xs
xsm
sm
md
lg

หน้าใหม่แห่เล่นหุ้นเล็ก เตือนเสี่ยงสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เผยพฤติกรรมนักลงทุนรุ่นใหม่ แห่เล่นหุ้นเล็กนอก SET100 ที่มีความเสี่ยงสูง แถมนิยมเทรดรายวัน “เกศรา”เตือนอย่าทุ่มหมดพอร์ต แบ่งลงทุนหุ้นระยะกลาง-ยาวบ้างเพื่อลดความผันผวน “มนตรี”ย้ำต้องมีวินัยในการลงทุน ยืนยันปัญหาฟองสบู่แตกยังไม่เกิด แม้ดัชนีใกล้1,700 จุด เหตุอุปสงค์ อุปทาน และจีดีพีในปัจจุบันต่างจากอดีต

นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “จับจังหวะทำกำไร ช่วงหุ้นไทย โอเวอร์ฮีต” ว่านักลงทุนควรเก็งกำไรระยะยาว เพราะจากสถิติที่ผ่านมา นักลงทุนเปิดบัญชีใหม่ประมาณ8หมื่นบัญชี และมีบัญชีแอคทีฟในตลาด1.2 บัญชี แต่เพิ่มการจัดกรรมอบรมให้ข้อมูลนักลงทุน ก็มีนักลงทุนแอคทีฟขึ้นมา 2.3-2.4 แสนบัญชี แต่พบว่านักลงทุนกลับสนใจลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งมีมาร์เกตแคป7-8พันล้านบาท

“จากการสำรวจพบว่า ยอดการซื้อขายของนักลงทุนในSet50 มีเท่าเดิมไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่Set51-100 ปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง และในส่วนSet101-200 จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เป็นการลงทุนในหุ้นเล็กเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเวลาปรับตัวลงนั้นรุนแรง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนสูง จึงอยากแนะนำให้พอร์ตการลงทุนไม่ควรลงทุนแต่หุ้นเล็ก หรือเทรดระยะสั้นทั้งหมด แต่ควรกระจายการลงทุนในหุ้นระยะกลาง-ยาว เพื่อช่วยลดความผันผวน และความเสี่ยงการลงทุน”

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือMBKET กล่าวว่า การลงทุนในหุ้น เงิน100บาทจะเพิ่มไปได้ถึง450 บาท แต่สมัยนี้ถือเป็นเรื่องยาก ดังนั้นหากต้องการได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และให้มากกกว่าที่เป็นอยู่ควรขจัดความเสี่ยงออกไปให้ได้ก่อน โดยดูจากตลาดหุ้นใหญ่ที่มีผลกกระทบกับตลาดหุ้นไทยเป็นหลัก ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศ มองว่าตลาดหุ้นไทยน่าลงทุน เพราะคนเอเชียร่ำรวยขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ยังมีส่วนมาก ลงทุนหุ้นไทยในลักษณะซื้อมาขายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนไทยบางรายไม่ทันกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับไปลงทุนตาม จึงประสบปัญหาขาดทุน

“ควรมีเทคนิคในการลงทุน อย่าลงทุนแบบดิจจิตอล ควรมีวินัยในการลงทุนโดยลงทุนแบบมีระยะเวลายาวนานอย่างพอเพียง แบ่งสัดส่วนรายได้บางส่วนเข้ามาลงทุนทุกเดือนเพื่อเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน เช่น ETF”

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยใกล้เฉียด1,700 จุดอีกครั้งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะเกิดฟองสบู่หรือไม่ แต่นักลงทุนลืมไปว่าอุปสงค์ อุปทาน และจีดีพีในปัจจุบันไม่เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อปี2540 เห็นได้จากยอดมาร์จิ้นโลนตอนนี้มีอยู่ประมาณ1.4-1.5 หมื่นล้านบาท และเมื่อเทียบกับP/E สมัยปี2540 อยู่ที่20เท่า แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 14%เท่านั้น

“เทคนิคการลงทุนที่แน่นอนคือรอจังหวะการซื้ออย่าใจร้อนให้ซื้อตอนที่หุ้นราคาถูกลง และขายในราคาแพง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าโลภ”
กำลังโหลดความคิดเห็น