เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (3ก.ค.) ที่บ้านลาดปลาเค้า 60 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยกคำร้อง กรณีการยกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 821ล้านบาทโดยมิชอบ สมัยที่ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ว่า รอคอยความเป็นธรรมมา 7 ปี ขอขอบคุณป.ป.ช.ทั้ง 8 คน ที่ให้ความเป็นธรรม การยกเลิกโครงการดังกล่าวเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะใช้เวลานานถึง 7 ปี ซึ่งเป็นการรอที่ทุกข์ใจ แต่เรามั่นใจว่าไม่ได้ทำผิด และไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด แต่ทำไปด้วยสำนึกของความเป็นข้าราชการที่ดี ปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติ แต่กลับต้องได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้หลังการปฏิวัติ ถูกป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาใช้อำนาจยกเลิกโครงการโดยมิชอบ เข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงการเมืองในช่วงนั้นมีความรุนแรง มีความจำเป็นต้องกำจัดอีกฝ่ายหนึ่งออกจากเวทีให้ได้ ตนเป็นนักการเมืองที่อยู่ในช่วงนั้นเข้าใจดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเห็นแก่ได้และข้าราชการใช้ป.ป.ช.เป็นเครื่องมือจัดการนักการเมือง ตลอด 7 ปีของการต่อสู้ ตนถูกกล่าวหาว่าประพฤติชั่ว ทำให้รู้สึกเสียใจที่ทำให้ข้าราชการอีกเกือบ 20 คน ต้องพลอยเป็นเหยื่อทางการเมืองไปด้วย เป็นข้อกล่าวหาที่ยากทำใจได้ ที่สำคัญตลอดการต่อสู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.ที่ตั้งผู้มีส่วนได้เสียที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ในโครงการนี้ มาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน มีการใช้เอกสารและพยานเท็จ โดยไม่รับฟังข้อกฎหมาย และข้อต่อสู้จากอีกฝ่าย จนตนต้องยื่นถอดถอนกรรมการป.ป.ช.ผู้นั้น แม้จะถอดถอนไม่สำเร็จ แต่ป.ป.ช.ก็ยอมเปลี่ยนตัวคณะอนุกรรมการสอบสวนชุดใหม่ให้ ทำให้มีมติยกคำร้องคดีนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังฝ่ายกฎหมายหารือว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับอดีตประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน และคณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน คาดว่าใช้เวลา 1สัปดาห์จะได้ข้อสรุปเรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่ได้ก้าวล่วงองค์กรอิสระ เพราะสนับสนุนองค์กรอิสระ
แต่อยากดำเนินการเป็นรายบุคคลกับผู้ที่ไม่ให้ความเป็นธรรม ขอให้กรณีของตนเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของความขัดแย้งทางการเมือง อยากให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าให้ความเป็นธรรมกับทุกข์ฝ่ายอย่างแท้จริง หลังจากนี้จะเขียนหนังสือ 1 เล่มเป็นกรณีศึกษาถึงความไม่เป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมในช่วงที่การเมืองเปลี่ยนแปลง
ส่วนการกลับเข้าสู่การการเมืองนั้น ขอยืนยันว่า เว้นวรรคทางการเมืองจนกว่างานบูรณะสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าเสร็จสิ้น แม้ป.ป.ช.จะตัดสินให้พ้นผิด แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะยกเลิกความตั้งใจ ส่วนในอนาคตการเมืองจะเป็นอย่างไร ขอให้ขึ้นกับสถานการณ์ช่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้หลังการปฏิวัติ ถูกป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาใช้อำนาจยกเลิกโครงการโดยมิชอบ เข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงการเมืองในช่วงนั้นมีความรุนแรง มีความจำเป็นต้องกำจัดอีกฝ่ายหนึ่งออกจากเวทีให้ได้ ตนเป็นนักการเมืองที่อยู่ในช่วงนั้นเข้าใจดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเห็นแก่ได้และข้าราชการใช้ป.ป.ช.เป็นเครื่องมือจัดการนักการเมือง ตลอด 7 ปีของการต่อสู้ ตนถูกกล่าวหาว่าประพฤติชั่ว ทำให้รู้สึกเสียใจที่ทำให้ข้าราชการอีกเกือบ 20 คน ต้องพลอยเป็นเหยื่อทางการเมืองไปด้วย เป็นข้อกล่าวหาที่ยากทำใจได้ ที่สำคัญตลอดการต่อสู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.ที่ตั้งผู้มีส่วนได้เสียที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ในโครงการนี้ มาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน มีการใช้เอกสารและพยานเท็จ โดยไม่รับฟังข้อกฎหมาย และข้อต่อสู้จากอีกฝ่าย จนตนต้องยื่นถอดถอนกรรมการป.ป.ช.ผู้นั้น แม้จะถอดถอนไม่สำเร็จ แต่ป.ป.ช.ก็ยอมเปลี่ยนตัวคณะอนุกรรมการสอบสวนชุดใหม่ให้ ทำให้มีมติยกคำร้องคดีนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังฝ่ายกฎหมายหารือว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับอดีตประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน และคณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน คาดว่าใช้เวลา 1สัปดาห์จะได้ข้อสรุปเรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่ได้ก้าวล่วงองค์กรอิสระ เพราะสนับสนุนองค์กรอิสระ
แต่อยากดำเนินการเป็นรายบุคคลกับผู้ที่ไม่ให้ความเป็นธรรม ขอให้กรณีของตนเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของความขัดแย้งทางการเมือง อยากให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าให้ความเป็นธรรมกับทุกข์ฝ่ายอย่างแท้จริง หลังจากนี้จะเขียนหนังสือ 1 เล่มเป็นกรณีศึกษาถึงความไม่เป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมในช่วงที่การเมืองเปลี่ยนแปลง
ส่วนการกลับเข้าสู่การการเมืองนั้น ขอยืนยันว่า เว้นวรรคทางการเมืองจนกว่างานบูรณะสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าเสร็จสิ้น แม้ป.ป.ช.จะตัดสินให้พ้นผิด แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะยกเลิกความตั้งใจ ส่วนในอนาคตการเมืองจะเป็นอย่างไร ขอให้ขึ้นกับสถานการณ์ช่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร