เมื่อวานนี้ (17 เม.ย. ) พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดขณะมีการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซสต์ สหรัฐอเมริกา ว่า ในการประชุม กอ.รมน. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) จะมีการนำเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่บอสตันมา เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์ถึงวิธีการแก้ปัญหาของประเทศมหาอำนาจ ว่ามีวิธีการ หรือเครื่องมือที่ทันสมัยอย่างไร เพื่อจะได้นำข้อมูลมาประยุกต์กับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม หากมองเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้บริสุทธิ์ จะพบว่าประเทศไทยเกิดเหตุระเบิดบ่อยครั้งมากกว่าสหรัฐฯ แต่กลับไม่เป็นข่าวทั่วโลก ทั้งที่นานาประเทศน่าจะร่วมกันประณามกลุ่มก่อเหตุในประเทศไทยด้วย ซึ่งสื่อมวลชนไทยก็ต้องช่วยกระตุ้นในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าเหตุการณ์รุนแรงที่บอสตัส ทาง กอ.รมน. ได้มีการเฝ้าระวัง หรือสั่งการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากเมื่อช่วงก.พ.ที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่าจะมีการโจมตีสถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ที่ จ.เชียงใหม่ โฆษก กอ.กอ.รมน. กล่าวว่า ทางกอ.รมน. คงไม่ต้องเตรียมพร้อมอะไรเป็นพิเศษ และทราบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งเพิ่มความระมัดระวังในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ เช่น สถานทูต สถานกงสุลแล้ว และประเทศไทยยังถือว่าห่างไกลจากเรื่องการก่อการร้าย แต่การระมัดระวังไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นการไม่ประมาท
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทันทีที่เหตุเกิด ฝ่ายข่าวกรองได้โทรศัพท์มาปรึกษาตน ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว แต่หลักทั่วไปเขาไม่ทำในประเทศไทย แต่เราก็ระวังเข้มแข็ง ซึ่งต่างชาติก็เชื่อถือ ที่ตนได้ดำเนินการเรื่องฮิซบอลเลาะห์ เมื่อก่อนต่างชาติเขาเตือนสูงสุด แต่ตนบอกว่าไม่มีปัญหา เพราะไทยใช้ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม ในทางการข่าว คงไม่มีการพูดกัน ว่าจะต้องคุ้มกันสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยหรือไม่ เพราะคนทำงานเป็นจะไม่พูด แต่จะต้องปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัย ทั้งนี้ เราระมัดระวังทุกจุด แต่เมืองไทยไม่ใช่เป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางสหรัฐฯได้ร้องขออะไรหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเขาร้องมา ตนก็บอกไม่ได้ แต่มีหน้าที่ทำอย่างเดียว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่มากๆ เราจะดูแลเพิ่มความเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม หากมองเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้บริสุทธิ์ จะพบว่าประเทศไทยเกิดเหตุระเบิดบ่อยครั้งมากกว่าสหรัฐฯ แต่กลับไม่เป็นข่าวทั่วโลก ทั้งที่นานาประเทศน่าจะร่วมกันประณามกลุ่มก่อเหตุในประเทศไทยด้วย ซึ่งสื่อมวลชนไทยก็ต้องช่วยกระตุ้นในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าเหตุการณ์รุนแรงที่บอสตัส ทาง กอ.รมน. ได้มีการเฝ้าระวัง หรือสั่งการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากเมื่อช่วงก.พ.ที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่าจะมีการโจมตีสถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ที่ จ.เชียงใหม่ โฆษก กอ.กอ.รมน. กล่าวว่า ทางกอ.รมน. คงไม่ต้องเตรียมพร้อมอะไรเป็นพิเศษ และทราบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งเพิ่มความระมัดระวังในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ เช่น สถานทูต สถานกงสุลแล้ว และประเทศไทยยังถือว่าห่างไกลจากเรื่องการก่อการร้าย แต่การระมัดระวังไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นการไม่ประมาท
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทันทีที่เหตุเกิด ฝ่ายข่าวกรองได้โทรศัพท์มาปรึกษาตน ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว แต่หลักทั่วไปเขาไม่ทำในประเทศไทย แต่เราก็ระวังเข้มแข็ง ซึ่งต่างชาติก็เชื่อถือ ที่ตนได้ดำเนินการเรื่องฮิซบอลเลาะห์ เมื่อก่อนต่างชาติเขาเตือนสูงสุด แต่ตนบอกว่าไม่มีปัญหา เพราะไทยใช้ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง อย่างไรก็ตาม ในทางการข่าว คงไม่มีการพูดกัน ว่าจะต้องคุ้มกันสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยหรือไม่ เพราะคนทำงานเป็นจะไม่พูด แต่จะต้องปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัย ทั้งนี้ เราระมัดระวังทุกจุด แต่เมืองไทยไม่ใช่เป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางสหรัฐฯได้ร้องขออะไรหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเขาร้องมา ตนก็บอกไม่ได้ แต่มีหน้าที่ทำอย่างเดียว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่มากๆ เราจะดูแลเพิ่มความเข้มงวด