"ศปถ.เผย 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ สรุปวันที่ 3 เสียชีวิตแล้ว 173 ศพ มากกว่าปีที่แล้ว 29 ศพ ประจวบฯ มากสุด 5 ศพ ตราดยังไม่มีอุบัติเหตุ ส่วนสาเหตุปัญหาเดิมๆ เมาขับ ขับรถเร็ว "หมอสมาน" เผยข้าวสารขายเหล้าเบียร์เถื่อน แถมถูกจับกุมได้ อ้าางจ่ายใต้โต๊ะจนท.แล้วทำไมถึงจับ ส่วนอุบัติเหตุในพระนครศรีอยุธยา - รถ จยย.ซิ่งแหกโค้งชนราวสะพาน ถูกรถบนถนนเหยียบซ้ำเละ 3 ศพ
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) แถลงวานนี้ (14 เม.ย.) สรุปการเกิดอุบัติเหตุ ในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันที่ 3 ของการเฝ้าระวัง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ว่า เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น 656 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 72 ราย บาดเจ็บ 688 คน เปรียบเทียบกับสถิติวันที่ 3 ช่วงสงกรานต์ของปีที่ผ่านมาพบว่า ปี2555 เกิดอุบัติเหตุ 730 ครั้ง ปีนี้ลดลง 74 ครั้ง คิดเป็น 10.13% มีผู้เสียชีวิต 56 ราย ปีนี้เพิ่มขึ้น 16 ราย คิดเป็น 28.58% และมีผู้บาดเจ็บ 778 คน ปีนี้ลดลง 90 คน คิดเป็น 11.57%
สำหรับอุบัติเหตุสะสม 3 วันที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1,447 ครั้ง ลดลง 10 ครั้ง คิดเป็น 6.88% เสียชีวิต 173 ราย เพิ่มขึ้น 29 ราย คิดเป็น 20.14 % และมีผู้บาดเจ็บ 1,526 คน ลดลง 142 คน คิดเป็น 8.51 %
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ จ.นครศรีธรรมราช (25 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5 ราย และจังหวัดที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือ จ.นครศรีธรรมราช 27 คน ขณะที่จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ มี 1 จังหวัด คือ จ.ตราด
สำหรับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุนั้น สรุปได้ว่า เมาสุรา 46.65% ขับเร็ว 24.09% ขับขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะไม่ปลอดภัย 15.55% และตัดหน้ากระชั้นชิด 11.89 %
ส่วนประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุนั้นพบว่า เป็นจักรยานยนต์ 82.10% รองลงมาคือรถยนต์กระบะ 10.36% และรถนั่งส่วนบุคคล หรือแท็กซี่ 4.14% ส่วนประเภทของถนนที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดได้แก่ ถนน อบต.หมู่บ้าน 38.41% ทางหลวงแผ่นดิน 35.98% ทางหลวงชนบท 12.65% และถนนในเมือง/เทศบาล 12.50 %
ส่วนประเภทของจุดเกิดอุบัติเหตุนั้น พบว่า 66.31% เกิดในช่วงทางตรง 16.77% เกิดในทางโค้ง และ 14.33% เกิดอุบัติเหตุในทางแยก ส่วนช่วงอายุที่ประสบอุบัติเหตุนั้น พบว่า 29.83% ต่ำกว่า 20 ปี ช่วงวัยทำงาน 54.67% และ ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป 15.24%
***อุบัติเหตุรุนแรงกว่าทุกปี
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์กู้ชีพในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ในรอบ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-13 เม.ย. 2556 พบว่า สถานการณ์อุบัติเหตุจราจรปีนี้รุนแรงกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัสมากถึง 1,321 ราย เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุมากถึงร้อยละ 67 หรือเกือบ 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และเสียชีวิตที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมากถึง 43 ราย สาเหตุหลักอันดับ 1 มาจากเมาสุรา และขับเร็ว
"3 วันที่ผ่านมา ศูนย์สั่งการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทั่วประเทศของ สธ. ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชนทางสายด่วนแพทย์ฉุกเฉิน 1669 จำนวน 6,621 ครั้ง คิดเป็น19 เปอร์เซ็ฯต์ ของเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งยังถือว่ายังน้อยมาก หน่วยแพทย์ฉุกเฉินออกปฏิบัติการทั้งหมด 2,377 ครั้ง เฉลี่ยชั่วโมงละ 33 ครั้ง ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ประมาณ 33 เปอร์เซ็ฯต์ ประชาชนนำส่งเอง"
