ASTVผุ้จัดการรายวัน - คลังประชานิยมต่อยอดโครงการบ้านหลังแรก สั่ง ”ธอส.-บตท.” ดูแลร่วมปล่อยสินเชื่อต่อเติมและซ่อมแซมบ้านโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน "ทนุศักดิ์" เผยตรงกับความต้องการหลังจากประชาชนส่วนใหญ่มีบ้านหลังแรกไปแล้ว
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำงานร่วมกับบรรษัทตลาดรองเพื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)ไปหาแนวทางการปล่อยสินเชื่อ เพื่อการซ่อมแซมบ้าน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะเห็นว่า ความต้องการสินเชื่อดังกล่าวซึ่งอาจไม่มากนัก ประมาณ 2-3 แสนบาท ที่จะนำไปต่อเติมซ่อมแซมบ้าน มีอยู่มากกว่าที่จะเป็นการซื้อบ้านหลังแรก แต่การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวยังมีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่ติดปัญหาเรื่องหลักประกันที่อาจจะติดจำนองจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ยังผ่อนชำระไม่หมดอยู่แล้ว
นายทนุศักดิ์กล่าวว่า บตท.เป็นหน่วยงานของรัฐและมีหน้าที่หลักในการช่วยเหลือให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว น่าจะมีช่องทางการเข้ามาช่วยเหลือส่วนนี้ อาจจะเป็นการรับซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ธอส.มาออกเป็นตราสาร เพื่อให้ได้เงินกลับมาช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีหลักประกัน หรือการเข้าไปค้ำประกันในรายที่หลักประกันไม่พอ เหมือนกรณีที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในกรณีที่หลักทรัพย์ไม่พอเช่นกัน จึงให้กลับไปคิดร่วมกันว่าจะมีแนวทางร่วมกันได้อย่างไรและให้เสนอกลับมาโดยเร็วที่สุด
“ผมถามไปทาง ธอส.ว่าโครงการบ้านหลังแรกยังทำอยู่หรือไม่ ถ้าทำแล้วไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ก็ต้องหันมาดูว่า เขาต้องการอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ก็พบว่า บ้านหลังแรกเขามีกันเกือบหมด ที่อยากได้เพิ่มคือเงินซ่อมแซมต่อเติมขยายบ้านมากกว่า ก็น่าจะไปมุ่งตรงนั้น และถ้ามีปัญหาหลักประกันก็เข้ามาดูว่า มีช่องทางใดที่จะช่วยเค้าได้บ้าง ก็ให้กลับไปคิดมาเสนอ เพื่อจะได้ประกาสออกมาเป็นแพ็กเกจช่วยผู้มีรายได้น้อยได้” นายทนุศักดิ์กล่าว.
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำงานร่วมกับบรรษัทตลาดรองเพื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)ไปหาแนวทางการปล่อยสินเชื่อ เพื่อการซ่อมแซมบ้าน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะเห็นว่า ความต้องการสินเชื่อดังกล่าวซึ่งอาจไม่มากนัก ประมาณ 2-3 แสนบาท ที่จะนำไปต่อเติมซ่อมแซมบ้าน มีอยู่มากกว่าที่จะเป็นการซื้อบ้านหลังแรก แต่การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวยังมีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่ติดปัญหาเรื่องหลักประกันที่อาจจะติดจำนองจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ยังผ่อนชำระไม่หมดอยู่แล้ว
นายทนุศักดิ์กล่าวว่า บตท.เป็นหน่วยงานของรัฐและมีหน้าที่หลักในการช่วยเหลือให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว น่าจะมีช่องทางการเข้ามาช่วยเหลือส่วนนี้ อาจจะเป็นการรับซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ธอส.มาออกเป็นตราสาร เพื่อให้ได้เงินกลับมาช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีหลักประกัน หรือการเข้าไปค้ำประกันในรายที่หลักประกันไม่พอ เหมือนกรณีที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในกรณีที่หลักทรัพย์ไม่พอเช่นกัน จึงให้กลับไปคิดร่วมกันว่าจะมีแนวทางร่วมกันได้อย่างไรและให้เสนอกลับมาโดยเร็วที่สุด
“ผมถามไปทาง ธอส.ว่าโครงการบ้านหลังแรกยังทำอยู่หรือไม่ ถ้าทำแล้วไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ก็ต้องหันมาดูว่า เขาต้องการอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ก็พบว่า บ้านหลังแรกเขามีกันเกือบหมด ที่อยากได้เพิ่มคือเงินซ่อมแซมต่อเติมขยายบ้านมากกว่า ก็น่าจะไปมุ่งตรงนั้น และถ้ามีปัญหาหลักประกันก็เข้ามาดูว่า มีช่องทางใดที่จะช่วยเค้าได้บ้าง ก็ให้กลับไปคิดมาเสนอ เพื่อจะได้ประกาสออกมาเป็นแพ็กเกจช่วยผู้มีรายได้น้อยได้” นายทนุศักดิ์กล่าว.
