รัฐบาลปูโพรกเน่าในจะไปอย่างไร...บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร จะเข้าสู่ชะตากรรมเลวร้าย หรืออยู่แบบซังกะตายรอวันหายนะ เมื่อทั้ง 2 ต่างผูกติดซึ่งกันและกัน แม้จะไม่แน่นสนิทเป็นเนื้อเดียวกันก็ตาม! ถ้าไป ฝ่ายไหนจะไปก่อน?
หลังจากคลิปฉาว เปิดหน้ากากขบวนการชั่วร้ายหมดสิ้นความสงสัยว่าแต่ละคนสำคัญแกนนำแห่งอำนาจคิดวางแผนอย่างไร ชาวบ้านทั่วไปนึกว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง จะต้องมีคนโบกมืออำลาตำแหน่งด้วยความอับอาย
ผลสุดท้าย แทบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างสงบเงียบเหมือนสายลมพัดผ่านผสมกับผายลมของสุนัขขี้เรื้อนยามบ่ายแก่ๆ ผู้มีตำแหน่งสำคัญ เกี่ยวโยงโดยตรง ทำตัวเหมือนปกติ ชาวบ้านตกใจว่าทำไมจึงไร้ความรู้สึกละเอียดอ่อน
ขาดจิตสำนึกในการรับผิดชอบ ไร้หิริโอตตัปปะ ขาดความเคารพตัวเอง!
ยิ่งผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งน่าจะเกิดปฏิกิริยาอย่างมาก เมื่อโดนอ้างอิงโดยตรง สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ส่วนตัว และสถาบันที่ตัวเองเป็นผู้นำ ชาวบ้านได้เห็นความเอื่อยเฉื่อย ไม่รู้สึกร้อนหนาว ไม่มีคำอธิบายแจ่มชัด
บิ๊กผู้นำแก้มยุ้ยตาวาว ไร้คำตอบแบบประเทืองปัญญา บอกแต่เพียงว่าเป็นการดี ถ้าตนเองทำอะไรมีคนไว้ใจ! วิญญูชนได้ฟังต้องตบหน้าผาก “แบบนี้ก็จบกัน...” ไม่ใช่ว่าบ้านเมืองจะจบ แต่นั่นเป็นการสิ้นสุดความน่าเชื่อถือ
ความเป็นผู้นำเหล่าทัพ กองทัพ ไม่เหลือความศรัทธา ความหวังของประชาชนที่ยังนึกคิดว่าสถาบันกองทัพจะยังเป็นที่พึ่งของประชาชนเสมอในสภาวะที่บ้านเมืองต้องเผชิญวิกฤต ภัยคุกคามจากศัตรู ภัยต่อความมั่นคง
ปัจจุบัน ภัยแห่งความมั่นคงของชาติ กลายเป็นรัฐบาลของแม่นางโพย ซึ่งยังดันทุรังเดินหน้าดำเนินนโยบายชั่วร้ายบัดซบ ทำลายโครงสร้างของชาติ เช่นการรับจำนำข้าวมีแต่เรื่องโกงกินมโหฬาร วางแผนกู้เงินมาโกงต่อเนื่อง
โครงสร้างกระบวนการยุติธรรม ค่านิยมสังคม ศีลธรรม ระบบคุณธรรม เสื่อมสลาย ความอยู่รอดของชาติจากภัยคอร์รัปชัน การทำลายระบบความถูกต้องดีงามอย่างเป็นระบบ ยังเป็นเป้าหมายของขบวนการอาชญากรรม
โดยหลักทั่วไป ความมั่นคงของรัฐ ไม่ใช่ความมั่นคงของรัฐบาล แต่เป็นความอยู่รอดของชาติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิญญาณ ความรักชาติ จิตสำนึกของความเป็นชาติ และภัยร้ายแรงคือนักการเมืองชั่วร้ายกังฉินนั่นเอง
