xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาล”แก๊งบ้าเงิน”ใกล้ลาโรง!(ตอนสี่)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

หลังอธิบาย “ธรรม”ข้อที่หนึ่งแล้ว จะขอยกกรณียกิจอีก 4 ประการ ให้ผู้อ่านได้พิจารณา”ตำราพิชัยสงคราม” ของ “ซุนวู”ต่อ ดังนี้

2. ดินฟ้าอากาศ คือ เวลากลางวันกลางคืน ความร้อน ความหนาว และความผันแปรเปลี่ยนแปลงแห่งอากาศ รวมทั้งข้อ 3. ภูมิประเทศ คือ ความใกล้ไกล ความทุรกันดารหรือราบเรียบแห่งพื้นที่ ความกว้างแคบของแนวรบ ตลอดจนยุทธภูมินั้นอยู่ในลักษณะเป็นตายอย่างไร

“ดินฟ้าอากาศ”และ “ภูมิประเทศ”สำคัญยิ่ง แต่จะส่งผลชี้เป็นชี้ตายแค่ไหนขึ้นกับสถานการณ์!

“คนชั่วครองเมือง”พร้อมทำชั่วทุกวินาที โดย“คนชั่วครองเมือง”จะยึด “ผลสำเร็จ”เป็นหลัก ส่วนดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน ทั้งฝนตกพายุโหม-แดดร้อนเปรี้ยง-ลมหนาวกรรโชก เหล่า “คนชั่วครองเมือง”ไม่สน ใจ พวกนี้ปล้นอำนาจและปล้นชาติได้ทุกสภาพการณ์

ส่วนผู้หวังพิชิต “คนชั่วครองเมือง”นั้น ต้องไม่ดูแคลน “ดินฟ้าอากาศ” เพราะฤดูฝนไม่เหมาะอย่างยิ่ง ต่อการชุมนุมใหญ่ในที่โล่งแจ้ง ส่วนฤดูร้อนต่อเนื่องฤดูหนาวนั้น จัดกิจกรรมไล่ “คนชั่วครองเมือง”ได้ทุกรูปแบบเลย

ภูมิประเทศก็สำคัญเช่นกัน เพราะการตั้งเวทีชุมนุมในทำเลไม่เหมาะ อาจถูกล้อมหรือถูก “ปิดประตูตีแมว”ก็ได้ ดังนั้น หากปักหลักชุมนุมในภูมิประเทศที่ดี ก็ยากที่กลไกรัฐอธรรมจะสลาย หรือปราบปรามการชุมนุมได้ ที่สำคัญภูมิประเทศดีนั้น จะต้องชุมนุมได้ทั้งชั่วคราว และเปลี่ยนเป็นชุมนุมแบบยืดเยื้อได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม..พันธมิตรฯ เคยจัดชุมนุม ในห้วงกลุ่ม “ไอ้บ้าเหลี่ยม”ครองเมือง ด้วยวิธีปักหลักพักค้างยืดเยื้อ 2 ครั้ง นานถึง 226 วัน ผ่านทั้งฝน-ร้อน-หนาว จนไล่รัฐบาล “เหลี่ยม-จมูกชมพู่-ชายซาลาเปาแดง”ล้มครืนมาแล้ว!

ดังนั้น ถ้า “คนชั่วครองเมือง”ทำการโกงชาติ ทำลายทั้งคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม จนชาติไกล้จะวินาศสันตะโรอยู่รอมร่อ นักต่อสู้ที่รักชาติจะกลัวดินฟ้าอากาศไม่ได้ จะปล่อยให้ชาติเสียหายย่อยยับ คามือ “คนชั่วครองเมือง”ไม่ได้เด็ดขาด แต่จะต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้เสียก่อนว่า..

ประเด็น-ที่จะชูขึ้นมาต่อสู้ขับไล่ “คนชั่วครองเมือง”นั้น สำคัญมากพอไหม? มากพอจะดึงดูดผู้คนให้อยากออกมาชุมนุมไล่ “คนชั่วครองเมือง” ชนิด “ฤดูฝน”ก็ไม่เป็นอุปสรรค หรือสะกัดกั้นการชุมนุมไม่ได้อีกต่อไป เพราะ “ฝน”ได้พ่ายแพ้ต่อ “หัวใจผู้รักชาติ”ไงล่ะครับ

ตรงนี้ต้องขอบอกนะว่า..หากไม่จำเป็นจริงๆ พยายามหลีกเลี่ยงการชุมนุมใน “ฤดูฝน”ได้-จะดีที่สุด!

4. ขุนพล คือ บุคคลผู้กอรปด้วยสติปัญญา ความเที่ยงธรรม ความเมตตา ความกล้าหาญ และความเข้มงวดเด็ดขาด

“แกนนำ”หรือกลุ่ม “ขุนพล”ที่นำรวมหมู่ มีคุณภาพพร้อมจะต่อกรกับ “คนชั่วครองเมือง” ตามมาตรฐานของ “ซุนวู”นั้น-หายากจริงๆ

ทว่า..ในหลายเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทย ได้มีกลุ่มแกนนำหรือขุนพลเก่งๆ นำมวลชนต่อสู้เอาชนะรัฐบาล “เผด็จการทหาร”ได้ ทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 17 พฤษภาคม 2535

ส่วนการขับไล่รัฐบาล “ไอ้บ้าเหลี่ยม”กับพวก ที่ใช้เงินซื้อเสียงและใช้ระบบเผด็จการรัฐสภา ทำการโกงเงินชาติและบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด จนรัฐบาล “แก๊งบ้าเงิน-เหลี่ยม” ถูกพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่นานถึง 33 วัน ในปี 2549 และชุมนุมขับไล่รัฐบาล “จมูกชมพู่”กับ “ชายซาลาเปาแดง” นานถึง 193 วัน ในปี 2551

จนรัฐบาลแก๊งบ้าเงิน “ไอ้เหลี่ยม-จมูกชมพู่-ชายซาลาเปาแดง”ล้มครืนลงอย่างไม่เป็นท่า!

การต่อสู้ที่ชาญฉลาดและกล้าหาญ ของกลุ่มแกนนำหรือขุนพลชาวพันธมิตรฯ ได้ประสบชัยชนะจนเป็นที่น่าพอใจ จึงสร้างทั้งศรัทธาและความไว้วางใจเป็นอย่างสูง จนเป็นที่ยอมรับของมวลชนมาจนทุกวันนี้

มิใช่เรื่องง่ายเลย..ที่พันธมิตรฯต้องต่อสู้กับรัฐบาล “คนชั่วครองเมือง” ซึ่งใช้อำนาจรัฐอธรรมอย่างป่าเถื่อน แต่พันธมิตรฯ ก็สร้างประวัติศาสตร์ เป็นครั้งแรกของไทยและโลก ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลชั่วได้ถึง 3 รัฐบาล ด้วยวิธีต่อสู้แบบ “สันติอหิงสา” ที่ใช้เวลาชุมนุมยืดเยื้อยาวนานถึง 226 วัน!

แม้บางสถานการณ์จะเลวร้าย เพราะพันธมิตรฯ หลายคนถูก “คนชั่วครองเมือง” ส่ง “ฆาตกร”มาลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม จนบาดเจ็บล้มตายกันไปมากมาย ทำให้พันธมิตรฯ ที่ดูแลความปลอดภัยบางส่วน อดรนทนไม่ไหวจนถึงขั้นจะต่อสู้ ด้วยวิธี“ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน”หรือ “ตายเป็นตาย”

แต่แกนนำหรือขุนพลของพันธมิตรฯ ก็พยายามอรรถาธิบายจนในที่สุด พันธมิตรฯ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้รักชาติ ก็เข้าใจและละวางการจะใช้ความรุนแรง ตอบโต้ “คนชั่วครองเมือง”แบบ”ตาต่อตา”ลงได้!

ขณะที่“ไอ้บ้าเหลี่ยม”กับแกนนำแดง กลับใช้ความรุนแรงมุ่งจะล้มรัฐบาล “หล่อ” จนถึงขั้นเผาเมือง-ฆ่าทหาร-ฆ่าประชาชนอย่างหฤโหด จนสร้างความเสื่อมสุดๆ ให้กับพวก “คนชั่วเสื้อแดง”อย่างกว้างขวาง

ทุกวันนี้ “ไอ้บ้าเหลี่ยม”กับแกนนำแดง ยังแก้ปมการทำผิดกฎหมายบ้านเมืองไม่ได้จนทุกวันนี้!