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สธ.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศเร่งดำเนินการ 2 เรื่องใหญ่เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิต คือ 1.ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เข้มงวดบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.สุราพ.ศ.2493 อย่างเคร่งครัด ผู้ใดฝ่าฝืนให้ดำเนินคดีทันที 2.ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชน แจ้งเหตุเข้ามาทางสายด่วน1669 ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นบริการฟรี 24 ชั่วโมง หากผู้บาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉินที่มีประมาณ 15,000 ทีมครอบคลุมทั่วประเทศ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือภายใน 10 นาทีหลังรับแจ้งเหตุ จะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากกว่านำส่งเอง และลดความเสี่ยงเกิดพิการซ้ำซ้อนจากการช่วยเหลือที่ไม่ถูกวิธีลงได้
***แฉจ่ายใต้โต๊ะขายเบียร์ถนนข้าวสาร
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงผลการตรวจผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานฯ ที่ถนนข้าวสาร พบว่ามีการขายเหล้าเบียร์เถื่อนโดยไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราเป็นจำนวนมากในบริเวณรอบๆถนนข้าวสาร ไม่เว้นแม้แต่บริเวณทางเท้าติดกับวัดบวรนิเวศวิหาร
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า ลักษณะการขายเหล้าเบียร์ดังกล่าว เป็นการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง เช่น ขายเบียร์ กระป๋องละ 50 บาท แต่หากซื้อ 5 กระป๋องราคาเพียง 200 บาท ซึ่งก็คือซื้อ 4 กระป๋อง แถม 1 กระป๋อง เป็นต้น โดยมีรถของบริษัทน้ำเมาคอยให้บริการขายส่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆกัน ขณะที่ทีมพนักงานเจ้าหน้าที่และนิติกรของสำนักงานฯปฏิบัติงานตรวจสอบอยู่ พบมีชายฉกรรจ์ 5-6 คน สวมเสื้อมีโลโก้ของเบียร์อย่างชัดเจนมาข่มขู่คุกคาม ด้วยการเอาแผ่นสติกเกอร์โฆษณาเบียร์ขนาดใหญ่มากางแสดง แล้วเข้ามาประชิดตัว ถ่ายรูปนิติกรหญิงขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อหวังแสดงให้พ่อค้าแม่ขายที่อยู่บริเวณนั้นเห็นว่าไม่ต้องเชื่อเจ้าหน้าที่ว่าป้ายโฆษณาที่เขาเอามาแจกนั้นไม่ผิดกฎหมายและข่มขู่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่
"เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานขอกำลังตำรวจจาก พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาอำนวยความสะดวกระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมทั้งซุ้มร้านขายเบียร์ที่ได้ทดสอบซื้อเอาไว้และรถขนส่งของบริษัทน้ำเมาได้หายไปหมด ไม่เหลือให้เห็นทั้งคนขายและซุ้ม จึงจับกุมผู้กระทำผิดได้เพียงรายเดียว"
นพ.สมาน กล่าวด้วยว่า จากการพูดคุยกับผู้ต้องหาทาง ผู้ต้องหาได้ขอความเห็นใจว่าที่ขายบนทางสาธารณะได้นั้น เพราะได้จ่ายเงินเจ้าหน้าที่แล้ว 4,000 บาท ทำไมจึงถูกจับอีก ซึ่งกรณีนี้ เท็จจริงอย่างใดคงต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่ประเด็นนี้เป็นการสะท้อนปัญหาที่แท้จริงของการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยการร้องขอประชาสัมพันธ์เท่านั้น ต้องใช้หลากหลายวิธีและมีกลไกการตรวจสอบที่หลากหลาย เพราะเป็นเรื่องที่อาจมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากมาย
***ร้องผ่านศูนย์ฮอตไลน์
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากข้อมูลการร้องเรียนผ่าน ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉพาะวันที่ 11-12 เมษายน 2556 พบว่ามีประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 จำนวน 333 ราย เป็นการร้องเรียนรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (รถโดยสารสาธารณะ) จำนวน 92 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ ขับรถประมาท แสดงวาจาไม่สุภาพ และไม่จอดรับผู้โดยสาร ส่วนการร้องเรียนรถแท็กซี่มีจำนวน 241 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ ปฏิเสธรับผู้โดยสาร รองลงมาคือ แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ และไม่ส่งผู้โดยสารตามที่ได้ตกลงกัน ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเรียกตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป
***ตจว.ทำผิดกม.ขายสุราเกลื่อน
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า สำหรับผลการบังคับใช้พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงวันที่ 11-13 เม.ย. 2556 ในภาคกลางที่ จ.นนทบุรี และกทม. ภาคเหนือที่ สุโขทัย ลำพูน เชียงใหม่ และภาคใต้ที่ประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งหมด 191 ราย พบผู้กระทำผิดและดำเนินคดี 93 ราย บางรายผิดมากกว่า 1 ฐานความผิด และตักเตือน 101 ราย ความผิดอันดับ 1 ได้แก่ การโฆษณาสื่อสารการตลาด รวม 67 ราย คิดเป็นร้อยละ 72 รองลงมาคือการลดแลกแจกแถม 15 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 ที่เหลือขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 7 ราย ขายนอกเวลา 8 ราย ขายในที่ห้ามเช่น ปั้มน้ำมัน ร้านขายยา ขายบนถนนรวม 6 ราย ขายโดยไม่มีใบอนุญาต 2 ราย ดื่มบนรถ 1 ราย ได้กำชับทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ ประสานทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจและสรรพาสามิต ออกตรวจเตือนประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนอย่างต่อเนื่อง และหากพบกระทำผิดจะดำเนินคดีทุกรายทันทีเช่นกัน
**กรุงเก่าสังเวยสงกรานต์ซิ่งจยย.ชนราวสะพานตาย3
เมื่อเวลา 05.00 น.วานนี้ (14 เม.ย.) พ.ต.ท.วสันต์ ทิพย์รัตน พนักงานสอบสวน สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์แหกโค้งสะพานกลับรถบนถนนสายเอเชีย หลักกิโลเมตรที่ 19-20 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตกลงไปที่พื้นถนน เสียชีวิต 3 ราย จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ ที่บนสะพานกลับรถ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ สีชมพูดำ หมายเลขทะเบียน 1 กฆ 1085 กทม. ล้มตะแคงอยู่ ใกล้กันพบรองเท้าชาย และหญิงตกอยู่ที่ขอบสะพานพบรอยครูดเป็นทางยาว ด้านล่างบนถนนสายเอเชียขาขึ้น มุ่งสู่ภาคเหนือห่างจากสะพานประมาณ 200 เมตร พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 2 ราย และชาย 1 ราย อายุประมาณ 25-30 ปี ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจายเกลื่อถนน ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบเอกสารติดอยู่ในตัวผู้เสียชีวิต
สอบสวนเบื้องต้นผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย น่าจะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากสถานบันเทิงในย่านตลาดแกรนต์ พอเลิกจากเที่ยวได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อกลับรถมาด้วยความเร็วแต่เกิดเสียหลักแหกโค้ง และผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายกระเด็นตกลงจากสะพานที่มีความสูง 5 เมตร ลงมาบนถนนแล้วถูกรถยนต์จำนวนมากที่วิ่งมาบนถนนด้วยความเร็ว มองไม่เห็นอาจจะทับซ้ำจนร่างกายชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจายเกลื่อนถนนสภาพดังกล่าว ทั้งนี้ ในจุดเกิดเหตุยังพบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ วพ 5713 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ศพ จะตรวจเลือดอีกครั้งว่ามีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดหรือไม่ เนื่องจากในช่วงอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย พบ จ.พระนครศรีอยุธยา มีรายชื่อขึ้นอุบัติเหตุ และเสียชีวิตอยู่อันดำต้นๆ อีกด้วย ขณะนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วง 7 วันอันตาย มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ว 9 ราย
