วานนี้(7 ก.ค.56) กองเลขาเครือข่ายลุ่มน้ำ 11 เครือข่าย ได้จัดทำจดหมายกเปิดผนึกข้ามประเทศ ถึง “พัก กึน-ฮเย” ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เพื่อให้เปิดเผยข้อมูลและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยในโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยส่งไป ยังเอกอัคราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย และประชาชนชาวเกาหลี
โดยตอนหนึ่งระบุว่า หลังจากเริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 ประชาชนชาวไทยจำนวนมากต้องเดือดร้อนและเจ็บปวดจากการจัดการน้ำของรัฐ ชุมชนจำนวนมากต้องล่มสลายเมื่อมีการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำต่างๆ หรือโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมซึ่งต้องพึ่งพาน้ำเป็นปัจจัยสำคัญ จึงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนกลายเป็นปัญหาสังคมในระยะยาว ล่าสุดรัฐบาลไทยได้ผุดแผนโครงการบริหารและจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งภาคประชาชนไม่เคยรับรู้มาก่อน แต่กลับมีการคัดเลือกบริษัทที่รับผิดชอบเสร็จสิ้นไปแล้ว โดย 1 ในบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกครั้งนี้คือบริษัทโคเรียวอเตอแอนด์รีซอสเซส (เควอเตอร์) จากประเทศเกาหลี
คนในสังคมไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักเควอเตอร์มาก่อน มีเพียงเสียงป่าวประกาศจากรัฐบาลสู่ประชาชนถือว่าเป็นข้อมูลด้านเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การให้ข้อมูลขององค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกาหลี ให้ประโยชน์กับภาคประชาชนไทยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบโครงการในสังคมระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นเรื่องความโปร่งใส การป้องกันและประเมินผลกระทบตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ ของโครงการเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
“ขอเรียนให้ท่านทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือหน่วยงานใดที่ดำเนินโครงการลักษณะนี้ ย่อมต้องถูกตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน” จดหมายกเปิดผนึกข้ามประเทศ ถึงประธานาธิปดีเกาหลีใต้ระบุ
อย่างไรก็ตามกลับมีปฎิกริยาที่ไม่สร้างสรรค์ออกมาจากเควอเตอร์ อาทิ การข่มขู่จะใช้มาตรการทางกฎหมาย แทนที่จะใช้วิธีชี้แจงข้อมูลสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะหรือสื่อมวลชน ขณะเดียวกันมีความพยายามของเควอเตอร์ในการสืบค้นหาผู้ประสานงานเชิญผู้แทนองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีด้วยรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เป็นมิตร
ทำลายความความสัมพันธ์เกาหลี-ไทย ดำเนินมายาวนาน แต่พฤติกรรมของเควอเตอร์ขณะนี้กำลังทำให้ประชาชนไทยจำนวนหนึ่งรู้สึกเคลือบแคลงสังสัย โดยเฉพาะการปกปิดข้อมูลซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่โปร่งใส รวมทั้งประชาชนในไทยกลับยังไม่ทราบข้อมูลใดๆเลย ทำให้ต่างรู้สึกหวาดวิตกว่าต้องสูญเสียที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เราไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เควอเตอร์ได้รับการคัดเลือกครั้งนี้ แต่เรารู้สึกห่วงใยในมิตรภาพของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ที่ดำเนินความมาด้วยดีโดยตลอด เราหวังว่ารัฐบาลเกาหลีและสังคมเกาหลีจะเข้าในสถานการณ์ของประชาชนไทยออกมาปกป้องฐานทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน พร้อมทั้งร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการการส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริง
โดยตอนหนึ่งระบุว่า หลังจากเริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 ประชาชนชาวไทยจำนวนมากต้องเดือดร้อนและเจ็บปวดจากการจัดการน้ำของรัฐ ชุมชนจำนวนมากต้องล่มสลายเมื่อมีการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำต่างๆ หรือโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมซึ่งต้องพึ่งพาน้ำเป็นปัจจัยสำคัญ จึงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนกลายเป็นปัญหาสังคมในระยะยาว ล่าสุดรัฐบาลไทยได้ผุดแผนโครงการบริหารและจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งภาคประชาชนไม่เคยรับรู้มาก่อน แต่กลับมีการคัดเลือกบริษัทที่รับผิดชอบเสร็จสิ้นไปแล้ว โดย 1 ในบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกครั้งนี้คือบริษัทโคเรียวอเตอแอนด์รีซอสเซส (เควอเตอร์) จากประเทศเกาหลี
คนในสังคมไทยส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักเควอเตอร์มาก่อน มีเพียงเสียงป่าวประกาศจากรัฐบาลสู่ประชาชนถือว่าเป็นข้อมูลด้านเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การให้ข้อมูลขององค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกาหลี ให้ประโยชน์กับภาคประชาชนไทยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบโครงการในสังคมระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นเรื่องความโปร่งใส การป้องกันและประเมินผลกระทบตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ ของโครงการเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
“ขอเรียนให้ท่านทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือหน่วยงานใดที่ดำเนินโครงการลักษณะนี้ ย่อมต้องถูกตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน” จดหมายกเปิดผนึกข้ามประเทศ ถึงประธานาธิปดีเกาหลีใต้ระบุ
อย่างไรก็ตามกลับมีปฎิกริยาที่ไม่สร้างสรรค์ออกมาจากเควอเตอร์ อาทิ การข่มขู่จะใช้มาตรการทางกฎหมาย แทนที่จะใช้วิธีชี้แจงข้อมูลสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะหรือสื่อมวลชน ขณะเดียวกันมีความพยายามของเควอเตอร์ในการสืบค้นหาผู้ประสานงานเชิญผู้แทนองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีด้วยรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เป็นมิตร
ทำลายความความสัมพันธ์เกาหลี-ไทย ดำเนินมายาวนาน แต่พฤติกรรมของเควอเตอร์ขณะนี้กำลังทำให้ประชาชนไทยจำนวนหนึ่งรู้สึกเคลือบแคลงสังสัย โดยเฉพาะการปกปิดข้อมูลซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่โปร่งใส รวมทั้งประชาชนในไทยกลับยังไม่ทราบข้อมูลใดๆเลย ทำให้ต่างรู้สึกหวาดวิตกว่าต้องสูญเสียที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน เราไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เควอเตอร์ได้รับการคัดเลือกครั้งนี้ แต่เรารู้สึกห่วงใยในมิตรภาพของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ที่ดำเนินความมาด้วยดีโดยตลอด เราหวังว่ารัฐบาลเกาหลีและสังคมเกาหลีจะเข้าในสถานการณ์ของประชาชนไทยออกมาปกป้องฐานทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน พร้อมทั้งร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการการส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริง