เมืองนราธิวาสหวิดเป็นทะเลเพลิง คนร้ายลอบวางระเบิดถังบรรจุแก๊สแอลพีจีขนาด 8 ตันหวังวินาศกรรม โชคดีโรงงานมีระบบเซฟตี้ เลยเสียหายแค่ภายใน ส่วนบ้านเรือนใกล้เคียงเจอแรงอัดระเบิดกระจกแตกเสียหายหลายสิบหลัง ชาวบ้านบาดเจ็บ 3 คน เจ้าหน้าที่เชื่อสร้างสถานการณ์ แต่น่าจะมีเหตุอื่นร่วมด้วย ขอเวลาสรุป 2-3 วัน ผบ.นย.ภาคใต้ มั่นใจจับผู้ก่อเหตุได้ แม่ทัพภาคที่ 4 กำชับเพิ่มมาตรการเข้มมากขึ้น
เมื่อเวลา 02.02 น. วานนี้ (11 ส.ค.) ร.ต.ต.นิรัตน์ ชูสุข ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิด 3 ครั้งและไฟลุกไหม้ที่ถังแก๊สภายบริษัท นราปิโตเลียม แอลพีจี ปิคนิคแก๊ส จำกัด เลขที่ 148/3 หมู่ 8 ต.ลำภู ริมถนนปัตตานี-นราธิวาส ซึ่งมีนายวรวุธ พรหมเพชร อายุ 39 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการ จึงประสานเทศบาลเมืองนราธิวาส และเทศบาลตำบลยี่งอ ขอสนับสนุนรถดับเพลิง จากนั้นไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พ้อมด้วยพล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จว. พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หัวหน้าชุดพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ รองหัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด(อีโอดี) นปพ. จ.นราธิวาส
พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ถังบรรจุแก๊ส แอลพีจีขนาด 8 ตัน ด้านหลังอาคารบรรจุแก๊ส เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำสกัดเพลิงนานกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าเข้าตรวจสอบ เกรงว่าจะได้รับอันตราย
ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นส่งผลให้บ้านเรือนฝั่งตรงข้ามถูกสะเก็ดระเบิดได้เสียหายหลายหลัง โดยกระจกหน้าต่าง ประตูบ้าน และหลังคาบ้านแตก มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน คือ นางอารุณี เจ๊ะมะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/27 ม.10 ต.ลำภู ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ ขณะนอนอยู่ในบ้านพัก นางผอบ ดำหนูจันทร์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/20 หมู่ 10 ต.ลำภู ถูกเศษกระจกบาดที่ขา และนางไพจิตร วงศ์ธรพิทักษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 หมุ่ 10 ต.ลำภู ถูกเศษกระจกบาดที่ขา ญาตินำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ แพทย์ทำการปฐมพยาบาล และอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้าย 5-6 คน ได้บุกเข้าไปในโรงงาน จับตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมัดมือมัดเท้า จากนั้นคนร้ายแยกกันไปเปิดวาว์ลที่ถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน ก่อนจะจุดชนวนระเบิดขึ้น 2 ครั้งซ้อน ทำให้ถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน ระเบิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 จากนั้นหลบหนีไป
ข่าวแจ้งว่า เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดแรงสั่นสะเทือนทั่วเขตอ.เมืองนราธิวาส กระจกบ้านเรือนในรัศมี 1 กิโลเมตรหลายหลังได้รับความเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นแผนก่อวินาศกรรมที่ต้องการสร้างความรุนแรง ซึ่งคนร้ายเคยก่อเหตุลักษณะนี้แล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2547 ที่บริษัท เพชรมั่นคงแก๊ส จำกัด ห่างจากจุดเกิดเหตุครั้งนี้ประมาณ 500 เมตร
เวลา 06.30 น. พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หัวหน้าชุดอีโอดี นปพ. จ.นราธิวาส และพนักงานสอบสวน เก็บรวบรวมหลักฐาน พบว่าภายในโรงบรรจุแก๊สถูกอานุภาพของระเบิดเสียหาย 2 ส่วน คือ ที่ตั้งของถังบรรจุแก๊สขนาดความจุ 8 ตัน เสียหายทั้งหมด และส่วนของอาคารบรรจุแก๊สใส่ถัง ที่สร้างไว้ใกล้รั้วโรงงาน ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด และยังมีรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บฉ 1335 นราธิวาส ถูกเพลิงไหม้ 1 คัน รั้วด้านหลังโรงบรรจุแก๊ส ถูกแรงระเบิดพังเสียหาย
ซึ่งการเก็บรวบรวมหลักฐานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีเศษชิ้นส่วนของถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน ถังขนาด 15 กิโรกรัม และ 5 กิโลกรัม ปะปนอยู่กับเศษซากระเบิดแสวงเครื่อง เบื้องต้นดูจากผลของความเสียหาย เชื่อว่าคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก ที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กหรือท่อเหล็กทรงกลม หนักลูกละ 5 กิโลกรัม ไปวางไว้ที่ขาตั้งฐานถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน และจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ
โดยก่อนคนร้ายจุดชนวนระเบิดได้เปิดวาล์วถังบรรจุแก๊ส 8 ตัน แล้วจึงจุดชนวนระเบิด ทำให้ระเบิดทั้ง 2 ลูกทำงานเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต่อมาอีกประมาณ 10 นาที จึงเกิดระเบิดอีกครั้งที่ถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน แต่โชคดีที่ทางโรงงานติดตั้งระบบเซฟตี้ ตัดการไหลของแก๊สจากถังขนาด 8 ตันไปสู่อาคารหัวจ่าย จึงทำให้เสียหายเพียง 2 จุด
น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ แต่จะสอบสวนเรื่องอื่นประกอบด้วย คาดว่า 2-3 วันจะสรุปสาเหตุได้ เบื้องต้นเชื่อว่าจะสามารถขยายผลจับกุมคนร้ายได้ในไม่ช้า เนื่องจากทิ้งหลักฐานเป็นเป้ 1 ใบ มีหลักฐานบางอย่างในกระเป๋า นอกจากนี้ยังพบข้อพิรุธ โดยเฉพาะคนร้ายมีถึง 6 คน จับรปภ.โรงงานมัดมือไขว้หลัง จากนั้นลงมือวางระเบิด ก่อนที่จะปล่อยตัวรปภ. ซึ่งขอเวลาอีกสักระยะ มั่นใจจะจับกุมผู้ลงมือก่อเหตุได้ โดยหลังจากนี้เจ้าของกิจการใดที่คิดว่าไม่ปลอดภัย ให้ขอกำลังเจ้าหน้าที่มาดูแลได้ หลังจากก่อหน้านี้ได้เน้นดูแลย่านเศรษฐกิจเป็นหลัก อาจทำให้เกิดความบกพร่องบ้าง
พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ปกติช่วงกลางคืนจะมีตำรวจลาดตระเวนด้วยเท้า ยานยนต์ ตั้งจุดตรวจ แต่ไม่คิดว่าผู้ก่อความไม่สงบจะอาศัยความมืด เข้าปฏิบัติการในสถานที่ซึ่งเราคิดว่าเขาจะไม่ทำ เพราะกระทบกระเทือนพี่น้องประชาชนมาก ไม่คิดว่าคนไทยด้วยกันจะทำแบบนี้ ตัดโอกาสประกอบอาชีพ และทำลายที่อยู่อาศัยกัน ซึ่งขณะนี้ได้กำชับทุกฝ่ายให้เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น
ด้าน.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คนร้ายต้องการสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ร่วมกันประณาม และต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบอย่างจริงจัง.
เมื่อเวลา 02.02 น. วานนี้ (11 ส.ค.) ร.ต.ต.นิรัตน์ ชูสุข ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุระเบิด 3 ครั้งและไฟลุกไหม้ที่ถังแก๊สภายบริษัท นราปิโตเลียม แอลพีจี ปิคนิคแก๊ส จำกัด เลขที่ 148/3 หมู่ 8 ต.ลำภู ริมถนนปัตตานี-นราธิวาส ซึ่งมีนายวรวุธ พรหมเพชร อายุ 39 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการ จึงประสานเทศบาลเมืองนราธิวาส และเทศบาลตำบลยี่งอ ขอสนับสนุนรถดับเพลิง จากนั้นไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พ้อมด้วยพล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จว. พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หัวหน้าชุดพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ รองหัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด(อีโอดี) นปพ. จ.นราธิวาส
พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ถังบรรจุแก๊ส แอลพีจีขนาด 8 ตัน ด้านหลังอาคารบรรจุแก๊ส เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำสกัดเพลิงนานกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าเข้าตรวจสอบ เกรงว่าจะได้รับอันตราย
ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นส่งผลให้บ้านเรือนฝั่งตรงข้ามถูกสะเก็ดระเบิดได้เสียหายหลายหลัง โดยกระจกหน้าต่าง ประตูบ้าน และหลังคาบ้านแตก มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน คือ นางอารุณี เจ๊ะมะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/27 ม.10 ต.ลำภู ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ ขณะนอนอยู่ในบ้านพัก นางผอบ ดำหนูจันทร์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/20 หมู่ 10 ต.ลำภู ถูกเศษกระจกบาดที่ขา และนางไพจิตร วงศ์ธรพิทักษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 หมุ่ 10 ต.