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) แถลงวานนี้ (14 เม.ย.) สรุปการเกิดอุบัติเหตุ ในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันที่ 3 ของการเฝ้าระวัง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ว่า เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น 656 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 72 ราย บาดเจ็บ 688 คน เปรียบเทียบกับสถิติวันที่ 3 ช่วงสงกรานต์ของปีที่ผ่านมาพบว่า ปี2555 เกิดอุบัติเหตุ 730 ครั้ง ปีนี้ลดลง 74 ครั้ง คิดเป็น 10.13% มีผู้เสียชีวิต 56 ราย ปีนี้เพิ่มขึ้น 16 ราย คิดเป็น 28.58% และมีผู้บาดเจ็บ 778 คน ปีนี้ลดลง 90 คน คิดเป็น 11.57%
สำหรับอุบัติเหตุสะสม 3 วันที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1,447 ครั้ง ลดลง 10 ครั้ง คิดเป็น 6.88% เสียชีวิต 173 ราย เพิ่มขึ้น 29 ราย คิดเป็น 20.14 % และมีผู้บาดเจ็บ 1,526 คน ลดลง 142 คน คิดเป็น 8.51 %
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ จ.นครศรีธรรมราช (25 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5 ราย และจังหวัดที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือ จ.นครศรีธรรมราช 27 คน ขณะที่จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ มี 1 จังหวัด คือ จ.ตราด
สำหรับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุนั้น สรุปได้ว่า เมาสุรา 46.65% ขับเร็ว 24.09% ขับขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะไม่ปลอดภัย 15.55% และตัดหน้ากระชั้นชิด 11.89 %
ส่วนประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุนั้นพบว่า เป็นจักรยานยนต์ 82.10% รองลงมาคือรถยนต์กระบะ 10.36% และรถนั่งส่วนบุคคล หรือแท็กซี่ 4.14% ส่วนประเภทของถนนที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดได้แก่ ถนน อบต.หมู่บ้าน 38.41% ทางหลวงแผ่นดิน 35.98% ทางหลวงชนบท 12.65% และถนนในเมือง/เทศบาล 12.50 %
ส่วนประเภทของจุดเกิดอุบัติเหตุนั้น พบว่า 66.31% เกิดในช่วงทางตรง 16.77% เกิดในทางโค้ง และ 14.33% เกิดอุบัติเหตุในทางแยก ส่วนช่วงอายุที่ประสบอุบัติเหตุนั้น พบว่า 29.83% ต่ำกว่า 20 ปี ช่วงวัยทำงาน 54.67% และ ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป 15.24%
***อุบัติเหตุรุนแรงกว่าทุกปี
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์กู้ชีพในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ในรอบ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-13 เม.ย. 2556 พบว่า สถานการณ์อุบัติเหตุจราจรปีนี้รุนแรงกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัสมากถึง 1,321 ราย เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุมากถึงร้อยละ 67 หรือเกือบ 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และเสียชีวิตที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมากถึง 43 ราย สาเหตุหลักอันดับ 1 มาจากเมาสุรา และขับเร็ว
"3 วันที่ผ่านมา ศูนย์สั่งการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทั่วประเทศของ สธ. ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชนทางสายด่วนแพทย์ฉุกเฉิน 1669 จำนวน 6,621 ครั้ง คิดเป็น19 เปอร์เซ็ฯต์ ของเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งยังถือว่ายังน้อยมาก หน่วยแพทย์ฉุกเฉินออกปฏิบัติการทั้งหมด 2,377 ครั้ง เฉลี่ยชั่วโมงละ 33 ครั้ง ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ประมาณ 33 เปอร์เซ็ฯต์ ประชาชนนำส่งเอง"
