เกษตรกรเสียหายไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายทำให้เกษตกรผู้เลี้ยงกุ้งหันมาลงกุ้งใหม่ในช่วง 1-2 เดือนนี้ แต่ก็ยังไม่เลี้ยงกุ้งเต็มที่ คงต้องรออีกระยะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ได้แสดงความกังวลราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูการผลิต 2556/2557 ที่คาดว่าจะมีปริมาณ 4.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2% โดยเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในช่วงนี้ ทำให้ราคาปรับลดลง เนื่องจากสต็อกมีปริมาณมาก และมีผู้ผลิตรายใหญ่ได้หยุดการผลิตไปชั่วคราว ทำให้ปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดมีมากกว่าความต้องการใช้ อันจะส่งผลต่อราคา