xs
xsm
sm
md
lg

พิสูจน์ "ตอยิบ" ของปลอม เอาไม่อยู่ลาออกหน.ทีม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - "ฮาซัน ตอยิบ"ถอดใจ ยื่นหนังสือต่อมาเลย์ในฐานะคนกลางขอยุติบทบาทหัวหน้าและทีม "บีอาร์เอ็น" ที่เปิดฉากเจรจากับรัฐไทยมาได้ราว 6 เดือน ชี้"โฆษก กอ.รมน.ภาค 4" ลั่นเร่งตามล่าคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ "ปธ.สมาพันธ์คณะกรรมการกลางอิสลาม 15 จว.ใต้" แนะรัฐทบทวนบทบาทของกลุ่มภัยแทรกซ้อน "ผบก.นราฯ" สั่งตำรวจทั้งจังหวัดสนธิทหารคุมเข้มพระสงฆ์บิณฑบาต

วานนี้ (6 ส.ค.) มีรายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยระบุว่า เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายฮาซัน ตอยิบ แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนต ในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาสันติภาพกับฝ่ายไทย ได้ทำหนังสือถึงตัวแทนฝ่ายมาเลเซียในฐานะผู้ประสานงานการเจรจาสันติภาพ ว่า ตนขอยุติบทบาทหัวหน้าทีมเจรจาของบีอาร์เอ็น โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากไม่สามารถทำตามข้อตกลงเรื่องการยุติการก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยช่วงเดือนรอมฎอน

ทั้งนี้ แม้ทางการไทยโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยจะทราบเรื่องนี้แล้ว แต่ตามขั้นตอนยังต้องรอให้ฝ่ายมาเลเซียทำหนังสือแจ้งเรื่องมาก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอให้บีอาร์เอ็นมีการเลือกเฟ้นแกนนำของขบวนการคนใหม่ให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมเจรจาก่อนหรือไม่

ด้านแหล่งข่าวที่คร่ำหวอดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ให้ทัศนะต่อ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ในเรื่องนี้ว่า การที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร และทีมเจรจาฝ่ายไทย รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องยังไม่พร้อมจะเปิดเผยในเรื่องนี้ เป็นเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพที่กำลังเดินการอยู่ โดยเฉพาะกลัวจะเป็นผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากผู้ที่ผลักดันให้เกิดโต๊ะเจรจาระหว่างทางการไทยกับบีอาร์เอ็น โดยให้มาเลเซียเป็นตัวกลางในครั้งนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้เป็นพี่ชายนั่นเอง

**โฆษกภาค 4ประณามยิง"อิหม่ามยะโก๊บ"

วันเดียวกัน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า เหตุการณ์คนร้าย 4 คนใช้อาวุธปืนประกบยิงนายยะโก๊บ หร่ายมณี อายุ 49 ปี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี เสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการสูญเสียบุคลากรผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมในพื้นที่และประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

"ที่ผ่านมานายยะโก๊บ ได้ประพฤติและปฏิบัติตนทั้งเรื่องส่วนตัวและศาสนาที่เป็นแบบอย่างที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกาศจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ เป็นเสมือนวีรบุรุษสันติภาพของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ยังได้ประกาศต่อต้านปัญหายาเสพติด เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน ว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญทางศาสนาและมีผลงานที่ดีเด่นจนได้รับรางวัลที่สำคัญ อาทิ โล่รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ด้านศาสนา ระดับประเทศ ประจำปี 2552 รางวัลพระราชทาน ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายใต้ ปี 2536 เป็นต้น"

พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ขอให้สังคมได้ใช้วิจารณญานในการติดตามข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้อาจจะมีผู้ไม่หวังดีออกมาสร้างกระแสเรียกร้องว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่เหมือนกับทุกๆเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้นายยะโก๊บได้เคยถูกคนร้ายลอบยิงมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2553 ซึ่งผลจาการพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุในครั้งนั้นคือ HK-33 ซึ่งคนร้ายได้นำมาใช้ในการก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ปัตตานี 23 บริเวณสะพานตะลุโบ๊ะ เสียชีวิต 1 นาย เมื่อ 4 ม.ค.56 และเหตุการณ์ยิงชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ เมื่อ 1 พ.ค.56 ที่ผ่านมา กอ.รมน.ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรพัฒนาเอกชน ได้ร่วมกันประณาม และประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนในการปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ " พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว

**ผู้ว่าฯปัตตานีสั่งเพิ่มกำลังดูแลผู้นำศาสนา

ด้านนายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มการดูแลผู้นำศาสนาให้มากขึ้น ส่วนการปล่อยข่าวลือว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ชี้ว่า เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายตรงกันข้ามจะปล่อยข่าวลือเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาอิหม่ามยะโก๊บให้การช่วยเหลือทางการมาอย่างดี ในการต่อสู้ตามหลักการสันติภาพ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บางคนไม่พอใจก่อเหตุรุนแรงขึ้น

**ปธ.สมาพันธ์ฯอิสลามประณามกลุ่มมือยิง

ทางด้านนายกริยา กิจจารักษ์ ประธานสมาพันธ์คณะกรรมการกลางอิสลาม 15 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า นายยะโก๊บ หร่ายมณี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี เป็นผู้นำศาสนาคนหนึ่งที่มีความสำคัญ เราขอประณามกลุ่มที่ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ซึ่งชาวมุสลิมยอมรับไม่ได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่า เจ้าหน้าที่มีการป้องการอย่างเข้มงวดแล้ว แต่ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ ส่วนการพูดคุยสันติภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่มีหลายกลุ่มที่ไม่ต้องการให้เกิดความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายอับดุลอาซิซ เจ๊ะมามะ รองกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจพี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่อย่างมาก ทุกคนรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญทางศาสนาอีก 1 ท่าน หลังจากนี้มองว่าการที่จะหาคนมาทดแทนเป็นเรื่องลำบาก เพราะอิหม่ามมีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูง

รองกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อผู้นำศาสนาหรือผู้ที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ เนื่องจากผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทราบดีว่าการเสียชีวิตของแต่ละคนเป็นเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

**ผบก.นราฯสั่ง รปภ.เข้มพระบิณฑบาต

ด้าน จ.นราธิวาส ตำรวจ และทหารในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอได้กระจายกำลังปฏิบัติหน้าที่ รปภ.เข้มพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตตามถนนต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบทำร้ายหลังเกิดเหตุคนร้ายยิงนายยะโก๊บ หร่ายมณี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี เสียชีวิต โดย พล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้สั่งการให้ตำรวจทั้ง 19 สถานีในพื้นที่ 13 อำเภอสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารคุมเข้มพระสงฆ์บิณฑบาต เนื่องจากเกรงกลุ่มผู้ไม่หวังดีจะลอบทำร้ายพระสงฆ์ เพื่อนำประเด็นไปเกี่ยวโยงกับเหตุคนร้ายบุกยิงนายยะโก๊บว่า เป็นฝีมือการกระทำของเจ้าหน้าที่ หรือชาวไทยพุทธ ต้องการให้ไทยพุทธ และมุสลิมเกิดความขัดแย้งซึ่งเป็นแผนการเดิมๆ ที่คนร้ายใช้นำมาอ้างให้เกิดความหวาดระแวงขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านข่าวสารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้มีการแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ทุกสังกัดให้เฝ้าระวังเหตุร้ายซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยคนร้ายจะนำระเบิดที่ประกอบเรียบร้อยแล้วจะนำมาใส่ไว้ในรถจักยานยนต์บ้าง รถยนต์บ้าง และกล่องเหล็กเพื่อแฝงวัตถุนำไปก่อเหตุร้ายโดยมุ่งประสงค์ต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่กองกำลังที่ใช้เส้นทางต่างๆ เป็นประจำ รวมทั้งความเสียหายต่อย่านธุรกิจการค้าใจกลางเมืองทั้งจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
กำลังโหลดความคิดเห็น