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สธ.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศเร่งดำเนินการ 2 เรื่องใหญ่เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิต คือ 1.ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เข้มงวดบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.สุราพ.ศ.2493 อย่างเคร่งครัด ผู้ใดฝ่าฝืนให้ดำเนินคดีทันที 2.ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชน แจ้งเหตุเข้ามาทางสายด่วน1669 ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นบริการฟรี 24 ชั่วโมง หากผู้บาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉินที่มีประมาณ 15,000 ทีมครอบคลุมทั่วประเทศ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือภายใน 10 นาทีหลังรับแจ้งเหตุ จะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากกว่านำส่งเอง และลดความเสี่ยงเกิดพิการซ้ำซ้อนจากการช่วยเหลือที่ไม่ถูกวิธีลงได้
***แฉจ่ายใต้โต๊ะขายเบียร์ถนนข้าวสาร
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงผลการตรวจผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานฯ ที่ถนนข้าวสาร พบว่ามีการขายเหล้าเบียร์เถื่อนโดยไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราเป็นจำนวนมากในบริเวณรอบๆถนนข้าวสาร ไม่เว้นแม้แต่บริเวณทางเท้าติดกับวัดบวรนิเวศวิหาร
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า ลักษณะการขายเหล้าเบียร์ดังกล่าว เป็นการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง เช่น ขายเบียร์ กระป๋องละ 50 บาท แต่หากซื้อ 5 กระป๋องราคาเพียง 200 บาท ซึ่งก็คือซื้อ 4 กระป๋อง แถม 1 กระป๋อง เป็นต้น โดยมีรถของบริษัทน้ำเมาคอยให้บริการขายส่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆกัน ขณะที่ทีมพนักงานเจ้าหน้าที่และนิติกรของสำนักงานฯปฏิบัติงานตรวจสอบอยู่ พบมีชายฉกรรจ์ 5-6 คน สวมเสื้อมีโลโก้ของเบียร์อย่างชัดเจนมาข่มขู่คุกคาม ด้วยการเอาแผ่นสติกเกอร์โฆษณาเบียร์ขนาดใหญ่มากางแสดง แล้วเข้ามาประชิดตัว ถ่ายรูปนิติกรหญิงขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อหวังแสดงให้พ่อค้าแม่ขายที่อยู่บริเวณนั้นเห็นว่าไม่ต้องเชื่อเจ้าหน้าที่ว่าป้ายโฆษณาที่เขาเอามาแจกนั้นไม่ผิดกฎหมายและข่มขู่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่
"เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานขอกำลังตำรวจจาก พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาอำนวยความสะดวกระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมทั้งซุ้มร้านขายเบียร์ที่ได้ทดสอบซื้อเอาไว้และรถขนส่งของบริษัทน้ำเมาได้หายไปหมด ไม่เหลือให้เห็นทั้งคนขายและซุ้ม จึงจับกุมผู้กระทำผิดได้เพียงรายเดียว"
นพ.สมาน กล่าวด้วยว่า จากการพูดคุยกับผู้ต้องหาทาง ผู้ต้องหาได้ขอความเห็นใจว่าที่ขายบนทางสาธารณะได้นั้น เพราะได้จ่ายเงินเจ้าหน้าที่แล้ว 4,000 บาท ทำไมจึงถูกจับอีก ซึ่งกรณีนี้ เท็จจริงอย่างใดคงต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่ประเด็นนี้เป็นการสะท้อนปัญหาที่แท้จริงของการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยการร้องขอประชาสัมพันธ์เท่านั้น ต้องใช้หลากหลายวิธีและมีกลไกการตรวจสอบที่หลากหลาย เพราะเป็นเรื่องที่อาจมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากมาย
***ร้องผ่านศูนย์ฮอตไลน์
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากข้อมูลการร้องเรียนผ่าน ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉพาะวันที่ 11-12 เมษายน 2556 พบว่ามีประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 จำนวน 333 ราย เป็นการร้องเรียนรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก (รถโดยสารสาธารณะ) จำนวน 92 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ ขับรถประมาท แสดงวาจาไม่สุภาพ และไม่จอดรับผู้โดยสาร ส่วนการร้องเรียนรถแท็กซี่มีจำนวน 241 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ ปฏิเสธรับผู้โดยสาร รองลงมาคือ แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ และไม่ส่งผู้โดยสารตามที่ได้ตกลงกัน ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเรียกตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป
***ตจว.ทำผิดกม.ขายสุราเกลื่อน
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า สำหรับผลการบังคับใช้พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงวันที่ 11-13 เม.ย. 2556 ในภาคกลางที่ จ.นนทบุรี และกทม. ภาคเหนือที่ สุโขทัย ลำพูน เชียงใหม่ และภาคใต้ที่ประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งหมด 191 ราย พบผู้กระทำผิดและดำเนินคดี 93 ราย บางรายผิดมากกว่า 1 ฐานความผิด และตักเตือน 101 ราย ความผิดอันดับ 1 ได้แก่ การโฆษณาสื่อสารการตลาด รวม 67 ราย คิดเป็นร้อยละ 72 รองลงมาคือการลดแลกแจกแถม 15 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 ที่เหลือขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 7 ราย ขายนอกเวลา 8 ราย ขายในที่ห้ามเช่น ปั้มน้ำมัน ร้านขายยา ขายบนถนนรวม 6 ราย ขายโดยไม่มีใบอนุญาต 2 ราย ดื่มบนรถ 1 ราย ได้กำชับทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ ประสานทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจและสรรพาสามิต ออกตรวจเตือนประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนอย่างต่อเนื่อง และหากพบกระทำผิดจะดำเนินคดีทุกรายทันทีเช่นกัน
**กรุงเก่าสังเวยสงกรานต์ซิ่งจยย.ชนราวสะพานตาย3
เมื่อเวลา 05.00 น.วานนี้ (14 เม.ย.) พ.ต.ท.วสันต์ ทิพย์รัตน พนักงานสอบสวน สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์แหกโค้งสะพานกลับรถบนถนนสายเอเชีย หลักกิโลเมตรที่ 19-20 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตกลงไปที่พื้นถนน เสียชีวิต 3 ราย จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ ที่บนสะพานกลับรถ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ สีชมพูดำ หมายเลขทะเบียน 1 กฆ 1085 กทม. ล้มตะแคงอยู่ ใกล้กันพบรองเท้าชาย และหญิงตกอยู่ที่ขอบสะพานพบรอยครูดเป็นทางยาว ด้านล่างบนถนนสายเอเชียขาขึ้น มุ่งสู่ภาคเหนือห่างจากสะพานประมาณ 200 เมตร พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 2 ราย และชาย 1 ราย อายุประมาณ 25-30 ปี ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจายเกลื่อถนน ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบเอกสารติดอยู่ในตัวผู้เสียชีวิต
สอบสวนเบื้องต้นผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย น่าจะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากสถานบันเทิงในย่านตลาดแกรนต์ พอเลิกจากเที่ยวได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อกลับรถมาด้วยความเร็วแต่เกิดเสียหลักแหกโค้ง และผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายกระเด็นตกลงจากสะพานที่มีความสูง 5 เมตร ลงมาบนถนนแล้วถูกรถยนต์จำนวนมากที่วิ่งมาบนถนนด้วยความเร็ว มองไม่เห็นอาจจะทับซ้ำจนร่างกายชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจายเกลื่อนถนนสภาพดังกล่าว ทั้งนี้ ในจุดเกิดเหตุยังพบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ วพ 5713 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ศพ จะตรวจเลือดอีกครั้งว่ามีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดหรือไม่ เนื่องจากในช่วงอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย พบ จ.พระนครศรีอยุธยา มีรายชื่อขึ้นอุบัติเหตุ และเสียชีวิตอยู่อันดำต้นๆ อีกด้วย ขณะนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วง 7 วันอันตาย มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ว 9 ราย