สภาวะปัจจุบัน แม่ทัพนายกองยังแสดงท่าทีว่าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ภายใต้สายงานบังคับบัญชา ระเบียบวินัย วัฒนธรรมกองทัพ! แต่ถ้าปราศจากจิตสำนึกในภาระ ต้องปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นเพียงคนจำนวนหนึ่ง เหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ หรือความจำเป็นต้องมีให้เปลืองเงินภาษี งบประมาณ
เริ่มมีความคิดว่าเมืองไทยอยู่ในสภาพใกล้หมดหวัง มีแต่คนอยากเอาตัวรอด พวกมีโอกาสได้โกงกินก็พยายามกอบโกยให้มากที่สุด ถ้าบ้านเมืองเกิดวิกฤตร้ายแรง จะยังมีเงินทองประคองชีวิตให้อยู่รอดได้สบายๆ ไม่เดือดร้อน
แต่นั่นคิดผิด คิดสั้น ถ้าคนทั่วไปส่วนใหญ่สิ้นไร้ไม้ตอก ผู้ดีมีเงิน ไร้ความรู้สึกรับผิดชอบ ขาดส่วนร่วมในความพยายามแก้ปัญหาบ้านเมือง ก็คงอยู่ไม่ได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน ถ้าเผชิญวิกฤตดังเช่นละตินอเมริกายุคหนี้ท่วม
คนอดอยากย่อมดิ้นรนเอาตัวรอด ถ้าบ้านเมืองอยู่ในสภาวะรัฐล้มเหลว ปราศจากกลไกกฎหมายดังเช่นปัจจุบัน มิคสัญญีจะทำให้คนในสังคมระดับสูงถูกคุกคามเช่นกัน ความร่ำรวยจะดูอุจาดเมื่อความยากจนกระจายทั่วแผ่นดิน
ภาพแห่งความเหนื่อยล้าสิ้นหวังเกิดขึ้น เมื่อวิญญูชนหมดอาลัยตายอยาก หาทางออกให้บ้านเมืองไม่ได้ ยิ่งถอดใจเมื่อเห็น “กองทัพไทย” เป็น ”กองทัพเพื่อไทย” ตามตำรวจไทยใจกล้า ซึ่งต้องทำหน้าที่เข้าข้างพรรคเพื่อไทย
แต่นั่นเป็นเพียงภาพฉาบทาด้านนอก ใครจะรู้ว่าพวกนักการเมืองเรืองอำนาจอยู่ในอาการร้อนรุ่มในหัวอก หวั่นไหวว่าความสามารถในการกุมอำนาจรัฐอยู่ในสภาพคลอนแคลนง่อนแง่น เพียงแต่เป็นผู้ร้ายปากแข็ง ปากกล้าขาสั่น
ดูสภาพแม่นางโพย น่าจะถอดใจเช่นกันเมื่อมองไปทิศทางไหนก็เป็นทางตัน ใครจะรู้ว่าแม่นางอาจอยากพ้นตำแหน่ง หนีแรงกดดันบีบคั้น เพียงแต่ทำไม่ได้ดังใจในเมื่อพี่เหลี่ยมยังไม่ยอม เพราะตัวเองยังเข้าไปไม่สุดซอย
ซ้ำร้าย ล่าสุด “พลเอกถั่งเช่า” ดันเฟอะฟ่ะ พาเดินเข้าผิดซอย นอกจากเป็นซอยตัน จะกลับออกมาก็ไม่ได้ เพราะมีคนอื่นๆ ยืนปิดทางออกยาวเหยียด ยังดิ้นขลุกขลักอยู่ในซอย! นอนแถกเหงือกสิ้นท่าทั้งหนูอาสาและราชสีห์ขี้เรื้อน
ความอึดของแม่นางโพยจะเป็นปัจจัยหลัก ถ้ายังลอยตัวสนุกกับการท่องเที่ยวเมืองนอก ได้เปลี่ยนบรรยากาศ เติมเต็ม สลับกับการต้องเผชิญปัญหาภายใน ก็น่าจะยื้อได้อีกระยะ จนกว่าวิกฤตข้าวจะรุมเร้าจนเอาไม่อยู่
ได้พระสงฆ์นักทำนายโชคชะตาอวยว่าจะอยู่ได้ยาวนาน 16 ปี ทำให้สงสัยว่าเป็นเจตนากล่าวคำมุสาหรือไม่! ถ้าแม่นางโพยยื้อได้ 16 ปี คงอยู่บนซากปรักหักพัง กองหนี้ท่วมหู คนจนกลายสภาพเป็นคนทุกข์เข็ญสิ้นไร้ไม้ตอก
ถ้านางอยู่รอด บ้านเมืองก็อยู่ไม่รอด! วิญญูชนคงไม่ทนอยู่ร่วมด้วยแน่!
