ASTVผู้จัดการรายวัน- “เสี่ยเพ้ง”อ้าง 9 ก.ค.ได้ข้อสรุปฝีมือคนหรืออุบัติเหตุ ทำท่อน้ำมันดิบ PTTGC รั่วลงทะเลระยอง เตรียมเรียกโรงกลั่น-ผู้ค้าน้ำมันถกรับมือความปลอดภัยหวั่นซ้ำรอยเดิม ยัน PTTGC ต้องจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน คาดประมงกลุ่มแรก 117 รายจ่ายเยียวยา 10 ส.ค.นี้ ดีเอสไอ!ถอยดันเป็นคดีพิเศษ
วานนี้ (8 ส.ค.56) นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คาดว่าวันที่ 9 ส.ค. คณะทำงานตรวจสอบกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลของ บมจ.ปตท.โกลบอล เคมีคอล (PTTGC) ที่มีคุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต เป็นประธานจะสรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นได้ซึ่งหลังจากรับรายงานแล้วอาจจะมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนรับทราบว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการกระทำจากบุคคลแน่
" ผมยังตอบสาเหตุไม่ได้คงต้องรอคณะทำงานพิสูจน์สาเหตุที่มีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานร่วมด้วยคงจะรู้สาเหตุที่แน่ชัดได้ โดยเบื้องต้นเพื่อป้องกันเหตุได้รับทราบว่าทางกลุ่ม ปตท. ยกเลิกการใช้ท่ออ่อนที่รับน้ำมันดิบยี่ห้อที่เกิดอุบัติเหตุนี้ไปแล้ว”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตามล่าสุดได้รับรายงานจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดถึงแนวทางการชดเชยเยียวยาดูแลผลกระทบจากรณีน้ำมันดิบของบมจ.ปตท.โกลบอล เคมีคอลหรือ PTTGC รั่วที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เบื้องต้นคณะทำงานที่มีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐที่มีรองผู้ว่าจ.ระยองเป็นประธานได้แบ่งผลกระทบออกเป็น 4 กลุ่มล่าสุด กลุ่มประมงมีผู้ร้องเรียนมาประมาณ 400 รายผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณาและตรวจเอกสารและได้รับอนุมัติ 117 รายและจะมีการจ่ายเงินเยียวยาได้ในวันที่ 10 ส.ค.นี้
“หลักเกณฑ์การพิจารณาทางจังหวัดรายงานว่า จะชดเชยรายวันวันละ 1,000 บาทและคูณ 30 วันในเบื้องต้นไปก่อน สำหรับกลุ่มประมง ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหาร กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพมีผู้ร้องเรียน 1 ราย ขณะที่กลุ่มอื่นๆ เช่นอาชีพรับจ้าง ค้าขายและบริการ 3 กลุ่มหลังอยู่ระหว่างการเจรจา”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ยืนยันที่ PTTGC จะจ่ายเงินเยียวยาทุกกลุ่มและครอบคลุมทุกๆผลกระทบ โดยเฉพาะกรณีผลตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า มีสารเบนซีนในปัสสาวะของผู้ปฏิบัติงานกำจัดคราบน้ำมันบนอ่าวพร้าว รวมทั้งมีบางส่วนปนเปื้อนในอาหารทะเล กรณีนี้ PTTGCจะเข้าไปดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวจะสู่สภาพปกติ และกระทรวงพลังงานจะตรวจสอบติดตามอย่างต่อเนื่อง
**เพ้ง”เรียกถกปลอดภัยหวั่นซ้ำรอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(9ก.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ได้เรียกกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมันมาหารือถึงความปลอดภัยในการขนส่งน้ำมันทั้งระบบทั้งทางท่อ ทางรถ และเรือ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำรอยกรณีน้ำมันดิบรั่วในทะเลเพื่อที่จะหาแผนรองรับกรณีฉุกเฉินและดูกฏหมาย
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขั้นปลาย บมจ.ปตท. กล่าวว่า กรณีท่ออ่อนรับน้ำมันดิบ PTTGC มีสต็อกของยี่ห้ออื่น พร้อมนำไปใช้ทดแทนยี่ห้อที่มีปัญหาแต่จะสามารถกลับมาใช้ท่ออ่อนเมื่อใด ขึ้นอยู่กับกรมเจ้าท่าจะอนุมัติ ซึ่งปัจจุบันใช้วิธีขนส่งน้ำมันจากเรือขนส่งน้ำมันดิบกลางทะเลลงเรือเล็กแล้วนำมาขึ้นฝั่งเพื่อส่งเข้าโรงกลั่น นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท.ได้ทำแผนป้องกันอุบัติภัยเพิ่มขึ้น โดยจัดเรือสนับสนุนการปฏิบัติการขนส่งน้ำมันที่ทุ่นรับน้ำมันเพิ่มเติมจาก 1 ลำ เป็น 2 ลำ รวมทั้งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปดูแล ซึ่งจะดูแลและป้องกันอุบัติภัยที่จะเกิดขึ้นได้มากขึ้น.
**ดีเอสไอ!ถอยดันเป็นคดีพิเศษ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.00 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุมวางแนวทางการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 16 หน่วยงาน เพื่อรับฟังผลการตรวจสอบเหตุน้ำมันดิบรั่วลงทะเลครั้งนี้ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาประกอบในการตัดสินใจว่าดีเอสไอจะอนุมัติเป็นคดีพิเศษหรือไม่
นายธาริต แถลงว่า ในส่วนของการสืบสวนเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ และมีความเสียหายหรือไม่อย่างไรตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีเศษ มติที่ประชุมของดีเอสไอและ 15 หน่วยงานสรุปว่า จะบูรณาการประสานทำงานร่วมกันเพื่อได้ข้อเท็จจริงรอบด้านครบถ้วนรวดเร็ว มีแนวทางการดำเนินคือ หากดีเอสไอได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จของบอร์ดพีทีที โกลบอลฯ ซึ่งเดิมจะแล้วเสร็จในวันที่ 7 ส.ค.แต่มีการขอขยายเวลาอีกระยะ ดีเอสไอจะส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวไปยัง 15 หน่วยงาน พร้อมขอทราบผลการตรวจสอบข้อเท็จในเรื่องนี้ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานประกอบ
ทั้งนี้ ดีเอสไอจะขอทราบความเห็นของแต่ละหน่วยงานทั้ง 15 แห่งถึงผลการตรวจสอบของกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บอร์ดพีทีทีได้แต่งตั้งในส่วนเฉพาะที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน และขอทราบผลการตรวจสอบความเสียหายของแต่ละหน่วยงานตามอำนาจหน้าที่ถ้ามี นอกจากนี้ดีเอสไอกับกรมเจ้าท่า และมหาวิทยาลัยราชมงคลวิทยาธัญญบุรี คลอง 6 จะประชุมประสานงานกับกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของบอร์ดพีทีทีฯ เพื่อเข้าตรวจสอบท่อส่งน้ำมันที่ฉีกขาดเพราะเป็นสาระสำคัญของการตรวจสอบอันจะบ่งชี้ถึงมูลเหตุเรื่องที่เกิดได้ ส่วนการทำงานระหว่างตำรวจกับดีเอสไอจะประสานทำงานอย่างใกล้ชิด หากในที่สุดมีการรับเป็นคดีพิเศษจะประสานโอนข้อมูลการรับแจ้งบันทึกประจำวันและรับแจ้งคดีมาทั้งหมด
วานนี้ (8 ส.ค.56) นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คาดว่าวันที่ 9 ส.ค. คณะทำงานตรวจสอบกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลของ บมจ.ปตท.โกลบอล เคมีคอล (PTTGC) ที่มีคุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต เป็นประธานจะสรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นได้ซึ่งหลังจากรับรายงานแล้วอาจจะมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนรับทราบว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการกระทำจากบุคคลแน่
" ผมยังตอบสาเหตุไม่ได้คงต้องรอคณะทำงานพิสูจน์สาเหตุที่มีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานร่วมด้วยคงจะรู้สาเหตุที่แน่ชัดได้ โดยเบื้องต้นเพื่อป้องกันเหตุได้รับทราบว่าทางกลุ่ม ปตท. ยกเลิกการใช้ท่ออ่อนที่รับน้ำมันดิบยี่ห้อที่เกิดอุบัติเหตุนี้ไปแล้ว”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตามล่าสุดได้รับรายงานจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดถึงแนวทางการชดเชยเยียวยาดูแลผลกระทบจากรณีน้ำมันดิบของบมจ.ปตท.โกลบอล เคมีคอลหรือ PTTGC รั่วที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เบื้องต้นคณะทำงานที่มีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐที่มีรองผู้ว่าจ.ระยองเป็นประธานได้แบ่งผลกระทบออกเป็น 4 กลุ่มล่าสุด กลุ่มประมงมีผู้ร้องเรียนมาประมาณ 400 รายผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณาและตรวจเอกสารและได้รับอนุมัติ 117 รายและจะมีการจ่ายเงินเยียวยาได้ในวันที่ 10 ส.ค.นี้
“หลักเกณฑ์การพิจารณาทางจังหวัดรายงานว่า จะชดเชยรายวันวันละ 1,000 บาทและคูณ 30 วันในเบื้องต้นไปก่อน สำหรับกลุ่มประมง ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหาร กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพมีผู้ร้องเรียน 1 ราย ขณะที่กลุ่มอื่นๆ เช่นอาชีพรับจ้าง ค้าขายและบริการ 3 กลุ่มหลังอยู่ระหว่างการเจรจา”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ยืนยันที่ PTTGC จะจ่ายเงินเยียวยาทุกกลุ่มและครอบคลุมทุกๆผลกระทบ โดยเฉพาะกรณีผลตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า มีสารเบนซีนในปัสสาวะของผู้ปฏิบัติงานกำจัดคราบน้ำมันบนอ่าวพร้าว รวมทั้งมีบางส่วนปนเปื้อนในอาหารทะเล กรณีนี้ PTTGCจะเข้าไปดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวจะสู่สภาพปกติ และกระทรวงพลังงานจะตรวจสอบติดตามอย่างต่อเนื่อง
**เพ้ง”เรียกถกปลอดภัยหวั่นซ้ำรอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(9ก.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ได้เรียกกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมันมาหารือถึงความปลอดภัยในการขนส่งน้ำมันทั้งระบบทั้งทางท่อ ทางรถ และเรือ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำรอยกรณีน้ำมันดิบรั่วในทะเลเพื่อที่จะหาแผนรองรับกรณีฉุกเฉินและดูกฏหมาย
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขั้นปลาย บมจ.ปตท. กล่าวว่า กรณีท่ออ่อนรับน้ำมันดิบ PTTGC มีสต็อกของยี่ห้ออื่น พร้อมนำไปใช้ทดแทนยี่ห้อที่มีปัญหาแต่จะสามารถกลับมาใช้ท่ออ่อนเมื่อใด ขึ้นอยู่กับกรมเจ้าท่าจะอนุมัติ ซึ่งปัจจุบันใช้วิธีขนส่งน้ำมันจากเรือขนส่งน้ำมันดิบกลางทะเลลงเรือเล็กแล้วนำมาขึ้นฝั่งเพื่อส่งเข้าโรงกลั่น นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท.ได้ทำแผนป้องกันอุบัติภัยเพิ่มขึ้น โดยจัดเรือสนับสนุนการปฏิบัติการขนส่งน้ำมันที่ทุ่นรับน้ำมันเพิ่มเติมจาก 1 ลำ เป็น 2 ลำ รวมทั้งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปดูแล ซึ่งจะดูแลและป้องกันอุบัติภัยที่จะเกิดขึ้นได้มากขึ้น.
**ดีเอสไอ!ถอยดันเป็นคดีพิเศษ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.00 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุมวางแนวทางการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 16 หน่วยงาน เพื่อรับฟังผลการตรวจสอบเหตุน้ำมันดิบรั่วลงทะเลครั้งนี้ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาประกอบในการตัดสินใจว่าดีเอสไอจะอนุมัติเป็นคดีพิเศษหรือไม่
นายธาริต แถลงว่า ในส่วนของการสืบสวนเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ และมีความเสียหายหรือไม่อย่างไรตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีเศษ มติที่ประชุมของดีเอสไอและ 15 หน่วยงานสรุปว่า จะบูรณาการประสานทำงานร่วมกันเพื่อได้ข้อเท็จจริงรอบด้านครบถ้วนรวดเร็ว มีแนวทางการดำเนินคือ หากดีเอสไอได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จของบอร์ดพีทีที โกลบอลฯ ซึ่งเดิมจะแล้วเสร็จในวันที่ 7 ส.ค.แต่มีการขอขยายเวลาอีกระยะ ดีเอสไอจะส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวไปยัง 15 หน่วยงาน พร้อมขอทราบผลการตรวจสอบข้อเท็จในเรื่องนี้ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานประกอบ
ทั้งนี้ ดีเอสไอจะขอทราบความเห็นของแต่ละหน่วยงานทั้ง 15 แห่งถึงผลการตรวจสอบของกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บอร์ดพีทีทีได้แต่งตั้งในส่วนเฉพาะที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน และขอทราบผลการตรวจสอบความเสียหายของแต่ละหน่วยงานตามอำนาจหน้าที่ถ้ามี นอกจากนี้ดีเอสไอกับกรมเจ้าท่า และมหาวิทยาลัยราชมงคลวิทยาธัญญบุรี คลอง 6 จะประชุมประสานงานกับกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของบอร์ดพีทีทีฯ เพื่อเข้าตรวจสอบท่อส่งน้ำมันที่ฉีกขาดเพราะเป็นสาระสำคัญของการตรวจสอบอันจะบ่งชี้ถึงมูลเหตุเรื่องที่เกิดได้ ส่วนการทำงานระหว่างตำรวจกับดีเอสไอจะประสานทำงานอย่างใกล้ชิด หากในที่สุดมีการรับเป็นคดีพิเศษจะประสานโอนข้อมูลการรับแจ้งบันทึกประจำวันและรับแจ้งคดีมาทั้งหมด