ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่า มีความล้มเหลว เพราะตนไม่มีอำนาจ ไม่มีงบประมาณ แต่ก็ไม่เคยร้องขอ ทำด้วยความเต็มใจ ส่วนที่เคยพูดไปว่าเป็นขี้ข้าทักษิณนั้น เป็นการพูดเพื่อประชดพรรคประชาธิปัตย์ ตนกับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพื่อนรักกัน
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เข้าไปรับหน้าที่ รมว.กลาโหม ว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร แม้จะเป็นผู้หญิง แต่เมื่อเป็นผู้หญิง ก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ชายอยู่แล้วที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดังนั้น กับทหารก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่มารับตำแหน่งรมช.กลาโหม ก็เชื่อว่าทำงานได้ ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนปัญหาความวุ่นวายในพื้นที่ภาคใต้นั้น ที่ล่าสุดมีการยื่นข้อเสนอมาจากทางกลุ่ม BRN ถึง 7 ข้อ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า การพูดคุยยังน่าจะต้องดำเนินต่อไป เป็นทางที่ดี ที่ผ่านมาเราอาจจะไปกังวลกันมาก เกี่ยวกับเรื่องตัวคน ว่าจะคุยกับใครดี คนนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งมองว่าความสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวคนที่เจรจาเสียทั้งหมด แต่เนื้อหา หรือเรื่องในการพูดคุยมากกว่า ที่สำคัญ เพราะเชื่อว่าเมื่อเป็นวงถกกันขนาดนี้ เรื่องที่พูดคุยต้องถูกสื่อสารไปถึงคนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว
ขณะที่ข้อเสนอที่ถูกหยิบยื่นมา 7 ข้อนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดกลุ่มดังกล่าวถึงต้องยื่นขอเสนอต่างๆ มามากมายขนาดนั้น เพราะส่วนตัวมองว่าทั้งหลายๆ ข้อที่เสนอมานั้น รวมความแล้วก็คือข้อเดียวคือ การเป็นนครปัตตานี นครที่สามารถดูแลตัวเองได้ แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปภายใต้กฎหมายประเทศไทย
**คนใต้เสนอแนวทางเจรจาบีอาร์เอ็น
นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์ เสนอแนวปฏิบัติต่อคู่พูดคุยสันติภาพระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทยกับผู้แทนกลุ่ม BRN.โดยระบุว่า ความสำคัญของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทยกับผู้แทนกลุ่ม BRN.อันเป็นความหวังสู่สันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สภาประชาสังคมชายแดนภาคใต้ จึงใคร่เสนอแนวปฏิบัติต่อคู่พูดคุย ดังต่อไปนี้
1.ทั้ง 2 ฝ่ายควรยึดมั่นในฉันทามติทั่วไปที่ลงนามไว้ร่วมกันเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 โดยเคร่งครัด
2.ทั้ง 2 ฝ่าย ควรมีคณะทำงานยุทธศาสตร์ที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และกำหนดประเด็นการพูดคุยได้อย่างเหมาะสมเพื่อจะได้นำประเด็นของแต่ละฝ่ายดังกล่าวไปจัดทำเป็นวาระการประชุมในห้วงเวลาที่ตกลงไว้ร่วมกัน
3.ทั้ง 2 ฝ่ายควรมีคณะผู้ประสานงานร่วมที่มีหน้าที่สร้างความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ระหว่างกันและการปฏิบัติทุกๆขั้นตอนที่เหมาะสมทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและหวาดระแวงต่อกัน
4.สภาประชาสังคมฯ เห็นว่า 5 ข้อเรียกร้อง 7 ข้อคำประกาศ ของ B.R.N. และ 1 ข้อเสนอของผู้แทนรัฐบาลไทยล้วนอยู่ในวิสัยที่ปฏิบัติตอบสนองให้แก่กันได้ทั้งสิ้นขอเพียงมีความจริงใจต่อกันอย่างแท้จริงทุกๆ อย่างก็จะค่อยๆ ลงตัวได้อย่างแน่นอน
