ASTV ผู้จัดการรายวัน- สองเสี่ยเข้ามอบตัวดีเอสไอคดีรถหรูไฟไหม้ หลังสอบสวนพบเป็นเจ้าของรถซุปเปอร์คาร์ 6 คัน ที่ส่อเป็นรถจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษีไปจดทะเบียนที่ศรีษะเกษ ถูกแจ้ง 3 ข้อหาแต่ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยจะทำคำให้การพร้อมนำหลักฐานมามอบให้ดีเอสไออีกครั้งในวันที่28 มิ.ย.นี้ ก่อนวางหลักประกันโฉนดที่ดิน 2 ล้าน ในการปล่อยตัวชั่วคราว
วานนี้ (20 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายนฤนาท ควรสวัสดิ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205/2 หมู่ 1 ต.ในคลองบางปลากรด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207 หมู่ 1 ต.ในคลองบางปลากรด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สองพี่น้องที่ใส่แว่นตาดำทั้งคู่ พร้อมทนายความ 2 คน เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการพิเศษภาค ดีเอสไอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษเฉพาะด้าน(ระดับ9) ดีเอสไอ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังใสย์ รอง ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการพิเศษภาค ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันลักลอบนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระภาษี, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของที่ยังมิได้เสียค่าภาษีหรือโดยผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 หลังจากจากการตรวจพิสูจน์และตรวจสอบสิ่งของในรถยนต์ของกลางที่ถูกไฟไหม้ของ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบเศษสลิปบัตรเดรบิตของนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ ตกอยู่จนเป็นข้อมูลสำคัญในการสอบสวนขยายผล พร้อมมีพยานบุคคลยืนยันตรงกันจำนวนหลายปาก จนดีเอสไอทราบว่าผู้ต้องหาเป็นเจ้าของรถยนต์ซุปเปอร์ 6 คัน ของกลาง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การที่นายนฤนาท และนายธนันท์ เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เราถือว่าบุคคลดังกล่าวยังเป็นผู้บริสุทธิ์ การที่สมัครใจมาพบของผู้ต้องสงสัยถือเป็นเรื่องที่ดี ซึี่งเราต้องให้เกียรติกัน ทั้งนี้เมื่อบุคคลดังกล่าวปรากฏตัวต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทางพนักงานสอบสอบคดีพิเศษมีความจำเป็นที่จะแจ้งข้อหาทันที ซึ่งทั้ง 2 คน ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีทันที ส่วนผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ จะรับปฏิเสธหรือให้การไม่เป็นจริง ก็ไม่ผิด เพราะถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งทางดีเอสไอก็จะพิจารณา ถ้าหากคำให้การของผู้ต้องหาเป็นประโยชน์กับรูปคดีก็จะปรากฏในสำนวน ถ้าในที่สุดจะมีการตัดสินลงโทษ ผู้ต้องหาก็จะได้รับผลดี
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอจะไม่ดำเนินคดีโดยอาศัยคำรับสารภาพหรือคำปฏิเสธของผู้ต้องหา แต่เราอาศัยพยานและหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีครบถ้วนสมบูรณ์ที่บ่งชี้ได้ชัดเจนว่า นายนฤนาท และนายธนันท์ เป็นนายทุนที่อยู่เบื้องหลังในการค้าขายรถทั้ง 6 คัน ที่เข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษี โดยวิธีการจดประกอบแต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน มิเช่นนั้นคงไปดำเนินการจดทะเบียนอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี สำหรับบริบทในการหาตัวผู้กระทำความผิดที่อยู่เบื้องหลังรถหรู 6 คัน ถือว่าดีเอสไอดำเนินการเกือบสุดปลายทางคือได้ผู้กระทำความผิดที่แท้จริง จากนี้ไปก็จะเป็นเรื่องของการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ คือนายนที ริ้วทอง หรือเป้ แขนด้วน คนจัดการขนรถหรูไป จ.ศรีษะเกษ
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวหลังแจ้งข้อหาว่า จากการสอบสวนทั้ง 2 คน ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา จะนำเอกสารหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมให้การในวันที่ 28 มิ.ย.เวลา 13.00 น.หลังการสอบสวน ดีเอสไอได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเนื่องจากเป็นการติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ประสงค์จะวางหลักทรัพย์โฉนดที่ดิน ในจังหวัดสมุทรปราการ ราคา 2 ล้านบาท เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อแสดงเจตนาว่าจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนโดยไม่หลบหนี
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการพิเศษภาค ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอยืนยันมั่นใจในกระบวนการและพยานหลักฐานที่มี เบื้องต้นดีเอสไอได้สอบถามผู้ต้องหาทั้งสองคนถึงรถที่เกิดเหตุไฟไหม้ และบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ผู้ต้องหาไม่ให้การ วันนี้ดีเอสไอจึงได้แต่ถามเรื่องส่วนตัวว่าประกอบอาชีพอะไร ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าทำธุรกิจหมู่บ้านจัดสรร หลังจากนี้จะเร่งติดตามขอกล้องวงจรปิดในอีกหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับคดีไฟไหม้ 6 คัน เพื่อนำมาประกอบการสำนวนการสอบสวนต่อไป
ด้านนายนฤนาท ควรสวัสดิ์ กล่าวว่า ตนมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมยื่นหลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนเรื่องคดีขอไม่ให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยในตอนนี้ จะทำคำให้การเป็นเอกสารให้การกับดีเอสไอในวันที่ 28 มิ.ย.
วานนี้ (20 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายนฤนาท ควรสวัสดิ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205/2 หมู่ 1 ต.ในคลองบางปลากรด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207 หมู่ 1 ต.ในคลองบางปลากรด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สองพี่น้องที่ใส่แว่นตาดำทั้งคู่ พร้อมทนายความ 2 คน เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการพิเศษภาค ดีเอสไอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษเฉพาะด้าน(ระดับ9) ดีเอสไอ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังใสย์ รอง ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการพิเศษภาค ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันลักลอบนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระภาษี, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของที่ยังมิได้เสียค่าภาษีหรือโดยผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 หลังจากจากการตรวจพิสูจน์และตรวจสอบสิ่งของในรถยนต์ของกลางที่ถูกไฟไหม้ของ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบเศษสลิปบัตรเดรบิตของนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ ตกอยู่จนเป็นข้อมูลสำคัญในการสอบสวนขยายผล พร้อมมีพยานบุคคลยืนยันตรงกันจำนวนหลายปาก จนดีเอสไอทราบว่าผู้ต้องหาเป็นเจ้าของรถยนต์ซุปเปอร์ 6 คัน ของกลาง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การที่นายนฤนาท และนายธนันท์ เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เราถือว่าบุคคลดังกล่าวยังเป็นผู้บริสุทธิ์ การที่สมัครใจมาพบของผู้ต้องสงสัยถือเป็นเรื่องที่ดี ซึี่งเราต้องให้เกียรติกัน ทั้งนี้เมื่อบุคคลดังกล่าวปรากฏตัวต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทางพนักงานสอบสอบคดีพิเศษมีความจำเป็นที่จะแจ้งข้อหาทันที ซึ่งทั้ง 2 คน ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีทันที ส่วนผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ จะรับปฏิเสธหรือให้การไม่เป็นจริง ก็ไม่ผิด เพราะถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งทางดีเอสไอก็จะพิจารณา ถ้าหากคำให้การของผู้ต้องหาเป็นประโยชน์กับรูปคดีก็จะปรากฏในสำนวน ถ้าในที่สุดจะมีการตัดสินลงโทษ ผู้ต้องหาก็จะได้รับผลดี
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอจะไม่ดำเนินคดีโดยอาศัยคำรับสารภาพหรือคำปฏิเสธของผู้ต้องหา แต่เราอาศัยพยานและหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีครบถ้วนสมบูรณ์ที่บ่งชี้ได้ชัดเจนว่า นายนฤนาท และนายธนันท์ เป็นนายทุนที่อยู่เบื้องหลังในการค้าขายรถทั้ง 6 คัน ที่เข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษี โดยวิธีการจดประกอบแต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน มิเช่นนั้นคงไปดำเนินการจดทะเบียนอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี สำหรับบริบทในการหาตัวผู้กระทำความผิดที่อยู่เบื้องหลังรถหรู 6 คัน ถือว่าดีเอสไอดำเนินการเกือบสุดปลายทางคือได้ผู้กระทำความผิดที่แท้จริง จากนี้ไปก็จะเป็นเรื่องของการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ คือนายนที ริ้วทอง หรือเป้ แขนด้วน คนจัดการขนรถหรูไป จ.ศรีษะเกษ
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวหลังแจ้งข้อหาว่า จากการสอบสวนทั้ง 2 คน ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา จะนำเอกสารหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมให้การในวันที่ 28 มิ.ย.เวลา 13.00 น.หลังการสอบสวน ดีเอสไอได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเนื่องจากเป็นการติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ประสงค์จะวางหลักทรัพย์โฉนดที่ดิน ในจังหวัดสมุทรปราการ ราคา 2 ล้านบาท เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อแสดงเจตนาว่าจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนโดยไม่หลบหนี
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการพิเศษภาค ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอยืนยันมั่นใจในกระบวนการและพยานหลักฐานที่มี เบื้องต้นดีเอสไอได้สอบถามผู้ต้องหาทั้งสองคนถึงรถที่เกิดเหตุไฟไหม้ และบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ผู้ต้องหาไม่ให้การ วันนี้ดีเอสไอจึงได้แต่ถามเรื่องส่วนตัวว่าประกอบอาชีพอะไร ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าทำธุรกิจหมู่บ้านจัดสรร หลังจากนี้จะเร่งติดตามขอกล้องวงจรปิดในอีกหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับคดีไฟไหม้ 6 คัน เพื่อนำมาประกอบการสำนวนการสอบสวนต่อไป
ด้านนายนฤนาท ควรสวัสดิ์ กล่าวว่า ตนมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมยื่นหลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนเรื่องคดีขอไม่ให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยในตอนนี้ จะทำคำให้การเป็นเอกสารให้การกับดีเอสไอในวันที่ 28 มิ.ย.