ทั้งหมดเพราะ“ไอ้บ้าเหลี่ยม”และพวก ทำการตรงข้ามกับปราชญ์ “ซุนวู”สอนมาตลอด นั่นคือ ไร้สติปัญา ไร้ความเที่ยงธรรม ไร้ความเมตตา ไร้ความกล้าหาญ ที่สำคัญไร้สัจจะแห่งความจริง และไร้ธรรมแห่งความดี ฯลฯ

วันนี้ “ไอ้บ้าเหลี่ยม”กับแกนนำแดง จึงพยายามจะเปลี่ยนความชั่วให้เป็นความดี เปลี่ยนความดีให้เป็นความชั่ว โดยขอมิให้ผู้คนเรียกผองคนชั่วว่า เป็นผู้ก่อการร้ายเผาเมือง-ฆ่าทหาร-ฆ่าประชาชน และใช้กลไกรัฐเปลี่ยนผู้ก่อการร้าย ให้กลายเป็น “วีรชนประชาธิปไตยกำมะลอ”แทน

ความผิดมหันต์ดังกล่าว..ทำให้บรรดาขี้ข้าของ “ไอ้บ้าเหลี่ยม” ต้องทำลายนิติรัฐและนิติธรรม ด้วยการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.ปรองดอง รวมทั้งจะล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 โดยหวังจะลบล้างความผิดทั้งปวง ให้ “ไอ้บ้าเหลี่ยม”กับแกนนำเสื้อแดงโดยเร็วที่สุด

แต่คนไทยที่รักชาติไม่ยินยอม จึงเกิดการต่อต้านอย่างมากมายในโลกไซเบอร์ รวมทั้งการชุมนุมยืดเยื้อที่ท้องสนามหลวง ของกลุ่มธรรมาธิปไตย (กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ฯลฯ

ล่าสุด..ก็เกิดการชุมนุมของชาว “หน้ากากขาว”หรือ “กาย ฟอว์กส์” ซึ่งจะนัดชุมนุมกันทุกบ่ายของวันอาทิตย์ เริ่มแรกมีผู้มาชุมนุมไม่กี่ร้อยคน แต่ผ่านไปแค่ 3 สัปดาห์ ชาว“หน้ากากขาว”ก็เติบโตเพิ่มขึ้นนับพันๆ คน แถมชาว “หน้ากากขาว”ยังขยายตัวชุมนุมกันอีกกว่า10 จังหวัด!

โดยเฉพาะชาว“หน้ากากขาว”ชาวไทยที่รักชาติ ยังได้เผยตัวชุมนุมกันในหลายเมืองใหญ่ของอเมริกาอีกด้วย ดังนั้น แนวโน้มของชาว “หน้ากากขาว”คงเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

ขบวนการผู้คนที่ต่อต้านขับไล่รัฐบาล “คนชั่วครองเมือง” จึงขยายตัวอย่างรวดเร็วราวดอกเห็ด โดยมิได้เกรงกลัวต่อความป่าเถื่อนของรัฐอธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนกรณียกิจประการสุดท้ายนั้นคือ..

5. ระเบียบวินัย คือ ระบอบการจัดสรรพพลรบ วินิยแห่งทหาร และการใช้จ่ายของกองทัพ

แม้มิใช่เฉกเช่นกองทัพไทย แต่กองกำลังภาคประชาชน ที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาล “คนชั่วครองเมือง”ทั้งหลาย ก็มีระเบียบวินัย มีการวางแผนหลากวิธี มีการจัดวางสรรพกำลัง มีการระดมปัจจัยไว้ใช้จ่าย เพื่อสู้อย่างต่อเนื่องจนรัฐบาล “คนชั่วครองเมือง”ง่อนแง่น ก่อนจะพิชิตชัยชนะให้แก่ชาติและประชาชนในที่สุด

ท่ามกลางความมืดมิดแห่งรัตติกาล นักสู้ผู้กล้าของชาติและของประชาชนทุกคน จะต้องรู้ลึกถึงแก่นแท้แห่งความจริง และเชื่อมั่นโดยมิคลอนแคลนว่า

เมื่อความมืดเดินทางมาถึงจุดมืดมิดที่สุดแล้ว นั่นหมายถึงแสงสว่างใกล้จะมาเยือนโลกอีกคราแล้ว!

ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายสุดๆ ตรงหน้า ท่ามกลางความหฤโหดสุดๆที่เอื้อมมือมาทำร้าย ท่ามกลาง “อำนาจรัฐทมิฬ”ที่เหิมเกริมสุดๆ นักสู้ผู้กล้าที่ต่อสู้ขับไล่ “คนชั่วครองเมือง” ต้องไม่เกรงกลัว ต้องกล้ายืนผงาดอย่างทรนง เพื่อกระชากชัยชนะมาให้ประชาชนได้ชื่นชม

เวลาพิชิตอธรรม..นำแผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง กลับคืนสู่ชาติไทยใกล้เข้ามาแล้วครับ!


กำลังโหลดความคิดเห็น