xs
xsm
sm
md
lg

'อาเบะ'ชนะงดงามเลือกตั้งสภาสูง นักวิจารณ์ห่วง'ญี่ปุ่น'จะยิ่ง'ขวาจัด'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บีบีซีนิวส์/รอยเตอร์ - พวกพรรคที่อยู่ในคณะรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการเลือกตั้งสภาสูงวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ทำให้อยู่ในฐานะอันมั่นคงยิ่งเนื่องจากสามารถครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาแล้ว อย่างไรก็ตาม การยึดกุมอำนาจได้อย่างมั่นคงเช่นนี้ ก็ก่อให้เกิดความหวั่นวิตกด้วยว่า อาเบะอาจจะลดความสนใจในการดำเนินการอันยากลำบากเพื่อปฏิรูปเศรษฐกิจ และหันไปเน้นย้ำวาระแบบชาตินิยมของเขาแทน

ตามผลเอ็กสิตโพลของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ที่ประกาศออกมาหลังปิดการลงคะแนนในช่วงคืนวันอาทิตย์ ต่างก็คาดการณ์กันว่า พรรคลิเบอรัลเดโมเครติกปาร์ตี (แอลดีพี) ที่มีอาเบะเป็นผู้นำ และพรรคนิวโคเมอิโตะซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีขนาดเล็กกว่า จะได้รับที่นั่งในสภาสูงมากกว่า 70 ที่นั่งจากจำนวน 121 ที่นั่งที่ให้เลือกตั้งกันในคราวนี้ ซึ่งเมื่อบวกกับจำนวน 59 ที่นั่งที่ทั้ง 2 พรรคมีอยู่แล้วและยังไม่ถึงวาระต้องเลือกกันใหม่ในครั้งนี้ ย่อมหมายความว่าพวกเขามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งอย่างสบายๆ ในสภาสูงซึ่งมีทั้งสิ้น 242 ที่นั่ง

พรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดนี้ทั้ง 2 ยังเป็นผู้ครองเสียงข้างมากในสภาล่างเอาไว้แล้ว ดังนั้นการเมืองญี่ปุ่นจึงจะเข้าสู่สภาวการณ์ที่ฝ่ายพรรครัฐบาลมีอำนาจอยู่ในทั้งสองสภาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี

สภาสูงของญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่ทรงอิทธิพลเท่าสภาล่าง แต่ก็สามารถขัดขวางไม่ให้รัฐบาลออกกฎหมายได้

ในเวลานี้ ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภาสูง ถึงแม้พรรคเดโมเครติกปาร์ตี้ออฟเจแปน (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านครองที่นั่งจำนวนมากที่สุดก็ตาม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหล่าพรรคฝ่ายค้านมีจำนวนที่นั่งรวมกันมากพอที่จะควบคุมสภาสูง จึงนำไปสู่สิ่งที่เรียกกันว่า “สภาบิดเบี้ยว”

สิ่งนี้ส่งผลให้การเมืองญี่ปุ่นเกิดการการแตกแยกเป็นฝักฝ่ายอย่างสูง และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหลายครั้งหลายหน โดยที่ผู้นำฝ่ายบริหารเหล่านี้แต่ละคนมักอยู่ในตำแหน่งได้เพียงแค่ปีเดียว

อาเบะบอกกับสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ภายหลังการประกาศเอ็กสิตโพลว่า ผลการเลือกตั้งคราวนี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนญี่ปุ่นต้องการการเมืองซึ่งสามารถที่จะตัดสินใจได้ และต้องการรัฐบาลที่สามารถผลักดันเดินหน้านโยบายต่างๆ

เขาเน้นย้ำว่า เขาจะยังคงโฟกัสที่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ ทั้งด้วยการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสุดๆ, การใช้นโยบายการคลังที่ทุ่มงบประมาณรายจ่าย, และการดำเนินยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตแบบยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปต่างๆ ในเชิงโครงสร้าง

การผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลังของเขา ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน และอาเบะก็ได้รับการยกย่องเชื่อถือ โดยที่นโยบายเหล่านี้ได้รับการขนานนามว่า “อาเบะโนมิกส์”

อย่างไรก็ดี ส่วนที่ลำบากยากยิ่งที่สุดของการแก้ไขเศรษฐกิจนี้ อยู่ที่เรื่องการผลักดันการปฏิรูปด้านต่างๆ โดยที่เวลานี้มีความกังวลกันขึ้นมาแล้วว่า จากชัยชนะได้ครอง 2 สภาของพรรคแอลดีพีกับพันธมิตร จะทำให้ความเด็ดเดี่ยวในการเดินหน้าเรื่องนี้ของอาเบะถูกโยกคลอน เมื่อต้องเผชิญแรงต่อต้านจากพวกสมาชิกรัฐสภาแอลดีพี ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ของญี่ปุ่นที่จะต้องได้รับความเจ็บปวดจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง

พวกนักวิจารณ์ยังกังวลว่า อาเบะจะหันไปเน้นหนักที่วาระแบบอนุรักษนิยมซึ่งเป็นแกนกลางในอุดมการณ์ความเชื่อของเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเขาจะรวมศูนย์ความสนใจไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญแนวสันตินิยมของญี่ปุ่นซึ่งใช้กันมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ตลอดจนพยายามเขียนประวัติศาสตร์ช่วงสงครามของญี่ปุ่นเสียใหม่ให้มีน้ำเสียงเสียใจสำนักผิดให้น้อยลง

การปรับเปลี่ยนเช่นนี้ ซึ่งกระทำไปพร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวในทางเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารของญี่ปุ่นให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ย่อมจะกระทบกระเทือนสายสัมพันธ์ที่มีกับเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น