5.ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความอดทน อดกลั้น อย่าฉวยโอกาสช่วงชิงความได้เปรียบให้กับฝ่ายของตัวเองไม่ว่าจะในทางการเมืองหรือทางการทหารแต่โปรดตระหนักร่วมกันว่าการผลักดันกระบวนการสันติภาพครั้งนี้เป็นนาทีทองของทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันประคับประคองไม่ให้การพูดคุยล้มเหลวลง เพราะหากล้มเหลวก็จะไม่มีโอกาสของสัน ติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เข้าไปรับหน้าที่ รมว.กลาโหม ว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร แม้จะเป็นผู้หญิง แต่เมื่อเป็นผู้หญิง ก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ชายอยู่แล้วที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดังนั้น กับทหารก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่มารับตำแหน่งรมช.กลาโหม ก็เชื่อว่าทำงานได้ ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนปัญหาความวุ่นวายในพื้นที่ภาคใต้นั้น ที่ล่าสุดมีการยื่นข้อเสนอมาจากทางกลุ่ม BRN ถึง 7 ข้อ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า การพูดคุยยังน่าจะต้องดำเนินต่อไป เป็นทางที่ดี ที่ผ่านมาเราอาจจะไปกังวลกันมาก เกี่ยวกับเรื่องตัวคน ว่าจะคุยกับใครดี คนนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งมองว่าความสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวคนที่เจรจาเสียทั้งหมด แต่เนื้อหา หรือเรื่องในการพูดคุยมากกว่า ที่สำคัญ เพราะเชื่อว่าเมื่อเป็นวงถกกันขนาดนี้ เรื่องที่พูดคุยต้องถูกสื่อสารไปถึงคนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว
ขณะที่ข้อเสนอที่ถูกหยิบยื่นมา 7 ข้อนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดกลุ่มดังกล่าวถึงต้องยื่นขอเสนอต่างๆ มามากมายขนาดนั้น เพราะส่วนตัวมองว่าทั้งหลายๆ ข้อที่เสนอมานั้น รวมความแล้วก็คือข้อเดียวคือ การเป็นนครปัตตานี นครที่สามารถดูแลตัวเองได้ แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปภายใต้กฎหมายประเทศไทย
**คนใต้เสนอแนวทางเจรจาบีอาร์เอ็น
นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์ เสนอแนวปฏิบัติต่อคู่พูดคุยสันติภาพระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทยกับผู้แทนกลุ่ม BRN.โดยระบุว่า ความสำคัญของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทยกับผู้แทนกลุ่ม BRN.อันเป็นความหวังสู่สันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สภาประชาสังคมชายแดนภาคใต้ จึงใคร่เสนอแนวปฏิบัติต่อคู่พูดคุย ดังต่อไปนี้
1.ทั้ง 2 ฝ่ายควรยึดมั่นในฉันทามติทั่วไปที่ลงนามไว้ร่วมกันเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 โดยเคร่งครัด
2.ทั้ง 2 ฝ่าย ควรมีคณะทำงานยุทธศาสตร์ที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และกำหนดประเด็นการพูดคุยได้อย่างเหมาะสมเพื่อจะได้นำประเด็นของแต่ละฝ่ายดังกล่าวไปจัดทำเป็นวาระการประชุมในห้วงเวลาที่ตกลงไว้ร่วมกัน
3.ทั้ง 2 ฝ่ายควรมีคณะผู้ประสานงานร่วมที่มีหน้าที่สร้างความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ระหว่างกันและการปฏิบัติทุกๆขั้นตอนที่เหมาะสมทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและหวาดระแวงต่อกัน
4.สภาประชาสังคมฯ เห็นว่า 5 ข้อเรียกร้อง 7 ข้อคำประกาศ ของ B.R.N. และ 1 ข้อเสนอของผู้แทนรัฐบาลไทยล้วนอยู่ในวิสัยที่ปฏิบัติตอบสนองให้แก่กันได้ทั้งสิ้นขอเพียงมีความจริงใจต่อกันอย่างแท้จริงทุกๆ อย่างก็จะค่อยๆ ลงตัวได้อย่างแน่นอน
5.ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความอดทน อดกลั้น อย่าฉวยโอกาสช่วงชิงความได้เปรียบให้กับฝ่ายของตัวเองไม่ว่าจะในทางการเมืองหรือทางการทหารแต่โปรดตระหนักร่วมกันว่าการผลักดันกระบวนการสันติภาพครั้งนี้เป็นนาทีทองของทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันประคับประคองไม่ให้การพูดคุยล้มเหลวลง เพราะหากล้มเหลวก็จะไม่มีโอกาสของสัน ติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก
