**มามุกเดิมๆ จนพวกเห็นไต๋แทบจะคว้านไส้คว้านพุงออกมาลากได้อยู่แล้ว !!
สำหรับ “เหลิมบางบอน”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ออกมาฮึ่มดังๆ ใส่บรรดากลุ่ม “หน้ากากขาว”และบรรดาองคาพยพที่กำลังก่อตัวผนึกกันขับไล่ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ให้ระวังระเบิดการเมืองมันจะกลิ้งเข้าไปใส่จนยุ่งเหยิงไม่รู้ตัว
เรียกว่า มาฟอร์มเก่าสมัยม็อบองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ของ “เสธ.อ้าย”พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เมื่อตอนกำลังบูมๆ ที่เตรียมจะกรีฑาทัพกันมาบุกกรุง หวังตะเพิด “รัฐบาลหุ่นเชิด”
แต่ก็โดนเจ้าเก่าบางบอนรายนี้ ฮึ่มๆ ให้ระวังระเบิดของมือที่สาม จนทำเอาประชาชนที่เตรียมตัวเตรียมใจจะเฮโลกันมา หวั่นไหวไปอยู่พักใหญ่เหมือนกัน
มาคราวนี้ เห็นครั้งนั้นใช้ได้ผล ติดอกติดใจ เลยอยากจะใช้เป็นไม้นวมปรามม็อบ แต่ขอโทษที งานนี้ท่าจะล้มเหลว เพราะยุทธศาสตร์การจัดทัพของฝ่ายต้านหนนี้ฉีกแนว อาศัยไฮเทคโนโลยี สื่อสารผ่านโลกออนไลน์ จับได้ไล่ทันยาก
อย่างไรก็ตาม ตามคิว “เหลิม บางบอน”ออกตัวล้อสะบัดหนนี้ตั้งแต่หัววัน ฟันธงได้ไม่ยาก ตามเหลี่ยมการเมืองพวกจมูกไว เริ่มชักจะจับปรากฏการณ์กำลังพลของฝ่ายต้านที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าสะพรึงกลัวได้ เลยต้องออกมาเบรกๆ กันหน่อย
โดยเฉพาะการเติบโตของกองกำลัง “หน้ากากขาว”ที่ดันมาประจวบเหมาะ ล้อกับสถานการณ์ของ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ที่กำลังตกอยู่ในสถานะเสียสูญในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น“โครงการรับจำนำข้าว”ที่ตอกย้ำได้อย่างเด่นชัดว่า เป็นมรสุมลูกใหญ่ ที่ถึงกับทำให้ฝ่ายกุมอำนาจสั่นคลอนจนจับอาการได้
หลังโดนสหบาทาจากทุกๆด้าน พร้อมใจกันขย้ำผลงาน“ชิ้นโบว์แดง” ที่ทำเอาประเทศขาดทุนเป็นแสนๆ ล้านบาท แม้แต่มวลมิตรที่เคยสนับสนุนยังออกมาตะบันแข้งใส่เต็มสองเท้า ถึงโครงการผลาญงบเข้ากระเป๋าตัวเองชิ้นนี้
จนในที่สุดต้องยอมถอยร่น กลืนเลือดด้วยการยอมหน้าแหก ปรับลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000บาท เหลือตันละ 12,000 บาท หวังจะดับกระแสสังคมที่กำลังถาโถมมาอย่างหนักหน่วง
รวมไปถึงปมร้อนๆ ที่กระตุกอารมณ์มวลชนฝ่ายต้านให้สูบฉีดกันได้ ในห้วงจังหวะเดียวกัน อย่างกรณีอุ้มฆ่า "เอกยุทธ อัญชันบุตร" นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์ ไทยอินไซด์เดอร์ ที่เป็นอีกเรื่องที่ถูกหยิบจับมาผสมโรงกันได้
โดยเฉพาะกระแสสังคมที่เริ่มหวั่นไหวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ อาจมีต้นตอมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังซ่อนอยู่
งานนี้เลยเข้าจังหวะบรรดาฝ่ายต้าน รีบโหมอารมณ์มวลชน ขมวดปมคับแค้นใจ เร่งชูธงมีใครบางคนกำลังลุแก่อำนาจ ไล่ล่าปฏิปักษ์ของรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องลุกขึ้นสู้ !!
ยังไม่นับรวมความอิดหนา ระอาใจ ที่เกิดขึ้นกับความ “ไร้กึ๋น”ของผู้นำรัฐบาล และกลิ่นเหม็นโฉ่ เรื่องการทุจริตอีกหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท การออก ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ฯลฯ ที่กำลังรอวันประจานกันอยู่ !!
ขณะที่กระแสนิยมของรัฐบาลเองก็เริ่มชักจะแกว่งซ้ายแกว่งขวา เอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนแต่ก่อน เห็นได้ชัดจากปรากฏการณ์ “ปักธงดอนเมือง” สะเทือนถึง “ภาพรวมประเทศ”หลังจาก “อี้” แทนคุณ จิตต์อิสระ ว่าที่ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นำทีมบุกทะลวงฐานเสียงหลักในเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย เสียแตกกระจุย ลบภาพฝันร้าย 37 ปีที่รอคอยลงได้
ตามสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างน้อยมันก็สะท้อนการเมืองในภาพใหญ่ได้ว่า ขณะนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ในช่วงขาลง !!
และ“ขาลง”เจ้ากรรมก็ดันเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่สวนทางกับฝ่ายต้านที่อยู่ในช่วง"ขาขึ้น" จึงเป็นอะไรที่ประมาทไม่ได้
ตามจังหวะ “เหลิม บางบอน” ที่เคยปรามาส “ม็อบหน้ากากขาว”แค่ลมพัดยอดหญ้า มาวันนี้เลยต้องกลืนน้ำลาย เล่นมุก “ระเบิดมือที่สาม”
ว่ากันตามเนื้อหาที่ “เหลิม บางบอน” วิเคราะห์สถานการณ์ ม็อบนี้น่าสนใจ ใช้เวลาแค่ 4 สัปดาห์ ขยายมวลชนจาก 200 คน มาเป็นหลักพันคน แต่ไม่วายดิสเครดิดยอดโมเมว่า ส่วนใหญ่เป็นคนในห้าง ออกมายืนดู
มันก็เลยสะท้อนปรากฎการณ์ “ม็อบหน้ากากขาว”ออกมาได้เหมือนกันว่า เป็นการขยับเขยื้อนของคนเมืองกรุง ที่หากจุดติดเมื่อไร รับรองได้เรื่อง
พร้อมกันยังไปสอดรับกับม็อบสนามหลวงของ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์”แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ไปปักหลัก แสตนด์บาย อยู่ได้พักใหญ่ ยังไม่นับรวมบรรดาพวกเสาหลัก แนวต้านอย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่มอนิเตอร์สถานการณ์อยู่ในที่ตั้ง รอวันขยับแข้งขยับขา เมื่อรัฐบาลแตะของร้อน
จับอาการครั้งนี้ "คนเกลียดทักษิณ" วันนี้ ชักจะไหลมารวมกันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีของ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”เข้าเสียแล้ว!!
และที่สำคัญ วันนี้การเดินเกมขององคาพยพของแนวต้าน อย่าง“ม็อบหน้ากากขาว”ไม่ได้มาแบบง่ายๆ ให้รัฐบาลดักทางได้เหมือนตอน“ม็อบสนามม้า” ที่มีแกนนำถือธงเป็นตัวเป็นตน แต่โตเร็วเกินไป เลยต้องจบเร็ว
แต่คราวนี้ไม่มีใครนำอยู่หน้าฉาก แถมค่อยๆ บ่มเพาะ ค่อยๆ เติบโตกันทีละนิดๆ อาศัยการเลี้ยงกระแสอารมณ์มวลชนไปเรื่อยๆ พร้อมกับกระจัดกระจายเป็นจังหวัดๆ ให้ลุกลามรอวัน “ติดลมบน”เพื่อรอจังหวะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพลี่ยงพล้ำจนมุม อาการร่อแร่ แทนที่จะเร่งปิดเกมเร็ว โดยที่เงื่อนไขยังไม่สุกงอมเต็มที่ เหมือนที่ผ่านๆมา !!
จุดนี้เลยเป็นจุดที่คนปากกล้าขาสั่นอย่าง “เหลิมบางบอน”เองก็พอสัมผัสอาการได้ เลยต้องส่งหน่วยข่าวกรองด้านกฎหมาย ลงไปซุ่มจับตาดูอยู่
ประเภทที่บอกไม่กลัว มาไล่รัฐบาลก็เหนื่อยเปล่าอย่างที่ “กูเกิ้ลเหลิม”ข่มเอาไว้ก่อนหน้า มันก็แค่อาการของ "คนปากดี” ที่ติดตัวจนเป็นนิสัย
เพราะงานนี้ถ้าจะเรียกแบบภาษาชาวบ้านๆ จริงๆ มันก็เข้าอีหรอบอาการ “ผวาม็อบ”นั่นแหละ !!
สำหรับ “เหลิมบางบอน”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ออกมาฮึ่มดังๆ ใส่บรรดากลุ่ม “หน้ากากขาว”และบรรดาองคาพยพที่กำลังก่อตัวผนึกกันขับไล่ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ให้ระวังระเบิดการเมืองมันจะกลิ้งเข้าไปใส่จนยุ่งเหยิงไม่รู้ตัว
เรียกว่า มาฟอร์มเก่าสมัยม็อบองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ของ “เสธ.อ้าย”พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เมื่อตอนกำลังบูมๆ ที่เตรียมจะกรีฑาทัพกันมาบุกกรุง หวังตะเพิด “รัฐบาลหุ่นเชิด”
แต่ก็โดนเจ้าเก่าบางบอนรายนี้ ฮึ่มๆ ให้ระวังระเบิดของมือที่สาม จนทำเอาประชาชนที่เตรียมตัวเตรียมใจจะเฮโลกันมา หวั่นไหวไปอยู่พักใหญ่เหมือนกัน
มาคราวนี้ เห็นครั้งนั้นใช้ได้ผล ติดอกติดใจ เลยอยากจะใช้เป็นไม้นวมปรามม็อบ แต่ขอโทษที งานนี้ท่าจะล้มเหลว เพราะยุทธศาสตร์การจัดทัพของฝ่ายต้านหนนี้ฉีกแนว อาศัยไฮเทคโนโลยี สื่อสารผ่านโลกออนไลน์ จับได้ไล่ทันยาก
อย่างไรก็ตาม ตามคิว “เหลิม บางบอน”ออกตัวล้อสะบัดหนนี้ตั้งแต่หัววัน ฟันธงได้ไม่ยาก ตามเหลี่ยมการเมืองพวกจมูกไว เริ่มชักจะจับปรากฏการณ์กำลังพลของฝ่ายต้านที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าสะพรึงกลัวได้ เลยต้องออกมาเบรกๆ กันหน่อย
โดยเฉพาะการเติบโตของกองกำลัง “หน้ากากขาว”ที่ดันมาประจวบเหมาะ ล้อกับสถานการณ์ของ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ที่กำลังตกอยู่ในสถานะเสียสูญในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น“โครงการรับจำนำข้าว”ที่ตอกย้ำได้อย่างเด่นชัดว่า เป็นมรสุมลูกใหญ่ ที่ถึงกับทำให้ฝ่ายกุมอำนาจสั่นคลอนจนจับอาการได้
หลังโดนสหบาทาจากทุกๆด้าน พร้อมใจกันขย้ำผลงาน“ชิ้นโบว์แดง” ที่ทำเอาประเทศขาดทุนเป็นแสนๆ ล้านบาท แม้แต่มวลมิตรที่เคยสนับสนุนยังออกมาตะบันแข้งใส่เต็มสองเท้า ถึงโครงการผลาญงบเข้ากระเป๋าตัวเองชิ้นนี้
จนในที่สุดต้องยอมถอยร่น กลืนเลือดด้วยการยอมหน้าแหก ปรับลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000บาท เหลือตันละ 12,000 บาท หวังจะดับกระแสสังคมที่กำลังถาโถมมาอย่างหนักหน่วง
รวมไปถึงปมร้อนๆ ที่กระตุกอารมณ์มวลชนฝ่ายต้านให้สูบฉีดกันได้ ในห้วงจังหวะเดียวกัน อย่างกรณีอุ้มฆ่า "เอกยุทธ อัญชันบุตร" นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์ ไทยอินไซด์เดอร์ ที่เป็นอีกเรื่องที่ถูกหยิบจับมาผสมโรงกันได้
โดยเฉพาะกระแสสังคมที่เริ่มหวั่นไหวกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ อาจมีต้นตอมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังซ่อนอยู่
งานนี้เลยเข้าจังหวะบรรดาฝ่ายต้าน รีบโหมอารมณ์มวลชน ขมวดปมคับแค้นใจ เร่งชูธงมีใครบางคนกำลังลุแก่อำนาจ ไล่ล่าปฏิปักษ์ของรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องลุกขึ้นสู้ !!
ยังไม่นับรวมความอิดหนา ระอาใจ ที่เกิดขึ้นกับความ “ไร้กึ๋น”ของผู้นำรัฐบาล และกลิ่นเหม็นโฉ่ เรื่องการทุจริตอีกหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท การออก ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ฯลฯ ที่กำลังรอวันประจานกันอยู่ !!
