ฟิลิปส์ชูสินค้ากลุ่มบิวตี้ ดันยอดขายสู่ขาที่สาม ตามหลังเครื่องครัวและเตารีด ของกลุ่มคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ หลังพบกลุ่มเครื่องเสียงหดตัว ผู้บริโภคหันฟังผ่านแท็ปเล็ทแทน พร้อมชูกลยุทธ์พรีเซนเตอร์ พร้อมกัน 3 คน ชมพู อารยา- ชาคริต แย้มนาม- ว่าน ธนกฤติ กระตุ้นยอดขาย มั่นใจทั้งปีกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กภายในบ้านโตเป็นเท่าตัว
นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาธร ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทจะรุกกลุ่มสินค้าบิวตี้ขึ้นมาเป็นกลุ่มที่3 ที่สร้างยอดขายหลักรองจากกลุ่มเครื่องครัวและเตารีดของกลุ่มธุรกิจคอน ซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ทั้งหมดเนื่องจากพบว่าตลาดในกลุ่มบิวตี้ยังเล็กอยู่และมีผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย โดยเฉพาะกลุ่มตกแต่งทรงผมอย่าง ดรายเป่าผม และเครื่องหนีบผม รวมถึงสินค้าอื่นๆในหมวดบิวตี้ ขณะเดียวในส่วนของตลาดเครื่องเสียงพบว่ามีการเติบโตลดลงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคหันไปฟังผ่านแท็ปเล็ทมากขึ้น
โดยปีนี้พร้อมเปิดตัวสินค้าในกลุ่มบิวตี้รวมกว่า 30-40 รุ่น ประกอบด้วย แฮร์แคร์ และบิวตี้ เช่น เครื่องหนีบผม ดรายเป่าผม และเครื่องโกนขนไฟฟ้า เป็นต้น พร้อมดึงชมพู-อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นแบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ ที่จะมาพร้อมแนวทางการทำตลาดอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา โรดโชว์ เป็นต้น เชื่อว่าจะช่วยดันยอดขายกลุ่มแฮร์แคร์เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว
เช่นเดียวกับที่ผ่านมาที่ได้ใช้ชาคริต แย้มนาม ในการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับหม้อทอดไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน ที่ในปีนี้ยังคงเป็นแบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ให้กับกลุ่มเครื่องครัวต่อ และว่าน-ธนกฤต เป็นแบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ให้กับกลุ่มเครื่องเสียงและหูฟัง
“กลยุทธ์การใช้แบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ของทางฟิลิปส์ เริ่มจากชาคริต แย้มนาม ในการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับหม้อทอดไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมันเมื่อช่วงกลางปี2555 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเป็นหลายเท่าตัว ดังจึงนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้กับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆต่อ เช่น เครื่องเสียงและหูฟัง โดยว่าน-ธนกฤต และล่าสุดกับการดึงเอาชมพู-อารยา มาร่วมเป็น แบรนด์เอ็นดอร์เซอร์ให้กับกลุ่มแฮร์แคร์ มั่นใจว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1-2 เท่าตัวเช่นเดียวกับยอดขายของหม้อทอดไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน รวมถึงยังช่วยให้กลุ่มแฮร์แคร์ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดแฮร์แคร์ได้อย่าง ชัดเจน หลังจากที่ผ่านมา อยู่ในอันดับ2 และมีแชร์ใกล้เคียงกับผู้นำในตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ปัจจุบันจีเอฟเค สำรวจพบว่า ตลาดสินค้าแฮร์แคร์มีมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ปีนี้คาดโต 22% ประกอบด้วย ดรายเป่าผมที่คาดโต 10% และเครื่องหนีบผมที่คาดโต 20% และในตลาดมีผู้เล่นหลักๆเพียง 3 รายเท่านั้น ครองส่วนแบ่งในตลาดรวมกันกว่า 80% ขณะที่แบรนด์ฟิลิปส์วางจำหน่ายสินค้าในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาด เฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 999-2,999 บาท โดยกลุ่มราคาระดับ 1,500-2,000 บาท ขายดีที่สุด
นางสาวสิริวรรณ กล่าวต่อว่า ภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กภายในบ้าน เป็นตลาดที่สามารถทำยอดขายได้ตลอดปี และมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามปกติ เช่นเดียวกับช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงครึ่งปีหลังนี้ก็น่าจะมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดคือกลุ่มเครื่องครัวอย่างเครื่องปั่นที่มีมูลค่าทางการตลาดกว่า 1,100 ล้านบาท ปีนี้คาดโต 10% และเตารีดมูลค่าตลาด 1,600 ล้านบาท ปีนี้คาดโต 15% ในส่วนของฟิลิปส์แบ่งกลุ่มสินค้าออกเป็น 3 ธุรกิจ คือ ไลท์ติ้ง เฮลธ์แคร์ และไลฟ์สไตล์ โดยไลทติ้งทำยอดขายหลักทั่วโลกอยู่ที่ 40% และอีก 2 ธุรกิจอยู่ที่ 30% เท่าๆกัน โดยในประเทศไทยเชื่อว่าทิศทางรายได้จะเป็นไปตามสัดส่วนที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่นกัน
นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาธร ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทจะรุกกลุ่มสินค้าบิวตี้ขึ้นมาเป็นกลุ่มที่3 ที่สร้างยอดขายหลักรองจากกลุ่มเครื่องครัวและเตารีดของกลุ่มธุรกิจคอน ซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ทั้งหมดเนื่องจากพบว่าตลาดในกลุ่มบิวตี้ยังเล็กอยู่และมีผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย โดยเฉพาะกลุ่มตกแต่งทรงผมอย่าง ดรายเป่าผม และเครื่องหนีบผม รวมถึงสินค้าอื่นๆในหมวดบิวตี้ ขณะเดียวในส่วนของตลาดเครื่องเสียงพบว่ามีการเติบโตลดลงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคหันไปฟังผ่านแท็ปเล็ทมากขึ้น
โดยปีนี้พร้อมเปิดตัวสินค้าในกลุ่มบิวตี้รวมกว่า 30-40 รุ่น ประกอบด้วย แฮร์แคร์ และบิวตี้ เช่น เครื่องหนีบผม ดรายเป่าผม และเครื่องโกนขนไฟฟ้า เป็นต้น พร้อมดึงชมพู-อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นแบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ ที่จะมาพร้อมแนวทางการทำตลาดอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา โรดโชว์ เป็นต้น เชื่อว่าจะช่วยดันยอดขายกลุ่มแฮร์แคร์เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว
เช่นเดียวกับที่ผ่านมาที่ได้ใช้ชาคริต แย้มนาม ในการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับหม้อทอดไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน ที่ในปีนี้ยังคงเป็นแบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ให้กับกลุ่มเครื่องครัวต่อ และว่าน-ธนกฤต เป็นแบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ให้กับกลุ่มเครื่องเสียงและหูฟัง
“กลยุทธ์การใช้แบรนด์ เอ็นดอร์เซอร์ของทางฟิลิปส์ เริ่มจากชาคริต แย้มนาม ในการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับหม้อทอดไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมันเมื่อช่วงกลางปี2555 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเป็นหลายเท่าตัว ดังจึงนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้กับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆต่อ เช่น เครื่องเสียงและหูฟัง โดยว่าน-ธนกฤต และล่าสุดกับการดึงเอาชมพู-อารยา มาร่วมเป็น แบรนด์เอ็นดอร์เซอร์ให้กับกลุ่มแฮร์แคร์ มั่นใจว่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1-2 เท่าตัวเช่นเดียวกับยอดขายของหม้อทอดไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมัน รวมถึงยังช่วยให้กลุ่มแฮร์แคร์ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดแฮร์แคร์ได้อย่าง ชัดเจน หลังจากที่ผ่านมา อยู่ในอันดับ2 และมีแชร์ใกล้เคียงกับผู้นำในตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ปัจจุบันจีเอฟเค สำรวจพบว่า ตลาดสินค้าแฮร์แคร์มีมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ปีนี้คาดโต 22% ประกอบด้วย ดรายเป่าผมที่คาดโต 10% และเครื่องหนีบผมที่คาดโต 20% และในตลาดมีผู้เล่นหลักๆเพียง 3 รายเท่านั้น ครองส่วนแบ่งในตลาดรวมกันกว่า 80% ขณะที่แบรนด์ฟิลิปส์วางจำหน่ายสินค้าในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาด เฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 999-2,999 บาท โดยกลุ่มราคาระดับ 1,500-2,000 บาท ขายดีที่สุด
นางสาวสิริวรรณ กล่าวต่อว่า ภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กภายในบ้าน เป็นตลาดที่สามารถทำยอดขายได้ตลอดปี และมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามปกติ เช่นเดียวกับช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงครึ่งปีหลังนี้ก็น่าจะมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดคือกลุ่มเครื่องครัวอย่างเครื่องปั่นที่มีมูลค่าทางการตลาดกว่า 1,100 ล้านบาท ปีนี้คาดโต 10% และเตารีดมูลค่าตลาด 1,600 ล้านบาท ปีนี้คาดโต 15% ในส่วนของฟิลิปส์แบ่งกลุ่มสินค้าออกเป็น 3 ธุรกิจ คือ ไลท์ติ้ง เฮลธ์แคร์ และไลฟ์สไตล์ โดยไลทติ้งทำยอดขายหลักทั่วโลกอยู่ที่ 40% และอีก 2 ธุรกิจอยู่ที่ 30% เท่าๆกัน โดยในประเทศไทยเชื่อว่าทิศทางรายได้จะเป็นไปตามสัดส่วนที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่นกัน