ASTVผู้จัดการรายวัน - “นิติเวช”ยันผลตรวจลายนิ้วมือระบุชัดศพ "เอกยุทธ" ชี้เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ยังไม่ชี้ชัด“บีบคอหรือรัดคอ” ผบ.ตร. สรุปคดีฆ่าชิงทรัพย์ เลี่ยงตอบเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดหาย “แจ๊ด”ปัดได้ตัว “ไอ้เบื้ม” ด้าน พ่อ-แม่ “ไอ้บอล” ได้ประกันคนละแสนรับของโจร "เสธ.ไอซ์" ปัดไม่เกี่ยว ต่อ “เหลิม” เรียกประชุมทีมทำคดีศุกร์นี้
วานนี้ (13 มิ.ย.) ที่สถาบันนิติเวชวิทยา เวลา 12.00 น. ภายหลังเจ้าหน้าที่นำศพนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อดีตนักธุรกิจชื่อดังมาถึงกรุงเทพตั้งแต่ช่วงเช้า พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา(ผบก.นต.) เปิดเผยผลการผ่าพิสูจน์ศพนายเอกยุทธ หลังใช้เวลานานกว่า 2 ชม. โดยระบุว่า จากการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ เทียบเคียงกับฐานข้อมูล ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นนายเอกยุทธจริง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต เกิดจากการขาดอากาศหายใจ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสียชีวิตมาแล้วกี่วัน อย่างไรก็ตามเพื่อความชัดเจน แพทย์จะทำการตรวจทุกขั้นตอน รวมทั้งประวัติการทำฟันของนายเอกยุทธอีกครั้ง ส่วนรายละเอียดการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ผลดีเอ็นเอ ต้องรอผล1-2 วัน ทั้งนี้ หลังแพทย์ผ่าพิสูจน์แล้ว ญาติสามารถนำศพนายเอกยุทธ ไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานศพของนายเอกยุทธจะถูกเคลื่อนออกจากสถาบันนิติเวชวิทยา นำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดลาดพร้าว กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ ศาลา 6 วันที่ 13-19 มิถุนายน 2556 เวลา 19.00 น.
ต่อมา เวลา 16.00 น. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา พล.ต.ต.นพ.พรชัย เปิดเผยอีกครั้งว่า จากการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ เทียบเคียงกับประวัติฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นนายเอกยุทธจริง ซึ่งเสียชีวิตมา 5-6 วัน โดยสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการขาดอากาศหายใจ แต่ยืนยันไม่ได้ว่าเกิดจากการรัดคอหรือบีบคอ เนื่องจากศพมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปมาก บาดแผลที่ลำคอมีสภาพคล้ำมากต้องรอพนักงานสอบสวนเป็นผู้สรุปเอง ส่วนระบบหายใจปกติดี ไม่มีดินติดภายใน เป็นการเสียชีวิตก่อนนำศพไปฝัง นอกจากนี้ แพทย์ยังพบรอยบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณใบหน้า หัวเข่า ข้อมือ และปลายมือทั้งสองข้าง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการถูกทุบตี ต้องรอให้พนักงานสอบสวนดูอีกทีว่าเกิดจากอะไร ทั้งนี้ ศีรษะไม่มีร่องรอยบาดแผล และอวัยวะไม่พบว่ามีกระดูกหัก ส่วนอวัยวะภายในปกติ ไม่พบเศษอาหารในกระเพราะอาหาร แต่แพทย์ได้เก็บตัวอย่างอวัยวะภายในร่างกายเพื่อหาสารพิษอย่างละเอียด
ทั้งนี้รายละเอียดการตรวจสอบได้ส่งให้ผบ.ตร.แล้ว ในการตรวจสอบไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายร่วมกันลงมือฆาตกรรมกี่คนรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอง โดยผลการชันสูตรแพทย์จะส่งความเห็นไปให้พนักงานสอบสวนพิจารณาประกอบสำนวนคดีว่าสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ในส่วนของญาตินายเอกยุทธตนได้อธิบายสาเหตุการเสียชีวิตไปแล้ว ก็รับทราบดีและพร้อมจะให้ความร่วมมือหากแพทย์ต้องการให้มาตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์เพิ่มเติม
**ผบ.ตร.ชิ่งถูกถามเซิร์ฟเวอร์กล้อง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางมาประชุมรับฟังรายงานสรุปความคืบหน้าคดี ว่าจากพยานหลักฐานเชื่อมโยงแล้วพบว่ามีการวางแผนเป็นขั้นตอน มีผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 25 ปี นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม อายุ 23 ปี นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง อายุ 18 ปี และขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 คน คือ นายสุทธิพงษ์ หรือเบิ้ม พิมพ์สาร อายุ 21 ปี ซึ่งถูกซัดทอดว่าเป็นคนลงมือใช้เชือกรองเท้าฆ่ารัดคอนายเอกยุทธจนเสียชีวิต ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี โดยคดีนี้เป็นการทำงานร่วมมือระหว่าง ภาค 7, 8, 9 และตำรวจนครบาล จนสามารถจับกุมตัวได้พร้อมเงินสด 4 ล้านกว่าบาท
ทั้งนี้ ต้องขอชื่อชมตำรวจนครบาลที่มีความฉับไวในการทำงานจนทราบถึงรถคนร้ายและสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด
ผู้สื่อข่าวพยายามถามต่อว่าเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดบ้านนายเอกยุทธอยู่ไหน พล.ต.อ.อดุลย์ตอบเลี่ยงว่า “พอแล้วๆ” ก่อนจะเดินขึ้นรถเดินทางออกจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลทันที โดยใช้เวลามารับฟังรายงานคดีประมาณ 45 นาทีก่อนเดินทางกลับ
**เผยวินาที “เอกยุทธ”โดรถหนีโจร
ด้านพล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ผลชันสูตรศพพบว่าเป็นนายเอกยุทธโดยการตรวจสอบลายพิ้มพ์นิ้วมือพบเป็นนายเอกยุทธจริงๆ และพบว่าตรงบริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำคล้ายถูกรัดจนขาดอากาศหายใจและข้อมือมีรอยเขียวช้ำตรงกับคำให้การที่ว่าจับใส่กุญแจมือ นอกจากนี้ระหว่างการขุดค้นหาศพพบกระดุมเสื้อเม็ดใส จำนวน 3 เม็ด พร้อมกับเชือกคล้ายเชือกรองเท้า 1 เส้น ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นเชือกรองเท้าเส้นเดียวกันกับที่ใช้รัดคอนายเอกยุทธจนเสียชีวิตหรือไม่
พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวอีกว่า พบคราบเลือดตรงเบาะหลังของรถตู้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทราบว่านายเอกยุทธได้พยายามหลบหนีออกจากรถขณะถูกจับใส่กุญแจมือ โดยจากการตรวจสอบสภาพศพนายเอกยุทธพบที่ขาทั้งสองข้างมีลักษณะฟกช้ำคล้ายกระโดดลงจากที่สูง เช่นสะพานตรงกับคำให้การของผู้ต้องหาที่ให้การว่านายเอกยุทธพยายามหลบหนีโดดลงจากสะพาน แต่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปชี้จุดสถานที่ต่าง ๆ ตามคำให้การของผู้ต้องหาก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่องรอยบนตัวของผู้ตายมีอะไรบ้าง พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่ามีรอยบีบรัดที่ลำคอ แต่ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง รวมถึงหาสารพิษในร่างกายของผู้ตายว่ามีหรือไม่ รวมถึงการกินอาหาร มีข้อมูลว่ามีการนำอาหารมาให้ผู้ตายกินระหว่างกักตัว ซึ่งต้องตรวจสอบว่าเป็นอาหารประเภทใดจะได้ตรวจสอบต่อไป ส่วนรายงานการเสียชีวิต นับจากวันที่พบศพพบว่าเสียชีวิตมาแล้ว 5 วัน
“ส้นเท้าด้านซ้ายของผู้ตายมีรอยฟกช้ำ คาดว่าจะนายเอกยุทธคงจะกระโดดออกมาจากรถบริเวณสะพานกลับรถแห่งหนึ่ง เพราะเท่าที่ทราบมา รถรุ่นนี้หากชะลอ หรือจอดนิ่งอยู่ จะสามาถเปิดประตูรถได้จากภายใน นายเอกยุทธน่าจะรู้ดีเพราะเป็นเจ้าของรถ จึงตัดสินใจเปิดประตูและกระโดดลงจากสะพานกลับแล้ว แต่คงได้รับบาดเจ็บเดินหรือวิ่งหนีไม่ได้เพราะมีความสูงประมาณตึก 1-2 ชั้น ซึ่งจะต้องผ่าศพตรวจสอบกันก่อน” พล.ต.ท.จรัมพรกล่าว
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวอีกว่า ทราบว่าหลังจากที่นายเอกยุทธกระโดดลงจากสะพานและได้รับบาดเจ็บที่ขาและส้นเท้า นายสันติภาพกับผู้ต้องหาอีกคนได้จอดรถและค่อยๆ ห้อยตัวตามลงมานำตัวนายเอกยุทธกลับขึ้นรถอีกครั้ง หลังจากนี้อาจจะมีการทำร้ายกันจนถึงแก่ชีวิต แต่ยังไม่ยืนยัน ซึ่งยังต้องดูว่าการทำแผนจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะได้หลักฐานมาเชื่อมโยงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในรถตู้พบร่องรอยการต่อสู้หรือไม่ พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวว่า ตอนที่ตำรวจได้รถมา รถตู้คันนี้ผ่านการเช็ดถูทำความสะอาดมาแล้ว แต่ก็ยังมีหลักฐานอื่นๆ ที่เก็บได้อยู่ ทั้งขวดน้ำ หรือร่องรอยอื่นๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังบอกไม่ได้ว่าภายในรถตู้คันนี้มีร่อยรอยของบุคคลอื่นๆ อยู่กี่คน
ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาออกจาก สน.วังทองหลาง มาชี้จุดสถานที่ต่าง ๆ ที่ก่อคดีโดยขณะนี้อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วจะเคลื่อนไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องประมาณ 14 จุด
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.กล่าวว่า ขอยืนยันว่าตำรวจยังไม่ได้ตัวนายเบิ้มแต่อย่างใด และจากการสอบสวนและพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องทำให้เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งหมดก่อเหตุโดยประสงค์ต่อทรัพย์ โดยผู้ต้องหายืนยันตรงกันทั้ง 3 คนว่าร่วมกันฆ่านายเอกยุทธเพื่อชิงทรัพย์ ส่วนความชัดเจนในคดีต้องรอได้ตัวนายเบิ้มอีกครั้งก่อน ส่วนใครจะกล่าวหาว่าตำรวจพยายามปิดคดีเป็นการชิงทรัพย์นั้น ใครพยายามนำไปเชื่อมโยงกับการเมืองก็เป็นเรื่องของเขา “ผมไม่รู้ ผมไม่สนใจ เพราะตำรวจทำตามหน้าที่ ยืนยันว่าตำรวจเต็มที่ ตรวจสอบจากพยานหลักฐาน และพิสูจน์ทราบหากจะสาวถึงใครที่เป็นผู้บงการก็ตาม อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนจะกระจ่างชัดหากได้ตัวนายเบิ้มผู้ต้องหาอีกคนมาได้”
**พ่อ-แม่ ไอ้บอลได้ประกันคนละแสน
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.ศุภชัย หมื่นอักษร พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ได้ควบคุมตัว จ.ส.อ.อิทธิพล เพ็งด้วง อายุ 51 ปี และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง อายุ 48 ปี บิดาและมารดา นายสันติภาพ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
โดยระบุพฤติการณ์ว่า นายสันติภาพ ได้นำเงินสดจำนวน 4,242,000 บาท ที่ได้จากการปล้นทรัพย์ มามอบให้กับนายจิตอำไพ ก่อนนำไปมอบให้กับ จ.ส.อ.อิทธิพล ที่ จ.พัทลุง จากนั้นจ.ต.อ.อิทธิพล ได้แยกเงินสดไปซุกซ่อนฝังดินไว้ข้างบ้านเลขที่ 1 หมู่5 ต.เขาย่า อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จำนวน 2 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2,097,000 บาท นำใส่ท่อพีวีซีขนาดใหญ่ นำไปฝังดินไว้หลังบ้านเลขที่ 300/12 หมู่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.พัทลุง และอีกจำนวน 145,000 บาท ฝังไว้ข้างบ้านเลขที่ 300/12 เช่นกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามและอายัดเงินจำนวนดังกล่าว เป็นของกลาง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2556 และผู้ต้องหาทั้งสองได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน จึงแจ้งข้อหาร่วมกันรับของโจรที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรค 2 ประกอบ มาตรา 83
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานอีก 3 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. – 24 มิ.ย. นี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีสำคัญ สะเทือนขวัญและทรัพย์สินของผู้ตายส่วนใหญ่ รวมทั้งเงินส่วนที่เหลือยังติดตามหาไม่พบ หากให้ประกันตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปทำลายหลักฐานและหลบหนีได้ ศาลพิจาณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง
ต่อมาญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 1 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง โดยศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาไป โดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท โดยทั้งสองไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
**หมอพรทิพย์ติงเก็บหลักฐานศพ
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันทน์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เผยถึงคดีของนายเอกยุทธว่า ไม่ได้แตกต่างจากคดีของนายสมชาย นีละไพจิตรเพราะยังไม่รู้ประเด็นว่าคืออะไรและผู้ตายไม่ใช่ประชาชนธรรมดาที่ไม่เคยมีเรื่องกับอำนาจรัฐ
โดย เจ้าหน้าที่รัฐและการเมืองต้องระวังต่อการเข้าไปก้าวก่ายและการทำให้เห็นว่ามันมีการดำเนินการไม่สุด เนื่องจาก นายเอกยุทธถือเป็นตัวอย่างของคนที่สู้กับอำนาจรัฐ โดยในต่างประเทศมีหลักการในการเคารพหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่จะไม่มีการผูกขาดอำนาจอย่างในประเทศไทย ผู้ตรวจเก็บพยานหลักฐาน ผู้ตรวจพิสูจน์ และผู้ทำสำนวนต้องไม่เป็นหน่วยงานเดียวกันแต่ของไทยทุกองค์กรในการพิสูจน์เกี่ยวเนื่องกับตำรวจและอำนาจรัฐทั้งหมดจึงทำให้ประชาชนครหาได้
คุณหญิงพรทิพย์ เผยต่อว่า ตนรู้สึกเป็นห่วง เพราะเท่าที่เห็นจากสื่อคดีนี้ถือเป็นฆาตกรรมอำพรางเพราะขาดความน่าเชื่อถือของข้อมูลและหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอื่นที่ยังไม่ปรากฎออกมาอีกเช่น ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่กลับไม่ทำให้ปรากฎออกมา โดยได้มีการติดต่อจากทางญาติของผู้เสียชีวิตอยากให้ตนเข้าไปตรวจสอบคดีนี้ แต่ตนก็คงทำไม่ได้เนื่องจากบทบาทของตนเองในปัจจุบันคือผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม
**ปูดเอกยุทธมีระบบดูกล้องผ่านมือถือ
ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ กล่าวว่า ทางตำรวจกำลังพยายามที่จะสรุปและปิดคดีว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เพราะพฤติการณ์นายสันติภาพ ผู้ต้องหา ไม่สามารถกระทำเองได้คนเดียวอย่างแน่นอน ทราบว่าเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุม “นายเบิ้ม” ผู้ต้องหาอีกรายที่นายสันติภาพอ้างว่าเป็นคนลงมือใช้เชือกรองเท้ารัดคอนายเอกยุทธจนเสียชีวิตได้แล้ว แต่คาดว่าตำรวจคงยังไม่อยากเปิดเผยอะไรบางอย่างที่ยังมีเงื่อนงำหลายประการ เช่น เครื่องบันทึกภาพกล้องวงจรปิดภายในบ้านนายเอกยุทธที่สูญหายไป ตำรวจก็ไม่มีการพูดถึง ตรงส่วนนี้ตนไม่กังวลเพราะกำลังตรวจสอบระบบภายในที่เชื่อว่านายเอกยุทธน่าจะวางระบบการดูภาพบันทึกกล้องวงจรปิดผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่าไม่มีการเชื่อมโยงกับการเมืองนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนที่มาพูดนั้นไม่มีน้ำหนักและไม่มีความน่าเชื่อถือ เขาก็บอกอยู่แล้วว่าเขาเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” ถามว่าใครจะเชื่อ ยืนยันว่าคดีนี้นายเอกยุทธไม่ได้เสียชีวิตเพราะการถูกฆ่าชิงทรัพย์อย่างแน่นอน
“ตอนนี้ญาติพี่น้องเอกยุทธรู้สึกกลัวมาก รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต และเศร้าโศกเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายเอกยุทธเป็นอย่างมาก” นายสุวัตรและว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ตำรวจกำลังผ่าศพตรวจพิสูจน์การเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้สามารถให้คำตอบได้หมด และตนจะดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป
**เอกยุทธตายไทยอินไซเดอร์ทำต่อ
วันเดียวกัน เว็บไซต์http://thaiinsider.info/ ของนายเอกยุทธ ขึ้นภาพแสดงความไว้อาลัยที่หน้าแรกของเว็บไซต์ โดยเป็นภาพนายเอกยุทธแบบขาวดำ พร้อมกับข้อความภาษาอังกฤษว่า “REST IN PEACE Akeyuth Anchanbutr” ขณะเดียวกัน ข้อมูลในเว็บไซต์พบว่าได้ถูกลบทิ้งออกไปทั้งหมด ไม่สามารถเข้าชมเนื้อหาได้
เวลา 16.00 น. นายอัครนันทร์ เรืองนันทวงษ์ อายุ 55ปี และ นายก้องการุณ ศรีประสาน อายุ 33 ปี พี่ชายและบุตรชาย นายเอกยุทธ ได้รับศพนำไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนา
นายอัครนันท์ปฏิเสธแสดงความเห็นเรื่องคดีความโดยขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าผู้ก่อเหตุ น่าจะมีมากกว่านี้ และเชื่อว่านายสันติภาพ ไม่น่าจะกล้าลงมือทำขนาดนี้
สำหรับธุรกิจทุกอย่างของ นายเอกยุทธ รวมทั้งเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ยังคงดำเนินการต่อไป แต่ในส่วนรายละเอียดขอหารือกันภายในครอบครัวก่อน
**“เหลิม” เรียกประชุมทีมทำคดีศุกร์นี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่า จะหารือกับพล.ต.อ.อดุลย์ ในวันที่ 14 มิ.ย.เวลาประมาณ 16.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะให้พยายามตรวจสอบพยานแวดล้อม เบาะแสที่มีคนแจ้งมาเพิ่ม
ส่วนกรณีที่ นายสุวัตร ระบุว่ามีคนอื่นเกี่ยวข้องอีกและอ้างว่าถูกสั่งฆ่า และมีผู้มีอิทธิพลระดับ เสธ.เกี่ยวข้องนั้น ยืนยันว่าพยานหลักฐานเบื้องต้นยังไม่มีชื่อเชื่อมโยง เมื่อไม่มีเชื่อมโยงลำพังตำรวจเองจะไปเรียกใครมาไม่ได้ เพราะตำรวจยังไม่สงสัย แต่ขณะเดียวกัน เราไม่ได้ปิดกั้น หากนายสุวัตรมีเบาะแสและหลักฐานให้บอกตำรวจ ถ้าไม่บอกตำรวจสามารถโทรศัพท์หาตนได้ หรือจะนัดหมายไปพบที่ไหนก็ได้
ส่วนที่ระบุถึง เสธ.คนดัง ทางนายสุวัตรก็มีสิทธิสงสัย และตำรวจก็รับฟัง เช่นเดียวกับที่บอกว่า นายสันติภาพ เคยเป็นอดีตเด็ก เสธ.คนดัง ก็ต้องสอบต่อไป
ส่วนประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตเชื่อว่าเป็นขาดความเข้าใจ ไม่ควรแสดงความคิดเห็นให้ประชาชนสับสน อย่างไรก็ตาม สมมุติมีคนอื่นเกี่ยวข้อง รัฐบาลจะละเว้นและปกป้องทำไม ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ทำเองและไม่ได้วางแผน เพราะตนไม่นิยมความรุนแรง ขอย้ำว่าเมืองไทยคือเมืองพุทธ บ้านเมืองมี 3 กฎ คือ 1.กฎธรรมชาติ 2.กฎหมาย และ3.กฎแห่งกรรม ไม่มีใครเลี่ยงได้ โดยเฉพาะกฎแห่งกรรม
อย่างไรก็ตามหากมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมไม่จำเป็นต้องรีบปิด และเราสามารถนำผู้ต้องหาไปฝากขังก่อนได้ หากใครส่งเบาะแสมาต้องสอบต่อ ตนจะบอก ผบ.ตร. และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ว่าอย่าเพิ่งไปรีบปิด
ส่วนที่ถูกมองพฤติการณ์การเปลือยกายศพนายเอกยุทธนั้น ตนไม่เห็นสภาพศพ แต่คดีประทุษร้ายชีวิตและร่างกายจะต้องละเอียด ต้องดูสภาพศพ แม้แต่หัวไปทิศไหนยังต้องดู เพราะคนร้ายบางคนถือเคล็ด โดยเฉพาะโจรเมืองไทยไม่ธรรมดา ส่วนคดีนี้จะเกี่ยวกับเคล็ดหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ทั้งนี้อันดับแรกตนมองว่าประสงค์ต่อทรัพย์และเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่เป็นมืออาชีพจะโหดร้ายอย่างนี้หรือ นายเอกยุทธไม่ยอมเช็กประวัติ คนขับรถ ที่มีคดีติดตัวมากมาย ขณะที่นายเบิ้มที่กำลังหลบหนีอยู่นั้น เชื่อว่าสุดท้ายหนีไม่รอด ต้องมามอบตัว