หลังจากคลิปฉาว เปิดหน้ากากขบวนการชั่วร้ายหมดสิ้นความสงสัยว่าแต่ละคนสำคัญแกนนำแห่งอำนาจคิดวางแผนอย่างไร ชาวบ้านทั่วไปนึกว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง จะต้องมีคนโบกมืออำลาตำแหน่งด้วยความอับอาย
ผลสุดท้าย แทบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างสงบเงียบเหมือนสายลมพัดผ่านผสมกับผายลมของสุนัขขี้เรื้อนยามบ่ายแก่ๆ ผู้มีตำแหน่งสำคัญ เกี่ยวโยงโดยตรง ทำตัวเหมือนปกติ ชาวบ้านตกใจว่าทำไมจึงไร้ความรู้สึกละเอียดอ่อน
ขาดจิตสำนึกในการรับผิดชอบ ไร้หิริโอตตัปปะ ขาดความเคารพตัวเอง!
ยิ่งผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งน่าจะเกิดปฏิกิริยาอย่างมาก เมื่อโดนอ้างอิงโดยตรง สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ส่วนตัว และสถาบันที่ตัวเองเป็นผู้นำ ชาวบ้านได้เห็นความเอื่อยเฉื่อย ไม่รู้สึกร้อนหนาว ไม่มีคำอธิบายแจ่มชัด
บิ๊กผู้นำแก้มยุ้ยตาวาว ไร้คำตอบแบบประเทืองปัญญา บอกแต่เพียงว่าเป็นการดี ถ้าตนเองทำอะไรมีคนไว้ใจ! วิญญูชนได้ฟังต้องตบหน้าผาก “แบบนี้ก็จบกัน...” ไม่ใช่ว่าบ้านเมืองจะจบ แต่นั่นเป็นการสิ้นสุดความน่าเชื่อถือ
ความเป็นผู้นำเหล่าทัพ กองทัพ ไม่เหลือความศรัทธา ความหวังของประชาชนที่ยังนึกคิดว่าสถาบันกองทัพจะยังเป็นที่พึ่งของประชาชนเสมอในสภาวะที่บ้านเมืองต้องเผชิญวิกฤต ภัยคุกคามจากศัตรู ภัยต่อความมั่นคง
ปัจจุบัน ภัยแห่งความมั่นคงของชาติ กลายเป็นรัฐบาลของแม่นางโพย ซึ่งยังดันทุรังเดินหน้าดำเนินนโยบายชั่วร้ายบัดซบ ทำลายโครงสร้างของชาติ เช่นการรับจำนำข้าวมีแต่เรื่องโกงกินมโหฬาร วางแผนกู้เงินมาโกงต่อเนื่อง
โครงสร้างกระบวนการยุติธรรม ค่านิยมสังคม ศีลธรรม ระบบคุณธรรม เสื่อมสลาย ความอยู่รอดของชาติจากภัยคอร์รัปชัน การทำลายระบบความถูกต้องดีงามอย่างเป็นระบบ ยังเป็นเป้าหมายของขบวนการอาชญากรรม
โดยหลักทั่วไป ความมั่นคงของรัฐ ไม่ใช่ความมั่นคงของรัฐบาล แต่เป็นความอยู่รอดของชาติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิญญาณ ความรักชาติ จิตสำนึกของความเป็นชาติ และภัยร้ายแรงคือนักการเมืองชั่วร้ายกังฉินนั่นเอง
สภาวะปัจจุบัน แม่ทัพนายกองยังแสดงท่าทีว่าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ภายใต้สายงานบังคับบัญชา ระเบียบวินัย วัฒนธรรมกองทัพ! แต่ถ้าปราศจากจิตสำนึกในภาระ ต้องปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นเพียงคนจำนวนหนึ่ง เหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ หรือความจำเป็นต้องมีให้เปลืองเงินภาษี งบประมาณ