ขณะที่กระแสนิยมของรัฐบาลเองก็เริ่มชักจะแกว่งซ้ายแกว่งขวา เอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนแต่ก่อน เห็นได้ชัดจากปรากฏการณ์ “ปักธงดอนเมือง” สะเทือนถึง “ภาพรวมประเทศ”หลังจาก “อี้” แทนคุณ จิตต์อิสระ ว่าที่ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นำทีมบุกทะลวงฐานเสียงหลักในเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย เสียแตกกระจุย ลบภาพฝันร้าย 37 ปีที่รอคอยลงได้
ตามสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างน้อยมันก็สะท้อนการเมืองในภาพใหญ่ได้ว่า ขณะนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ในช่วงขาลง !!
และ“ขาลง”เจ้ากรรมก็ดันเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่สวนทางกับฝ่ายต้านที่อยู่ในช่วง"ขาขึ้น" จึงเป็นอะไรที่ประมาทไม่ได้
ตามจังหวะ “เหลิม บางบอน” ที่เคยปรามาส “ม็อบหน้ากากขาว”แค่ลมพัดยอดหญ้า มาวันนี้เลยต้องกลืนน้ำลาย เล่นมุก “ระเบิดมือที่สาม”
ว่ากันตามเนื้อหาที่ “เหลิม บางบอน” วิเคราะห์สถานการณ์ ม็อบนี้น่าสนใจ ใช้เวลาแค่ 4 สัปดาห์ ขยายมวลชนจาก 200 คน มาเป็นหลักพันคน แต่ไม่วายดิสเครดิดยอดโมเมว่า ส่วนใหญ่เป็นคนในห้าง ออกมายืนดู
มันก็เลยสะท้อนปรากฎการณ์ “ม็อบหน้ากากขาว”ออกมาได้เหมือนกันว่า เป็นการขยับเขยื้อนของคนเมืองกรุง ที่หากจุดติดเมื่อไร รับรองได้เรื่อง
พร้อมกันยังไปสอดรับกับม็อบสนามหลวงของ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์”แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ไปปักหลัก แสตนด์บาย อยู่ได้พักใหญ่ ยังไม่นับรวมบรรดาพวกเสาหลัก แนวต้านอย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่มอนิเตอร์สถานการณ์อยู่ในที่ตั้ง รอวันขยับแข้งขยับขา เมื่อรัฐบาลแตะของร้อน
จับอาการครั้งนี้ "คนเกลียดทักษิณ" วันนี้ ชักจะไหลมารวมกันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีของ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”เข้าเสียแล้ว!!
และที่สำคัญ วันนี้การเดินเกมขององคาพยพของแนวต้าน อย่าง“ม็อบหน้ากากขาว”ไม่ได้มาแบบง่ายๆ ให้รัฐบาลดักทางได้เหมือนตอน“ม็อบสนามม้า” ที่มีแกนนำถือธงเป็นตัวเป็นตน แต่โตเร็วเกินไป เลยต้องจบเร็ว
แต่คราวนี้ไม่มีใครนำอยู่หน้าฉาก แถมค่อยๆ บ่มเพาะ ค่อยๆ เติบโตกันทีละนิดๆ อาศัยการเลี้ยงกระแสอารมณ์มวลชนไปเรื่อยๆ พร้อมกับกระจัดกระจายเป็นจังหวัดๆ ให้ลุกลามรอวัน “ติดลมบน”เพื่อรอจังหวะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพลี่ยงพล้ำจนมุม อาการร่อแร่ แทนที่จะเร่งปิดเกมเร็ว โดยที่เงื่อนไขยังไม่สุกงอมเต็มที่ เหมือนที่ผ่านๆมา !!
จุดนี้เลยเป็นจุดที่คนปากกล้าขาสั่นอย่าง “เหลิมบางบอน”เองก็พอสัมผัสอาการได้ เลยต้องส่งหน่วยข่าวกรองด้านกฎหมาย ลงไปซุ่มจับตาดูอยู่
ประเภทที่บอกไม่กลัว มาไล่รัฐบาลก็เหนื่อยเปล่าอย่างที่ “กูเกิ้ลเหลิม”ข่มเอาไว้ก่อนหน้า มันก็แค่อาการของ "คนปากดี” ที่ติดตัวจนเป็นนิสัย
เพราะงานนี้ถ้าจะเรียกแบบภาษาชาวบ้านๆ จริงๆ มันก็เข้าอีหรอบอาการ “ผวาม็อบ”นั่นแหละ !!