วานนี้ (9 ก.ค.56) เวลา 13.25 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ และคณะจะลงพื้นที่ไปตรวจราชการจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดนครนายก ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2556
โดยช่วงเช้านายกรัฐมนตรีมีกำหนดการไปนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดปราจีนบุรี เยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล บนพื้นที่ 1,600 ไร่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 17,150 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน พ.ศ.2558 มีกำลังการผลิต 120,000 คัน/ปี ซึ่งจะมีการจ้างงานประมาณ 2,500 อัตรา และเมื่อการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จ จะทำให้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล มีกำลังการผลิตในประเทศไทย รวม 420,000 คัน/ปี (เป็นฐานผลิตลำดับที่ 4 ของโลก) รวมมูลค่าการลงทุน 20,060 ล้านบาท
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปเขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ซึ่ง เป็นโครงการในพระราชดำริเพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำนครนายก และเพื่อเก็บกักน้ำสำหรับการเกษตร อุปโภค-บริโภค ตลอดจนแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการตรวจเยี่ยมพื้นที่เตรียมการก่อสร้างโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์เขื่อนขุนด่านปราการชล รวมถึงโครงการอื่น ๆ ตามแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล โดยเฉพาะการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว “ขุนด่านแลนด์” ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2556 จังหวัดนครนายกได้ขอรับการสนับสนุนโครงการพัฒนาเขื่อนขุนด่านปราการชล ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และท่องเที่ยวเชิงผจญภัย โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยว 1.4 ล้านคน เพิ่มรายได้ 300 ลบ./ปี ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ฯได้มอบหมายให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครนายก และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบโครงการด้านเศรษฐกิจและสังคม และจัดทำแผนการบริหารโครงการให้ชัดเจน หลังจากนั้น ในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี รับฟังการบรรยายสรุปโครงการตามแผนแม่บท และยุทธศาสตร์จังหวัด โดยนายสุรชัย ศรีสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก
อนึ่ง จ.นครนายก เป็นจังหวัดอัจฉริยะนำร่อง ต้นแบบที่เน้นการวางระบบโครงข่ายสื่อสารสมัยใหม่เข้า
มาเป็นเครื่องมือในการบริหารงาน และพัฒนาระบบเครือข่ายอินเตอร์เนตเพื่อเชื่อมโยงการสื่อสารให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยบูรณาการหน่วยงาน 5 ภาคส่วน (ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ชุมชน ธุรกิจและเอกชน) มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนในการติดต่อสื่อสาร รับรู้ข้อมูลข่าวสาร รับบริการภาครัฐโดยสะดวก การศึกษาและเรียนรู้เติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ในวันที่ 14 – 15 กรกฎาคม 2556 นายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางไปราชการจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดมหาสารคามด้วย
ร.ท.หญิง สุนิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเตรียมเดินทางลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 18-19 ก.ค.นี้ พร้อมกันนี้คณะรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ 4 จังหวัดภาคกลางตอนบน คือ พระนครศรีอยุธยา, นนทบุรี, ปทุมธานี และสระบุรีในวันที่ 17-18 ก.ค และจะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในวันที่ 18 ก.ค.ด้วย
“สัปดาห์หน้าวันที่ 16 ก.ค.จะไม่มีการประชุมครม.ที่ทำเนียบฯ เพราะจะยกไปรวมกับการประชุมครม.สัญจรที่อยุธยา” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
โดยช่วงเช้านายกรัฐมนตรีมีกำหนดการไปนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดปราจีนบุรี เยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล บนพื้นที่ 1,600 ไร่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 17,150 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน พ.ศ.2558 มีกำลังการผลิต 120,000 คัน/ปี ซึ่งจะมีการจ้างงานประมาณ 2,500 อัตรา และเมื่อการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จ จะทำให้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล มีกำลังการผลิตในประเทศไทย รวม 420,000 คัน/ปี (เป็นฐานผลิตลำดับที่ 4 ของโลก) รวมมูลค่าการลงทุน 20,060 ล้านบาท
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปเขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ซึ่ง เป็นโครงการในพระราชดำริเพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำนครนายก และเพื่อเก็บกักน้ำสำหรับการเกษตร อุปโภค-บริโภค ตลอดจนแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการตรวจเยี่ยมพื้นที่เตรียมการก่อสร้างโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์เขื่อนขุนด่านปราการชล รวมถึงโครงการอื่น ๆ ตามแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล โดยเฉพาะการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว “ขุนด่านแลนด์” ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2556 จังหวัดนครนายกได้ขอรับการสนับสนุนโครงการพัฒนาเขื่อนขุนด่านปราการชล ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และท่องเที่ยวเชิงผจญภัย โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยว 1.4 ล้านคน เพิ่มรายได้ 300 ลบ./ปี ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ฯได้มอบหมายให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครนายก และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบโครงการด้านเศรษฐกิจและสังคม และจัดทำแผนการบริหารโครงการให้ชัดเจน หลังจากนั้น ในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี รับฟังการบรรยายสรุปโครงการตามแผนแม่บท และยุทธศาสตร์จังหวัด โดยนายสุรชัย ศรีสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก
อนึ่ง จ.นครนายก เป็นจังหวัดอัจฉริยะนำร่อง ต้นแบบที่เน้นการวางระบบโครงข่ายสื่อสารสมัยใหม่เข้า
มาเป็นเครื่องมือในการบริหารงาน และพัฒนาระบบเครือข่ายอินเตอร์เนตเพื่อเชื่อมโยงการสื่อสารให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยบูรณาการหน่วยงาน 5 ภาคส่วน (ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ชุมชน ธุรกิจและเอกชน) มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนในการติดต่อสื่อสาร รับรู้ข้อมูลข่าวสาร รับบริการภาครัฐโดยสะดวก การศึกษาและเรียนรู้เติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ในวันที่ 14 – 15 กรกฎาคม 2556 นายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางไปราชการจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดมหาสารคามด้วย
ร.ท.หญิง สุนิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเตรียมเดินทางลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 18-19 ก.ค.นี้ พร้อมกันนี้คณะรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ 4 จังหวัดภาคกลางตอนบน คือ พระนครศรีอยุธยา, นนทบุรี, ปทุมธานี และสระบุรีในวันที่ 17-18 ก.ค และจะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในวันที่ 18 ก.ค.ด้วย
“สัปดาห์หน้าวันที่ 16 ก.ค.จะไม่มีการประชุมครม.ที่ทำเนียบฯ เพราะจะยกไปรวมกับการประชุมครม.สัญจรที่อยุธยา” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
