ชุมพร - เกิดเหตุสลด! รักสามเส้า ครูชำนาญการของโรงเรียนแห่งหนึ่งในชุมพร ถูกเมียน้อยตามด่าถึงหน้าบ้าน โมโหคว้าปืนรัวยิงดับอนาถหวังจบปัญหารักขม แต่กระสุนพลาดถูกเมียหลวงที่ตกใจออกมาดูเหตุการณ์อาการปางตาย ก่อนตัดสินใจจบชีวิตตัวเองจ่อขมับยิงตายตาม
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.นพดล ภัคดีสว่าง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 4 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น บริเวณลานดินหน้าบ้านพบรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีดำเทา ทะเบียน บน 89 ชุมพร จอดเปิดไฟหน้าติดเครื่องยนต์อยู่ ประตูด้านคนขับเปิดอ้าออกที่พื้นดินใกล้ประตูรถมีคนถูกยิงเสียชีวิตชื่อ น.ส.นุจรีย์ แก้วอ่อนจริง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/11 หมู่ 5 ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร สภาพศพนอนตะแคงจมกองเลือด มือขวาใส่สนับมือทองเหลืองกำไว้แน่น และพบโทร.มือถือตกอยู่ใกล้ศพ 2 เครื่อง ตรวจสอบพบมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม.เข้าที่กลางหน้าอก 2 นัด ขมับซ้ายทะลุกกหูขวา 1 นัด ต้นแขนขวา 1 นัด และพบหัวกระสุนฝังอยู่ในคอนโซลหน้ารถใกล้เบาะนั่งคนขับอีก 1 หัว
ห่างออกไปราว 3 เมตรที่กระบะท้ายรถพบศพผู้สียชีวิตอีก 1 คนชื่อ นายจงจิตร ซังธาดา อายุ 54 ปี อยู่บ้านหลังเกิดเหตุ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงที่ขมับซ้ายกระสุนทะลุกกหูขวา 1 นัด ที่เท้าซ้ายมีปืนพกขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก มีกระสุนคาอยู่ในรังเพลิง 1 นัด และอยู่ในแมกกาซีนอีก 3 นัด ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน 7 ปลอก และหัวกระสุน 1 หัวตกอยู่บนพื้นดินหน้าบ้าน นอกจากนั้น ยังมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลชื่อนางจรัสศรี ซังธาดา อายุ 51 ปี เป็นภรรยาของนายจงจิตร ผู้ตาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่หน้าท้องกระสุนทะลุตับแพทย์ต้องนำเข้าห้องผ่าตัดช่วยเหลือชีวิตอย่างเร่งด่วน
สอบสวนนายหวน จันทร์วิเชียร อายุ 79 ปี เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุและเป็นพ่อของนางจรัสศรี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังให้อาหารสุนัขอยู่หลังบ้านได้มีคนโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของนายจงจิตร ลูกเขยตน และได้ยินเสียงพูดจาด่าทอท้าทายกันนานเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งได้มี น.ส.นุจรีย์ ผู้ตายขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแล้วบีบแตรเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นนายจงจิตร ได้วางโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน และได้ยินทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง แล้วนายจงจิตร ตะโกนว่า “จบๆ กันไปเสียที” จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตนจึงวิ่งออกมาดูพบว่า นางจรัสศรี ลูกสาวตนซึ่งเป็นภรรยาของนายจงจิตร ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสนอนฟุบอยู่บนพื้นปูนใกล้กับประตูหน้าบ้าน ส่วนนายจงจิตร ลูกเขย กับ น.ส.นุจรีย์ นอนตายอยู่ที่เกิด ตนจึงเรียนญาติที่บ้านอยู่ใกล้กันให้ขับรถพานางจรัสศรี ที่บาดเจ็บสาหัสรีบส่งโรงพยาบาล
จากการสอบสวนทราบว่า นายจงจิตร ผู้ตายรับราชการเป็นครูชำนาญการ (คศ.2) สอนวิชาพลศึกษา อยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งอยู่พื้นที่ ต.สลุย อ.ท่าแซะ และนางจรัสศรี ภรรยาที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสรับราชการเป็นครูชำนาญการ (คศ.3) สอนวิชาการอาชีพอยู่โรงเรียนเดียวกัน ส่วน น.ส.นุจรีย์ ผู้ตาย มีชื่อเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “เจ้น้อย” มีอาชีพทำธุรกิจตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญ และนำไปติดตั้งบริการลูกค้าตามร้านอาหาร และสถานบันเทิงโดยแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์กับเจ้าของร้าน มีอยู่ครอบคลุมทั่วทั้ง 8 อำเภอของ จ.ชุมพร และเป็นภรรยาน้อยของนายจงจิตร ซึ่งได้ไปมาหาสู่กันนานหลายปีจนเป็นที่เปิดเผย และรู้กันไปทั่ว กระทั่งมาระยะหลัง น.ส.นุจรีย์ มักจะขับรถยนต์ตามมาหานายสมจิตร ถึงบ้านหลังเกิดเหตุและทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่เป็นประจำ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า น.ส.นุจรีย์ ได้โทรศัพท์มาหานายจงจิตร และมีปากเสียงทะเลาะกันทางโทรศัพท์อย่างรุนแรง จนเกิดการท้าทายกันขึ้นแล้ว น.ส.นุจรีย์ ได้ขับรถยนต์บุกไปหาถึงบ้าน แล้วบีบแตรเสียงดังลั่นค้างไว้นานหลายนาที จนนายสมจิตร โมโหวิ่งออกมา ส่วน น.ส.นุจรีย์ ได้หยิบสนับมือมาใส่มือขวากำไว้แน่นแล้วเปิดประตูรถเดินออกไปหา และถูกนายสมจิตร ชักปืนออกมารัวยิงใส่อย่างไม่นับจนตายคาที่ แล้วหันปากกระบอกปืนมาจ่อยิงขมับตัวเองจนตายตามไปด้วยกัน ส่วนนางจรัสศรี ขณะเกิดเหตุได้วิ่งตามออกมาดู และถูกลูกหลงเข้าที่หน้าท้อง 1 นัด อาการสาหัสดังกล่าว
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.นพดล ภัคดีสว่าง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 4 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น บริเวณลานดินหน้าบ้านพบรถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีดำเทา ทะเบียน บน 89 ชุมพร จอดเปิดไฟหน้าติดเครื่องยนต์อยู่ ประตูด้านคนขับเปิดอ้าออกที่พื้นดินใกล้ประตูรถมีคนถูกยิงเสียชีวิตชื่อ น.ส.นุจรีย์ แก้วอ่อนจริง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/11 หมู่ 5 ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร สภาพศพนอนตะแคงจมกองเลือด มือขวาใส่สนับมือทองเหลืองกำไว้แน่น และพบโทร.มือถือตกอยู่ใกล้ศพ 2 เครื่อง ตรวจสอบพบมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม.เข้าที่กลางหน้าอก 2 นัด ขมับซ้ายทะลุกกหูขวา 1 นัด ต้นแขนขวา 1 นัด และพบหัวกระสุนฝังอยู่ในคอนโซลหน้ารถใกล้เบาะนั่งคนขับอีก 1 หัว
ห่างออกไปราว 3 เมตรที่กระบะท้ายรถพบศพผู้สียชีวิตอีก 1 คนชื่อ นายจงจิตร ซังธาดา อายุ 54 ปี อยู่บ้านหลังเกิดเหตุ สภาพศพนอนหงาย ถูกยิงที่ขมับซ้ายกระสุนทะลุกกหูขวา 1 นัด ที่เท้าซ้ายมีปืนพกขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก มีกระสุนคาอยู่ในรังเพลิง 1 นัด และอยู่ในแมกกาซีนอีก 3 นัด ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน 7 ปลอก และหัวกระสุน 1 หัวตกอยู่บนพื้นดินหน้าบ้าน นอกจากนั้น ยังมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลชื่อนางจรัสศรี ซังธาดา อายุ 51 ปี เป็นภรรยาของนายจงจิตร ผู้ตาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่หน้าท้องกระสุนทะลุตับแพทย์ต้องนำเข้าห้องผ่าตัดช่วยเหลือชีวิตอย่างเร่งด่วน
