xs
xsm
sm
md
lg

TOTเล็งหาพันธมิตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ยงยุทธ”ระบุโมเดล ”บีเอฟเคที”กสท-ทรู อาจเหมาะกับการลุย 3Gเฟส2 มั่นใจดึงเอกชนร่วมได้แน่หากเปิดช่อง คาดรู้ผลก.ค.นี้ ด้าน "อนุดิษฐ์" สนับสนุนเต็มที่ ยันในเมื่อมีหน่วยงานรับประกันความถูกต้องด้านกฎหมายแล้วทีโอทีก็ควรรีบเลียนแบบกสท

นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด กล่าวว่า ในตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าการดำเนินการโครงการโทรศัพท์มือถือ 3G เฟส2ของทีโอที อาจจะใช้วิธีเดียวกับกรณีบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่น ที่ทำการติดตั้งโครงข่ายโทรศัพท์มือถือในระบบ3G HSPA บนคลื่นความถี่ 850MHz ให้แก่บริษัท กสท โทรคมนาคม เช่าเพื่อนำความจุมาขายส่งบริการให้บริษัทเรียลมูฟขายต่อกับลูกค้าเนื่องจากเล็งเห็นว่าโมเดลดังกล่าวมีการชี้ชัดแล้วว่าไม่ผิดกฏหมาย โดยทีโอทีจะดำเนินการในลักษณะการหาพันธมิตรในการช่วยขยายโครงข่าย 3Gเฟส2 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

“หากทีโอทีเลือกใช้โมเดลของบีเอฟเคทีมาดำเนินการ3Gเฟส2นั้น ทีโอทีจะเริ่มจากการขยายสถานีฐานเพิ่มอีกราว 9,000 สถานีฐาน ภายใต้งบประมาณที่ขอไปจำนวน 30,000 ล้านบาท”

ทั้งนี้ภายในเดือนก.ค.นี้จะได้ข้อสรุปชัดเจนว่าโครงการ 3G เฟส2 จะดำเนินการในลักษณะใด จะเป็นการกู้เงินมาเพื่อสร้างสถานีฐานเองหรือการหาพันธมิตรในลักษณะเดียวกับบีเอฟเคทีซึ่งเชื่อว่าเมื่อทีโอทีเปิดช่องหาพันธมิตรแล้วน่าจะสามารถดึงเอกชนมาร่วมลงทุนได้เพราะทีโอทีมีจุดแข็งตรงที่โครงข่ายไปถึงลูกค้าครัวเรือนได้ครอบคลุมมากที่สุดในตอนนี้

นอกจากนี้หากทีโอทียึดโมเดลบีเอฟเคทีในการดำเนินการ ก็มีความเป็นได้ที่ทีโอทีจะให้เอกชนที่สนใจมารับช่วงขยายโครงข่ายทั้งในย่าน 1900MHz-2.1GHz ที่ทีโอทีให้บริการอยู่ซึ่งมีสิทธิถือครองคลื่นความถี่นานถึงปี 2568 ตามใบอนุญาตที่ได้รับจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และอาจจะมีการให้ขยายโครงข่ายเพิ่มเติมบนคลื่น 2.3GHz ที่ทีโอทีถือครองจำนวน 60MHz ซึ่งทีโอทียังยึดสิทธิ์การให้บริการต่อเนื่องตามใบอนุญาตและตามรัฐธรรมนูญ โดยทีโอทีได้สิทธิ์ในการต่ออายุกับกสทช.แบบปีต่อปี

"เชื่อได้ว่าหากเอกชนหรือพันธมิตรรายใดเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับทีโอทีจะมีแต้มต่อเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นแน่นอน เหมือนเช่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ทรูมูฟเปิดให้บริการ 3G ก่อนคนอื่นภายหลังการจับมือกับกสท"

นายยงยุทธ กล่าวว่า ในตอนนี้ทีโอทียังได้จัดทำแผนเทิร์นอะราวด์หรือแผนพลิกฟื้นธุรกิจใน 3-4 แนวทาง ซึ่งมีทั้งกรณีที่ดีที่สุด และเลวร้ายที่สุด ซึ่งในกรณีดีที่สุดหากทีโอทีสามารถเปลี่ยนโครงข่ายสายจากระบบสายทองแดง มาเป็นเคเบิลใยแก้วหรือ FTTX เพื่อให้สามารถให้บริการบรอดแบนด์ ได้ครบ 2 ล้านพอร์ตตามที่เสนอคณะรัฐมนตรีและสามารถประมูลโครงการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานสาธารณะ (USO) จากกสทช.ได้ 50% ของโครงการทั้งหมด ก็จะทำให้ทีโอทียังคงมีกำไรในปี 2556 จำนวน 2,000 ล้านบาท และในปี 2557 ยังคงมีกำไรสุทธิราว 380 ล้านบาทแม้ไม่มีรายได้จากสัญญาสัมปทานทานที่ต้องส่งคืนรัฐตามพ.ร.บ.กสทช.

ส่วนกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากทีโอทีเบิกจ่ายงบประมาณ และขออนุมัติงบไม่ทัน ในการเปลี่ยนสายทองแดงเป็นเคเบิลใยแก้วจำนวน 20,000 ล้านบาท จะทำให้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไปทีโอทีจะขาดทุน 7,000 ล้านบาท ปี 2558 ขาดทุน 8,000 ล้านบาท และปี 2559 ขาดทุน 17,000 ล้านบาท ซึ่งเท่าทีโอทีจะประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินอย่างหนัก

ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวงไอซีทีพร้อมสนับสนุนเต็มที่ให้ทีโอทีดำเนินการในโครงการ 3G เฟส 2 โดยการเลียนแบบบริษัท กสท โทรคมนาคม ที่เลือกเป็นพาร์ตเนอร์กับกลุ่มทรู ทำสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ ที่ได้รับการรับประกันความถูกต้องตามกฎหมายจากกสทช.แล้ว

“ในเมื่อมีหน่วยงานออกมารับประกันความถูกต้องแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทีโอทีไม่สามารถดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกันได้ ซึ่งเชื่อว่าวิธีการหาพาร์ตเนอร์จะทำให้เกิดประสิทธิภาพและสามารถให้บริการได้ในเวลาอันรวดเร็ว”
กำลังโหลดความคิดเห็น