วานนี้ (4 ก.ค.56) เมื่อเวลา 14.18 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯลงที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยประทับรถเข็นพระที่นั่ง ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อมทั้งทีมแพทย์และพยาบาล ตามเสด็จด้วย โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวมาเฝ้ารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานตากอากาศบางปู อ.บางปู จ.สมุทรปราการ เพื่อทอดพระเนตรโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ และทอดพระเนตรป่าชายเลน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางเสด็จฯ มีประชาชนชาวสมุทรปราการที่ทราบข่าว ต่างพร้อมใจกันมารับเสด็จอย่างเนืองแน่น แม้แดดจะร้อนแต่ทุกคนมีสีหน้าสดใส ต่างโบกธงชาติ และธงสัญลักษณ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพร้อมใจกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ มีบางรายหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติที่ได้เห็นพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง
กระทั่งเวลา 15.10 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินถึงศาลาสุขใจ ภายในสถานตากอากาศบางปู ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส และแย้มพระสรวล ทรงฉลองพระองค์เสื้อเชิ้ตลายดอกสีขาวสลับส้ม ทับด้วยสูทสีส้ม ทรงสวมสนับเพลาสีดำ รองพระบาทสีดำ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นายสุรชัย อังเกิดโชค รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยข้าราชการ เฝ้าฯ รับเสด็จ
ต่อมาเวลา 16.15 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาถึงสถานตากอากาศบางปู และเสด็จเข้าไปในศาลาสุขใจเพื่อเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในหลวงเสด็จกลับ ร.พ.ศิริราช ปชช.เฝ้ารับแน่น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับโรงพยาบาลศิริราช พร้อม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยมีพสกนิกรเฝ้ารอรับเนืองแน่น
เวลา 17.36 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จกลับจากสถานตากอากาศบางปู จ.สมุทรปราการ
จากนั้นเวลา 18.37 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถึงยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ที่ประทับ ท่ามกลางเหล่าพสกนิกรมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น โดยต่างเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้อง เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินผ่าน
นายธีรยุทธ ลออพันธ์ผล หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก กล่าวว่า สำหรับวันนี้ที่สถานตากอากาศบางปู ระดับน้ำวันนี้น้ำขึ้นสูงสุด ที่เวลา 17.30 น. ระดับน้ำสูงจากน้ำทะเลปานกลาง 97 เซ็นติเมตร โดยมีสภาพน้ำกร่อยมาก เนื่องจากได้รับอิทธิพลของแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำบางปะกงไหลมาบรรจบกัน วัดค่าความเค็มได้ไม่เกิน 10 พีทีที ซึ่งเอื้อให้ป่าชายเลนโตเร็ว
นายธีรยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนสภาพป่าในบริเวณโดยรอบสถานตากอากาศบางปู แบ่งเป็น 2 แบบด้วยกัน แบบแรก เป็นพื้นที่ป่าที่ฟื้นด้วยตัวเองจากเดิมที่เคยเป็นนากุ้ง จำนวน 338 ไร่ ส่วนบริเวณหน้าหาดเลนมีพื้นที่ป่าประมาณ 8 แสนต้น หลังปลูกป่าเมื่อประมาณ 8-10 ปี หลังจากเริ่มมีศูนย์ศึกษาอบรมธรรมชาติกองทัพบก เมื่อปี 2547 และเนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ มีนกมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จากการศึกษาของศูนย์ศึกษาอบรมธรรมชาติกองทัพบก ร่วมกับสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติ ซึ่งมีการสำรวจทุกปี พบว่ามีนก 240 ชนิด จาก 1,014 ชนิดที่พบในประเทศไทย โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด คือ นกนางนวลธรรมดา พบมากถึง 7,000-8,000 ตัวต่อปี เชื่อว่า เป็นการรวมที่เยอะที่สุดในโลกในช่วงฤดูอพยพ (ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) นอกจากนี้ยังมี นกปากแอ่นหางดำ มีจำนวนราว 4,000 ตัวต่อปี ส่วนอีกสายพันธุ์ที่น่าสนใจ พบเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังหายไปจากพื้นที่ประมาณ 10 ปี คือ นกกาบบัว นับได้เมื่อปี 2555 จำนวน 93 ตัว
นายธีรยุทธ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทางศูนย์กำลังยกระดับพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับสากล โดยเฉพาะพื้นที่เกี่ยวกับนกอพยพ หรือ ฟลาย เวย์ (FLY WAY) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีเพียงแห่งเดียว คือที่จังหวัดกระบี่ โดยฉซนอ่าวไทยตอนบนจะมีการนำเสนอทั้งหมด 6 แห่ง โดยบางปูเป็นหนึ่งในหกด้วย ส่วนอีกหนึ่งโครงการคือ พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือ แรมซาร์ (RAMSAR) ซึ่งในประเทศไทยมี 12 แห่ง