สอบสวนนายหวน จันทร์วิเชียร อายุ 79 ปี เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุและเป็นพ่อของนางจรัสศรี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังให้อาหารสุนัขอยู่หลังบ้านได้มีคนโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของนายจงจิตร ลูกเขยตน และได้ยินเสียงพูดจาด่าทอท้าทายกันนานเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งได้มี น.ส.นุจรีย์ ผู้ตายขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแล้วบีบแตรเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นนายจงจิตร ได้วางโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน และได้ยินทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง แล้วนายจงจิตร ตะโกนว่า “จบๆ กันไปเสียที” จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตนจึงวิ่งออกมาดูพบว่า นางจรัสศรี ลูกสาวตนซึ่งเป็นภรรยาของนายจงจิตร ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสนอนฟุบอยู่บนพื้นปูนใกล้กับประตูหน้าบ้าน ส่วนนายจงจิตร ลูกเขย กับ น.ส.นุจรีย์ นอนตายอยู่ที่เกิด ตนจึงเรียนญาติที่บ้านอยู่ใกล้กันให้ขับรถพานางจรัสศรี ที่บาดเจ็บสาหัสรีบส่งโรงพยาบาล
จากการสอบสวนทราบว่า นายจงจิตร ผู้ตายรับราชการเป็นครูชำนาญการ (คศ.2) สอนวิชาพลศึกษา อยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งอยู่พื้นที่ ต.สลุย อ.ท่าแซะ และนางจรัสศรี ภรรยาที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสรับราชการเป็นครูชำนาญการ (คศ.3) สอนวิชาการอาชีพอยู่โรงเรียนเดียวกัน ส่วน น.ส.นุจรีย์ ผู้ตาย มีชื่อเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “เจ้น้อย” มีอาชีพทำธุรกิจตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญ และนำไปติดตั้งบริการลูกค้าตามร้านอาหาร และสถานบันเทิงโดยแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์กับเจ้าของร้าน มีอยู่ครอบคลุมทั่วทั้ง 8 อำเภอของ จ.ชุมพร และเป็นภรรยาน้อยของนายจงจิตร ซึ่งได้ไปมาหาสู่กันนานหลายปีจนเป็นที่เปิดเผย และรู้กันไปทั่ว กระทั่งมาระยะหลัง น.ส.นุจรีย์ มักจะขับรถยนต์ตามมาหานายสมจิตร ถึงบ้านหลังเกิดเหตุและทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่เป็นประจำ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า น.ส.นุจรีย์ ได้โทรศัพท์มาหานายจงจิตร และมีปากเสียงทะเลาะกันทางโทรศัพท์อย่างรุนแรง จนเกิดการท้าทายกันขึ้นแล้ว น.ส.นุจรีย์ ได้ขับรถยนต์บุกไปหาถึงบ้าน แล้วบีบแตรเสียงดังลั่นค้างไว้นานหลายนาที จนนายสมจิตร โมโหวิ่งออกมา ส่วน น.ส.นุจรีย์ ได้หยิบสนับมือมาใส่มือขวากำไว้แน่นแล้วเปิดประตูรถเดินออกไปหา และถูกนายสมจิตร ชักปืนออกมารัวยิงใส่อย่างไม่นับจนตายคาที่ แล้วหันปากกระบอกปืนมาจ่อยิงขมับตัวเองจนตายตามไปด้วยกัน ส่วนนางจรัสศรี ขณะเกิดเหตุได้วิ่งตามออกมาดู และถูกลูกหลงเข้าที่หน้าท้อง 1 นัด อาการสาหัสดังกล่าว