ASTVผู้จัดการรายวัน - เฮ้าส์ เฟรนด์ลี่ฯ ชี้ประกาศปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ300บาท - เหล็กยืนราคาขาย ส่งผลดีตลาดโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป ดันยอดขายโตต่อเนื่อง ชี้ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง-แรงงานพุ่งส่งผลรับสร้างบ้าน-โครงการจัดสรรหันมาใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป มั่นใจปี56ยอดขายพุ่งไม่ต่ำกว่า200,000ตร.ม.หรือโตเพิ่ม15%
นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮาส์ เฟรนด์ลี่ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ "อีซี่ทรัส" เปิดเผยว่า การประกาศปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ300บาททั่วประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1มกราคม 2556ที่ผ่านมาส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวลดต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงการบริหารงานระบบก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดระยะเวลาในการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยให้ส่งมอบบ้านให้ลูกค้าเร็วขึ้น เพื่อเป็นการลดต้นทุนที่เกิดจากการจ้างงานอีกด้านหนึ่ง
อย่างไรก็ตามแม้ว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในทุกหมวดจะปรับตัวขึ้นแต่ในส่วนของกลุ่มเหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก ยังคงยืนราคาขายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ และผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหันมาใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป ทดแทนการใช้เหล็กเส้น ซึ่งต้องตัดและประกอบโครงหลังคาเอง ทำให้ต้องใช้แรงงานและระยะเวลาในการประกอบโครงหลังคามากขึ้น
จากปัจจัยทั้ง2ข้างต้นส่งผลให้ความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของบริษัทเอง ในปี2555ที่ผ่านมามียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก ทำให้อัตราการเติบโตของรายได้สูงถึง20% ส่วนในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการขยายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 15% หรือมียอดขายโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปไม่ต่ำกว่า200,000 ตางรางเมตร (ตร.ม.)
โดยอัตราการเติบโตของยอดขายดังกล่าวมาจากการขายสินค้าเข้าโครงการหมู่บ้านจัดสรร40% และเป็นการขายโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านอีก 60% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้น้ำหนักกับการทำตลาดรับสร้างบ้านมากกว่า เนื่องจากการขายเข้าโครงการจัดสรรนั้นมีมาจิ้นต่ำกว่าตลาดรับสร้างบ้าน
“โดยในอนาคต2-3ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการขายเข้าสู่ตลาดบ้านจัดสรรให้สูงขึ้นโดยวางสัดส่วนยอดขายโครงการจัดสรร และบริษัทรับสร้างบ้านไว้ที่ 50-50%”
นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮาส์ เฟรนด์ลี่ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ "อีซี่ทรัส" เปิดเผยว่า การประกาศปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ300บาททั่วประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1มกราคม 2556ที่ผ่านมาส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวลดต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงการบริหารงานระบบก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดระยะเวลาในการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยให้ส่งมอบบ้านให้ลูกค้าเร็วขึ้น เพื่อเป็นการลดต้นทุนที่เกิดจากการจ้างงานอีกด้านหนึ่ง
อย่างไรก็ตามแม้ว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในทุกหมวดจะปรับตัวขึ้นแต่ในส่วนของกลุ่มเหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก ยังคงยืนราคาขายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ และผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหันมาใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป ทดแทนการใช้เหล็กเส้น ซึ่งต้องตัดและประกอบโครงหลังคาเอง ทำให้ต้องใช้แรงงานและระยะเวลาในการประกอบโครงหลังคามากขึ้น
จากปัจจัยทั้ง2ข้างต้นส่งผลให้ความต้องการใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของบริษัทเอง ในปี2555ที่ผ่านมามียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก ทำให้อัตราการเติบโตของรายได้สูงถึง20% ส่วนในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการขยายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 15% หรือมียอดขายโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปไม่ต่ำกว่า200,000 ตางรางเมตร (ตร.ม.)
โดยอัตราการเติบโตของยอดขายดังกล่าวมาจากการขายสินค้าเข้าโครงการหมู่บ้านจัดสรร40% และเป็นการขายโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านอีก 60% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้น้ำหนักกับการทำตลาดรับสร้างบ้านมากกว่า เนื่องจากการขายเข้าโครงการจัดสรรนั้นมีมาจิ้นต่ำกว่าตลาดรับสร้างบ้าน
“โดยในอนาคต2-3ปีข้างหน้าบริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการขายเข้าสู่ตลาดบ้านจัดสรรให้สูงขึ้นโดยวางสัดส่วนยอดขายโครงการจัดสรร และบริษัทรับสร้างบ้านไว้ที่ 50-50%”