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานตากอากาศบางปู อ.บางปู จ.สมุทรปราการ เพื่อทอดพระเนตรโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ และทอดพระเนตรป่าชายเลน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางเสด็จฯ มีประชาชนชาวสมุทรปราการที่ทราบข่าว ต่างพร้อมใจกันมารับเสด็จอย่างเนืองแน่น แม้แดดจะร้อนแต่ทุกคนมีสีหน้าสดใส ต่างโบกธงชาติ และธงสัญลักษณ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพร้อมใจกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ มีบางรายหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติที่ได้เห็นพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง
กระทั่งเวลา 15.10 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินถึงศาลาสุขใจ ภายในสถานตากอากาศบางปู ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส และแย้มพระสรวล ทรงฉลองพระองค์เสื้อเชิ้ตลายดอกสีขาวสลับส้ม ทับด้วยสูทสีส้ม ทรงสวมสนับเพลาสีดำ รองพระบาทสีดำ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นายสุรชัย อังเกิดโชค รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยข้าราชการ เฝ้าฯ รับเสด็จ
ต่อมาเวลา 16.15 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาถึงสถานตากอากาศบางปู และเสด็จเข้าไปในศาลาสุขใจเพื่อเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในหลวงเสด็จกลับ ร.พ.ศิริราช ปชช.เฝ้ารับแน่น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับโรงพยาบาลศิริราช พร้อม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยมีพสกนิกรเฝ้ารอรับเนืองแน่น
เวลา 17.36 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จกลับจากสถานตากอากาศบางปู จ.สมุทรปราการ
จากนั้นเวลา 18.37 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถึงยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ที่ประทับ ท่ามกลางเหล่าพสกนิกรมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น โดยต่างเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้อง เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินผ่าน
นายธีรยุทธ ลออพันธ์ผล หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก กล่าวว่า สำหรับวันนี้ที่สถานตากอากาศบางปู ระดับน้ำวันนี้น้ำขึ้นสูงสุด ที่เวลา 17.30 น. ระดับน้ำสูงจากน้ำทะเลปานกลาง 97 เซ็นติเมตร โดยมีสภาพน้ำกร่อยมาก เนื่องจากได้รับอิทธิพลของแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำบางปะกงไหลมาบรรจบกัน วัดค่าความเค็มได้ไม่เกิน 10 พีทีที ซึ่งเอื้อให้ป่าชายเลนโตเร็ว
นายธีรยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนสภาพป่าในบริเวณโดยรอบสถานตากอากาศบางปู แบ่งเป็น 2 แบบด้วยกัน แบบแรก เป็นพื้นที่ป่าที่ฟื้นด้วยตัวเองจากเดิมที่เคยเป็นนากุ้ง จำนวน 338 ไร่ ส่วนบริเวณหน้าหาดเลนมีพื้นที่ป่าประมาณ 8 แสนต้น หลังปลูกป่าเมื่อประมาณ 8-10 ปี หลังจากเริ่มมีศูนย์ศึกษาอบรมธรรมชาติกองทัพบก เมื่อปี 2547 และเนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ มีนกมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จากการศึกษาของศูนย์ศึกษาอบรมธรรมชาติกองทัพบก ร่วมกับสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติ ซึ่งมีการสำรวจทุกปี พบว่ามีนก 240 ชนิด จาก 1,014 ชนิดที่พบในประเทศไทย โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด คือ นกนางนวลธรรมดา พบมากถึง 7,000-8,000 ตัวต่อปี เชื่อว่า เป็นการรวมที่เยอะที่สุดในโลกในช่วงฤดูอพยพ (ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) นอกจากนี้ยังมี นกปากแอ่นหางดำ มีจำนวนราว 4,000 ตัวต่อปี ส่วนอีกสายพันธุ์ที่น่าสนใจ พบเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังหายไปจากพื้นที่ประมาณ 10 ปี คือ นกกาบบัว นับได้เมื่อปี 2555 จำนวน 93 ตัว
นายธีรยุทธ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทางศูนย์กำลังยกระดับพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับสากล โดยเฉพาะพื้นที่เกี่ยวกับนกอพยพ หรือ ฟลาย เวย์ (FLY WAY) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีเพียงแห่งเดียว คือที่จังหวัดกระบี่ โดยฉซนอ่าวไทยตอนบนจะมีการนำเสนอทั้งหมด 6 แห่ง โดยบางปูเป็นหนึ่งในหกด้วย ส่วนอีกหนึ่งโครงการคือ พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือ แรมซาร์ (RAMSAR) ซึ่งในประเทศไทยมี 12 แห่ง