ส่วนประเด็นเซิฟเวอร์กล้องวงจรปิดบ้านนายเอกยุทธที่หายไป ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น แต่หากมีประเด็นที่ดูสงสัยจะสอบหมด จะไม่รีบสรุป หรือปิดคดีแน่นอน ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีคนที่เจ็บแค้นแทนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เลยลงมือแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “หากทักษิณเป็นคนโหดเหี้ยม คนไทยเหลือไม่ถึง 64 ล้านหรอก ไม่มีหรอก ท่านถูกปฏิวัติ เข้าประเทศไม่ได้ มีคนกล่าวหาต่างๆ ดังนั้น ไม่มีหรอก ท่านเป็นคนใจดี”ร.ตอ.เฉลิมกล่าวและว่ากรณีของพ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.ดส. ที่เคยเป็นผู้ต้องหาในคดี นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายมุสลิมนั้น“ศาลยกฟ้องแล้วเขาไม่ผิด ไอ้ชัด ลูกน้องผม”
**รัฐบาล ร้อนตัว ปัดบงการ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัตร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ และทนายนายเอกยุทธ ว่าเป็นการพูดที่มีนัยยะซึ่งเป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ อีกทั้งนายเอกยุทธยังเป็นผู้ขัดแย้งกับรัฐบาล การออกมาพูดลักษณะเช่นนี้เป็นทำให้สังคมสงสัยและเข้าใจผิดอย่างไม่เป็นธรรม
“ที่ผ่านมามีกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล ออกมากล่าวหาบิดเบือนใส่ร้ายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเทียบกับครั้งนี้ซึ่งเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ถือว่าครั้งนี้เป็นกล่าวหาที่รุนแรง”ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวและว่าอยากเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองหยุดนำเรื่องการเสียชีวิตคนมาเป็นประเด็นการเมือง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประณามวิธีการแบบนี้ของทนายพันธมิตร ว่าเป็นสิ่งที่น่าน่าอดสู
**"เสธ.ไอซ์" ปัดไม่เกี่ยวถูกล่าวหาอุ้ม
อีกด้าน ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ "เสธ.ไอซ์" อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มีใจความว่า ขอยืนยันว่าการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากมีการพาดพิงมาถึงตน จะทำการฟ้องร้อง เรื่องนี้มีความพยายามของทนายนายเอกยุทธ และคนใกล้ตัวที่จะโยงมาให้เป็นประเด็นทางการเมือง ทั้งกล่าวหา และอ้างว่าคนในรัฐบาลเป็นคนทำ หากการค้นหาศพการเสียชีวิตนายเอกยุทธไม่เจอ เชื่อว่ารัฐบาลตายแน่
**ปชป. ไม่เชื่อผลสรุป ผบ.ตร.แค่ชิงทรัพย์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.อ.อดุลย์ แถลงปิดคดีว่า เป็นการชิงทรัพย์ว่า หลายคนยังสงสัย เพราะจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นมีกระบวนการการวางแผนที่ไม่สอดคล้องกับการสรุปว่าเป็นการชิงทรัพย์ธรรมดา
"อยากให้คนที่ยึดความถูกต้องไม่หวั่นไหว รัฐบาลต้องดูแลให้บรรยากาศบ้านเมืองไม่ให้เกิดความหวาดกลัว และอย่าให้มีการข่มขู่คุกคาม เช่นในขณะนี้ก็มีการคุกคามในพื้นที่เลือกตั้งดอนเมือง สิ่งเหล่านี้ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย รัฐบาลต้องแก้ไข และสังคมต้องไม่ยอมให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคมืดประชาธิปไตย"นายอภิสิทธิ์กล่าว
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ว่าคดีนี้จะเป็นอาชญากรรมธรรมดาหรือมีเงื่อนงำ ใด ๆ ก็ตามขอเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ ให้ทำกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นอย่างโปร่งใส เพราะเรื่องนี้ต้อง บอกน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และร.ต.อ.เฉลิม ว่า คดีนี้นอกจากอยู่ในความสนใจของประชาชนแล้ว ยังส่งผลกระเทือนไปยังหลายฝ่ายรวมทั้งตน โดยตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีคดีความกับนายเอกยุทธ โดยเฉพาะคดีหมิ่นประมาทกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่น พนักงานสอบสวนจึงควรนำไปพิจารณาประกอบด้วย .