บทกวี "เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์" ดังก้องโลก ได้รับเลือกจากโครงการยูเนสโก สลักวรรคทอง กลางเบอร์ลิน ร่วมกับวาทะคนดังทั่วโลก
วานนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อขาวรายงานว่า บทกวีชื่อ วิถีไทย โดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ได้รับการคัดเลือกจากโครงการพาทธ์ ออฟ วิชั่นนารี่ ออฟ เดอะ เวิล์ด (Path of Visionaries of the World) ซึ่งเป็นโครงการคัดเลือกวาทะบุคคลสำคัญต่างๆ จากทั่วโลก เช่น อัลเบิร์ต ไอนสไตน์, มหาตมะ คานธี, แองตวน เดอ แซ็งค์เตกซูเปรี มาสลักลงแผ่นหิน บนทางเท้าฟรีดริชสตราเซอร์ (Friedrichstrasure) ณ กรุงเบอร์ลิน
โครงการนี้ดำเนินการโดย กุนสท์เวลท์ อี.วี. เบอร์ลิน (KUNSTWELT e.V. Berlin) ภายใต้การอุปถัมภ์ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ซึ่งทางโครงการส่งรายละเอียดไปยังสถานทูตต่างๆ เพื่อรวบรวมวาทะสำคัญ ที่แสดงถึงความคิดและสันติภาพของการอยู่ร่วมกัน
แหล่งข่าวจากกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับจดหมายเชิญเข้าร่วมจากโครงการดังกล่าว ทางสถานทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน จึงส่งจดหมายมายังกระทรวงการต่างประเทศ และแจ้งเรื่องผ่านกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อดำเนินการคัดเลือกวาทะของบุคคลสำคัญของไทย ที่มีผลงานทางด้านศิลปวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้ดำเนินการ และคัดเลือกวาทะของศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากบทกวีที่ชื่อ วิถีไทย ซึ่งเป็นท่อนจบ มีใจความว่า
"ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ"
"The art and cultural heritage of a nation
Resonates its sovereignty, independence and unique pride.
Reflecting what is good and beautiful,
it lightens the path of the people."
แหล่งข่าวจากกระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเบอร์ลิน โดยนายเชิดชู รักตะบุตร อัครราชทูต ปฏิบัติราชการแทนเอกอัครราชทูต ได้แจ้งให้ว่าบทกวีของนายเนาวรัตน์ ได้รับคัดเลือกจากโครงการดังกล่าว และขอรับคำแปลผลงานการประพันธ์เป็นภาษาเยอรมัน เพื่อเตรียมการตีพิมพ์ในแผ่นป้ายแสดงผลงานของโครงการด้านศิลปแห่งชาติ
ด้านนายเนาวรัตน์ กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ซึ่งบทกวีดังกล่าว จะถูกแปลเป็นภาษาเยอรมัน และนำไปสลักลงแผ่นหิน ซึ่งตน และคณะได้กำหนดการเดินทางส่งมอบบทกวีที่ถูกรับเลือกให้แก่โครงการพาทธ์ ออฟ วิชั่นนารี่ ออฟ เดอะ เวิล์ด (Path of Visionaries of the World) ภายในปี 2556 นี้
สำหรับความหมายของบทกวี ศิลปินแห่งชาติ อธิบายว่า บทกวี “วิถีไทย”นี้ ประพันธ์ขึ้น เพื่อใช้ในงานที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ตอนที่แต่ง เป็นช่วงที่สังคมเรียกร้องความเป็นตัวของตัวเอง ผ่านทางวัฒนธรรม เพราะเห็นว่างานวัฒนธรรมเป็นงานที่แสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่เด่นชัดในงานวัฒนธรรม คือ ความเป็นเอกราช ซึ่งก็คือ ความไม่ขึ้นกับอะไร คือความเป็นอิสระ คือจะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและการครอบงำใดใด ไม่ครอบงำความเป็นตัวเรา สำหรับ เอกลักษณ์ คือความเป็นหนึ่ง ไม่เหมือนใคร มิได้หมายความถึงความหยิ่งผยอง หากแต่คือการรู้จักตัวเอง และสร้างลักษณะพิเศษของตัวเองขึ้นมา ศักดิ์ศรี คือ ความงาม และความดี ศักดิ์ มาจากคาว่า ศักย หรือ ศักติ - ศักดิ์ -ศักดา คือ ความสามารถ ศรี แปลว่า ความดี และความงาม
นายเนาวรัตน์ ขยายความต่อด้วยว่า นอกจากนี้ บทกวีข้างต้นเป็นบทกวี ที่ใช้เสียงแบบไทย ใช้จังหวะแบบไทย ใช้การเล่นคำแบบไทย ซึ่งเป็น อรรถรสของบทกวีแบบไทย อันเป็นเอกลัษณ์หนึ่งของความเป็นไทยด้วย เพื่อให้ผู้อ่านและสังคมแสวงหาความเป็นเอกลักษณ์ จึงได้ “ชูธง”เรื่อง “ความเป็นไทย”นี้ขึ้นมา แล้วอะไรคือความเป็นไทยที่แท้จริง? คำตอบคือ “ศิลปวัฒนธรรม”นั่นเอง วัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่จะมีความเป็นตัวของตัวเอง(เอกลักษณ์) มีศักดิ์ศรี ซึ่งความยิ่งใหญ่, ความมีเอกลักษณ์และศักดิ์ศรีนี้รวมกันได้ความหมายว่า ไท ซึ่งพ้องเสียงกับคาว่า ไทย.
วานนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อขาวรายงานว่า บทกวีชื่อ วิถีไทย โดยนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ได้รับการคัดเลือกจากโครงการพาทธ์ ออฟ วิชั่นนารี่ ออฟ เดอะ เวิล์ด (Path of Visionaries of the World) ซึ่งเป็นโครงการคัดเลือกวาทะบุคคลสำคัญต่างๆ จากทั่วโลก เช่น อัลเบิร์ต ไอนสไตน์, มหาตมะ คานธี, แองตวน เดอ แซ็งค์เตกซูเปรี มาสลักลงแผ่นหิน บนทางเท้าฟรีดริชสตราเซอร์ (Friedrichstrasure) ณ กรุงเบอร์ลิน
โครงการนี้ดำเนินการโดย กุนสท์เวลท์ อี.วี. เบอร์ลิน (KUNSTWELT e.V. Berlin) ภายใต้การอุปถัมภ์ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ซึ่งทางโครงการส่งรายละเอียดไปยังสถานทูตต่างๆ เพื่อรวบรวมวาทะสำคัญ ที่แสดงถึงความคิดและสันติภาพของการอยู่ร่วมกัน
แหล่งข่าวจากกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับจดหมายเชิญเข้าร่วมจากโครงการดังกล่าว ทางสถานทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน จึงส่งจดหมายมายังกระทรวงการต่างประเทศ และแจ้งเรื่องผ่านกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อดำเนินการคัดเลือกวาทะของบุคคลสำคัญของไทย ที่มีผลงานทางด้านศิลปวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้ดำเนินการ และคัดเลือกวาทะของศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากบทกวีที่ชื่อ วิถีไทย ซึ่งเป็นท่อนจบ มีใจความว่า
"ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ"
"The art and cultural heritage of a nation
Resonates its sovereignty, independence and unique pride.
Reflecting what is good and beautiful,
it lightens the path of the people."
แหล่งข่าวจากกระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเบอร์ลิน โดยนายเชิดชู รักตะบุตร อัครราชทูต ปฏิบัติราชการแทนเอกอัครราชทูต ได้แจ้งให้ว่าบทกวีของนายเนาวรัตน์ ได้รับคัดเลือกจากโครงการดังกล่าว และขอรับคำแปลผลงานการประพันธ์เป็นภาษาเยอรมัน เพื่อเตรียมการตีพิมพ์ในแผ่นป้ายแสดงผลงานของโครงการด้านศิลปแห่งชาติ
ด้านนายเนาวรัตน์ กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ซึ่งบทกวีดังกล่าว จะถูกแปลเป็นภาษาเยอรมัน และนำไปสลักลงแผ่นหิน ซึ่งตน และคณะได้กำหนดการเดินทางส่งมอบบทกวีที่ถูกรับเลือกให้แก่โครงการพาทธ์ ออฟ วิชั่นนารี่ ออฟ เดอะ เวิล์ด (Path of Visionaries of the World) ภายในปี 2556 นี้
สำหรับความหมายของบทกวี ศิลปินแห่งชาติ อธิบายว่า บทกวี “วิถีไทย”นี้ ประพันธ์ขึ้น เพื่อใช้ในงานที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ตอนที่แต่ง เป็นช่วงที่สังคมเรียกร้องความเป็นตัวของตัวเอง ผ่านทางวัฒนธรรม เพราะเห็นว่างานวัฒนธรรมเป็นงานที่แสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่เด่นชัดในงานวัฒนธรรม คือ ความเป็นเอกราช ซึ่งก็คือ ความไม่ขึ้นกับอะไร คือความเป็นอิสระ คือจะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและการครอบงำใดใด ไม่ครอบงำความเป็นตัวเรา สำหรับ เอกลักษณ์ คือความเป็นหนึ่ง ไม่เหมือนใคร มิได้หมายความถึงความหยิ่งผยอง หากแต่คือการรู้จักตัวเอง และสร้างลักษณะพิเศษของตัวเองขึ้นมา ศักดิ์ศรี คือ ความงาม และความดี ศักดิ์ มาจากคาว่า ศักย หรือ ศักติ - ศักดิ์ -ศักดา คือ ความสามารถ ศรี แปลว่า ความดี และความงาม
นายเนาวรัตน์ ขยายความต่อด้วยว่า นอกจากนี้ บทกวีข้างต้นเป็นบทกวี ที่ใช้เสียงแบบไทย ใช้จังหวะแบบไทย ใช้การเล่นคำแบบไทย ซึ่งเป็น อรรถรสของบทกวีแบบไทย อันเป็นเอกลัษณ์หนึ่งของความเป็นไทยด้วย เพื่อให้ผู้อ่านและสังคมแสวงหาความเป็นเอกลักษณ์ จึงได้ “ชูธง”เรื่อง “ความเป็นไทย”นี้ขึ้นมา แล้วอะไรคือความเป็นไทยที่แท้จริง? คำตอบคือ “ศิลปวัฒนธรรม”นั่นเอง วัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่จะมีความเป็นตัวของตัวเอง(เอกลักษณ์) มีศักดิ์ศรี ซึ่งความยิ่งใหญ่, ความมีเอกลักษณ์และศักดิ์ศรีนี้รวมกันได้ความหมายว่า ไท ซึ่งพ้องเสียงกับคาว่า ไทย.