เริ่มมีความคิดว่าเมืองไทยอยู่ในสภาพใกล้หมดหวัง มีแต่คนอยากเอาตัวรอด พวกมีโอกาสได้โกงกินก็พยายามกอบโกยให้มากที่สุด ถ้าบ้านเมืองเกิดวิกฤตร้ายแรง จะยังมีเงินทองประคองชีวิตให้อยู่รอดได้สบายๆ ไม่เดือดร้อน
แต่นั่นคิดผิด คิดสั้น ถ้าคนทั่วไปส่วนใหญ่สิ้นไร้ไม้ตอก ผู้ดีมีเงิน ไร้ความรู้สึกรับผิดชอบ ขาดส่วนร่วมในความพยายามแก้ปัญหาบ้านเมือง ก็คงอยู่ไม่ได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน ถ้าเผชิญวิกฤตดังเช่นละตินอเมริกายุคหนี้ท่วม
คนอดอยากย่อมดิ้นรนเอาตัวรอด ถ้าบ้านเมืองอยู่ในสภาวะรัฐล้มเหลว ปราศจากกลไกกฎหมายดังเช่นปัจจุบัน มิคสัญญีจะทำให้คนในสังคมระดับสูงถูกคุกคามเช่นกัน ความร่ำรวยจะดูอุจาดเมื่อความยากจนกระจายทั่วแผ่นดิน
ภาพแห่งความเหนื่อยล้าสิ้นหวังเกิดขึ้น เมื่อวิญญูชนหมดอาลัยตายอยาก หาทางออกให้บ้านเมืองไม่ได้ ยิ่งถอดใจเมื่อเห็น “กองทัพไทย” เป็น ”กองทัพเพื่อไทย” ตามตำรวจไทยใจกล้า ซึ่งต้องทำหน้าที่เข้าข้างพรรคเพื่อไทย
แต่นั่นเป็นเพียงภาพฉาบทาด้านนอก ใครจะรู้ว่าพวกนักการเมืองเรืองอำนาจอยู่ในอาการร้อนรุ่มในหัวอก หวั่นไหวว่าความสามารถในการกุมอำนาจรัฐอยู่ในสภาพคลอนแคลนง่อนแง่น เพียงแต่เป็นผู้ร้ายปากแข็ง ปากกล้าขาสั่น
ดูสภาพแม่นางโพย น่าจะถอดใจเช่นกันเมื่อมองไปทิศทางไหนก็เป็นทางตัน ใครจะรู้ว่าแม่นางอาจอยากพ้นตำแหน่ง หนีแรงกดดันบีบคั้น เพียงแต่ทำไม่ได้ดังใจในเมื่อพี่เหลี่ยมยังไม่ยอม เพราะตัวเองยังเข้าไปไม่สุดซอย
ซ้ำร้าย ล่าสุด “พลเอกถั่งเช่า” ดันเฟอะฟ่ะ พาเดินเข้าผิดซอย นอกจากเป็นซอยตัน จะกลับออกมาก็ไม่ได้ เพราะมีคนอื่นๆ ยืนปิดทางออกยาวเหยียด ยังดิ้นขลุกขลักอยู่ในซอย! นอนแถกเหงือกสิ้นท่าทั้งหนูอาสาและราชสีห์ขี้เรื้อน
ความอึดของแม่นางโพยจะเป็นปัจจัยหลัก ถ้ายังลอยตัวสนุกกับการท่องเที่ยวเมืองนอก ได้เปลี่ยนบรรยากาศ เติมเต็ม สลับกับการต้องเผชิญปัญหาภายใน ก็น่าจะยื้อได้อีกระยะ จนกว่าวิกฤตข้าวจะรุมเร้าจนเอาไม่อยู่
ได้พระสงฆ์นักทำนายโชคชะตาอวยว่าจะอยู่ได้ยาวนาน 16 ปี ทำให้สงสัยว่าเป็นเจตนากล่าวคำมุสาหรือไม่! ถ้าแม่นางโพยยื้อได้ 16 ปี คงอยู่บนซากปรักหักพัง กองหนี้ท่วมหู คนจนกลายสภาพเป็นคนทุกข์เข็ญสิ้นไร้ไม้ตอก
ถ้านางอยู่รอด บ้านเมืองก็อยู่ไม่รอด! วิญญูชนคงไม่ทนอยู่ร่วมด้วยแน่!