ลำภู ถูกเศษกระจกบาดที่ขา ญาตินำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ แพทย์ทำการปฐมพยาบาล และอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้าย 5-6 คน ได้บุกเข้าไปในโรงงาน จับตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมัดมือมัดเท้า จากนั้นคนร้ายแยกกันไปเปิดวาว์ลที่ถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน ก่อนจะจุดชนวนระเบิดขึ้น 2 ครั้งซ้อน ทำให้ถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน ระเบิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 จากนั้นหลบหนีไป
ข่าวแจ้งว่า เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดแรงสั่นสะเทือนทั่วเขตอ.เมืองนราธิวาส กระจกบ้านเรือนในรัศมี 1 กิโลเมตรหลายหลังได้รับความเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นแผนก่อวินาศกรรมที่ต้องการสร้างความรุนแรง ซึ่งคนร้ายเคยก่อเหตุลักษณะนี้แล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2547 ที่บริษัท เพชรมั่นคงแก๊ส จำกัด ห่างจากจุดเกิดเหตุครั้งนี้ประมาณ 500 เมตร
เวลา 06.30 น. พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หัวหน้าชุดอีโอดี นปพ. จ.นราธิวาส และพนักงานสอบสวน เก็บรวบรวมหลักฐาน พบว่าภายในโรงบรรจุแก๊สถูกอานุภาพของระเบิดเสียหาย 2 ส่วน คือ ที่ตั้งของถังบรรจุแก๊สขนาดความจุ 8 ตัน เสียหายทั้งหมด และส่วนของอาคารบรรจุแก๊สใส่ถัง ที่สร้างไว้ใกล้รั้วโรงงาน ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด และยังมีรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บฉ 1335 นราธิวาส ถูกเพลิงไหม้ 1 คัน รั้วด้านหลังโรงบรรจุแก๊ส ถูกแรงระเบิดพังเสียหาย
ซึ่งการเก็บรวบรวมหลักฐานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีเศษชิ้นส่วนของถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน ถังขนาด 15 กิโรกรัม และ 5 กิโลกรัม ปะปนอยู่กับเศษซากระเบิดแสวงเครื่อง เบื้องต้นดูจากผลของความเสียหาย เชื่อว่าคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก ที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กหรือท่อเหล็กทรงกลม หนักลูกละ 5 กิโลกรัม ไปวางไว้ที่ขาตั้งฐานถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน และจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ
โดยก่อนคนร้ายจุดชนวนระเบิดได้เปิดวาล์วถังบรรจุแก๊ส 8 ตัน แล้วจึงจุดชนวนระเบิด ทำให้ระเบิดทั้ง 2 ลูกทำงานเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต่อมาอีกประมาณ 10 นาที จึงเกิดระเบิดอีกครั้งที่ถังบรรจุแก๊สขนาด 8 ตัน แต่โชคดีที่ทางโรงงานติดตั้งระบบเซฟตี้ ตัดการไหลของแก๊สจากถังขนาด 8 ตันไปสู่อาคารหัวจ่าย จึงทำให้เสียหายเพียง 2 จุด
น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ แต่จะสอบสวนเรื่องอื่นประกอบด้วย คาดว่า 2-3 วันจะสรุปสาเหตุได้ เบื้องต้นเชื่อว่าจะสามารถขยายผลจับกุมคนร้ายได้ในไม่ช้า เนื่องจากทิ้งหลักฐานเป็นเป้ 1 ใบ มีหลักฐานบางอย่างในกระเป๋า นอกจากนี้ยังพบข้อพิรุธ โดยเฉพาะคนร้ายมีถึง 6 คน จับรปภ.โรงงานมัดมือไขว้หลัง จากนั้นลงมือวางระเบิด ก่อนที่จะปล่อยตัวรปภ. ซึ่งขอเวลาอีกสักระยะ มั่นใจจะจับกุมผู้ลงมือก่อเหตุได้ โดยหลังจากนี้เจ้าของกิจการใดที่คิดว่าไม่ปลอดภัย ให้ขอกำลังเจ้าหน้าที่มาดูแลได้ หลังจากก่อหน้านี้ได้เน้นดูแลย่านเศรษฐกิจเป็นหลัก อาจทำให้เกิดความบกพร่องบ้าง
พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ปกติช่วงกลางคืนจะมีตำรวจลาดตระเวนด้วยเท้า ยานยนต์ ตั้งจุดตรวจ แต่ไม่คิดว่าผู้ก่อความไม่สงบจะอาศัยความมืด เข้าปฏิบัติการในสถานที่ซึ่งเราคิดว่าเขาจะไม่ทำ เพราะกระทบกระเทือนพี่น้องประชาชนมาก ไม่คิดว่าคนไทยด้วยกันจะทำแบบนี้ ตัดโอกาสประกอบอาชีพ และทำลายที่อยู่อาศัยกัน ซึ่งขณะนี้ได้กำชับทุกฝ่ายให้เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น
ด้าน.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คนร้ายต้องการสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ร่วมกันประณาม และต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบอย่างจริงจัง.