เอเจนซีส์ – ญี่ปุ่นเตรียมพร้อมเต็มที่ ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ “แพทริออต” ในเมืองหลวงโตเกียว หลังเปียงยางแถลงแนะนำชาวต่างชาติให้อพยพหลบภัยออกจากเกาหลีใต้ เนื่องจากคาบสมุทรเกาหลีกำลังจะเกิดสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์ ทางด้านนายใหญ่ยูเอ็นแสดงความหวั่นเกรงสถานการณ์บานปลายเกินควบคุม ขณะที่จีนสำทับไม่อยากให้เกิดความรุนแรงบนคาบสมุทร
เมื่อวันอังคาร (9) สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือถ่ายทอดคำแถลงของคณะกรรมาธิการสันติภาพเอเชีย-แปซิฟิกที่ระบุว่า สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังเคลื่อนเข้าสู่สงครามเทอร์โมนิวเคลียร์ และเปียงยางไม่อยากเห็นชาวต่างชาติในเกาหลีใต้ “กลายเป็นเหยื่อ” จึงขอให้สถาบัน สถานประกอบการ และนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดหาที่หลบภัยหรืออพยพออกจากดินแดนโสมขาว
คำแถลงของคณะกรรมาธิการชุดนี้กล่าวโทษว่า ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้เกิดจากอเมริกาที่กระหายสงคราม ตลอดจนหุ่นเชิดซึ่งก็คือเกาหลีใต้ มีเจตนารมณ์บุกรุกเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ เปียงยางได้ข่มขู่ที่จะเปิดสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์มาครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายตะวันตกเชื่อว่า ประเทศที่แทบจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงแห่งนี้ยังไม่มีศักยภาพผลิตอาวุธนิวเคลียร์ขั้นสูงแต่อย่างใด
โฆษกสถานเอกอัครราขทูตอังกฤษในเกาหลีใต้ออกคำแถลงภายหลังการประเมินสถานการณ์ว่า เวลานี้ยังไม่มีความเสี่ยงเฉพาะหน้าต่อพลเมืองอังกฤษ ท่าทีเช่นนี้สอดคล้องกับคำแถลงในทำนองเดียวกันจากสถานเอกอัครราชทูตอเมริกัน ฝรั่งเศส และอีกหลายชาติ
ทางด้าน แดเนียล พิงค์สตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือของอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) องค์กรคลังสมองระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์ ชี้ว่า คำเตือนของเกาหลีเหนือคราวนี้ เกือบเรียกได้ว่าน่าขบขัน เพราะเห็นชัดเจนว่ามุ่งประสงค์ที่จะสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการลงทุน สร้างความกดดันและทำให้ประชาชนวิตกกังวล แต่หลังจากที่ได้เคยเตือนพวกสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในกรุงเปียงยางให้อพยพเจ้าหน้าที่ภายในกลางสัปดาห์นี้แล้ว โดยไม่ได้ผลอะไร เกาหลีเหนือจึงต้องปล่อยมุกเช่นนี้ต่อไปอีก
กระนั้นก็ตามที ภายหลังคำเตือนล่าสุดของโสมแดง บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของโสมขาว ได้ออกมากล่าวระหว่างอยู่ในกรุงโรมว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีขณะนี้อันตรายมาก และหากเกิดเหตุการณ์เล็กน้อยๆ จากการคาดคำนวณหรือการพิจารณาผิดพลาด ก็อาจทำให้สถานการณ์บานปลายเกินการควบคุม
เช่นเดียวกัน หง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงในวันอังคารว่า ปักกิ่งคัดค้านการเลือกข้างในวิกฤตคราวนี้ เนื่องจากจะทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเลวร้ายลง ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนไม่อยากให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ คาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุหลังจากเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลเมื่อปลายปีที่แล้ว และทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ส่งผลให้ยูเอ็นสั่งเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร ยิ่งช่วงหลายสัปดาห์มานี้ เปียงยางยังขยันออกมาข่มขู่จะทำการโจมตีฐานทัพอเมริกันและเกาหลีใต้หนักข้อขึ้นอีก เพื่อตอบโต้ที่สองประเทศดำเนินการซ้อมรบประจำปีร่วมกัน
ถึงแม้พวกนักวิเคราะห์ต่างไม่เชื่อว่า เกาหลีเหนือจะสามารถก่อสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาได้จริงๆ แต่ก็มีความเห็นร่วมกันอยู่มากว่า เปียงยางอาจจะพยายามทำอะไรที่ตูมตามออกมาบ้างเพื่อเป็นการรักษาหน้า เป็นต้นว่า การทดสอบยิงขีปนาวุธ หรือการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ อีกครั้งหนึ่ง
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานเมื่อวันอังคารโดยอ้างข่าวกรองของเกาหลีใต้ว่า เปียงยางเสร็จสิ้นการเตรียมการสำหรับทดสอบขีปนาวุธแล้ว โดยการทดสอบอาจจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า (15) ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นปู่ของ คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน
วันอังคารเช่นกัน ญี่ปุ่นก็ได้นำเอาระบบต่อต้านขีปนาวุธชนิดยิงจากพื้นสู่อากาศแบบ แพทริออต แอดแวนซ์ แคแพซิตี-3 (PAC-3) จำนวน 2 ชุด มาประจำอยู่ที่กระทรวงกลาโหมในกรุงโตเกียวตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง เพื่อเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า ขณะที่สื่อในญี่ปุ่นรายงานว่า ยังจะมีการติดตั้ง PAC-3 ในสถานที่อีก 2 แห่งในเขตมหานครโตเกียว
อย่างไรก็ดี ในเกาหลีใต้เองซึ่งมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ราว 1.4 ล้านคน ดูเหมือนไม่กังวลใดๆ ต่อคำขู่ของเปียงยาง
ขณะเดียวกัน ช่วงเช้าวันอังคาร คนงานเกาหลีเหนือปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลด้วยการไม่เข้าทำงานในนิคมอุตสาหกรรมแกซองที่เป็นกิจการร่วมทุนระหว่างสองเกาหลี บ่งชี้ว่า สัญลักษณ์แห่งการปรองดองที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวกำลังจะหมดสภาพลง และสะท้อนความรุนแรงของวิกฤตปัจจุบันบนคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากนับแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 นิคมแห่งนี้ไม่เคยปิดดำเนินการเลย ไม่ว่าสองเกาหลีจะมีปัญหาขัดใจกันอย่างไรก็ตาม
พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีหญิงของเกาหลีใต้ แสดงความผิดหวังอย่างมากต่อการดำเนินการเกี่ยวกับนิคมแกซองของเปียงยาง และบอกว่า การละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศครั้งนี้ จะทำให้ไม่มีประเทศหรือบริษัทแห่งใดต้องการเข้าไปลงทุนในเกาหลีเหนืออีก
เมื่อวันอังคาร (9) สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือถ่ายทอดคำแถลงของคณะกรรมาธิการสันติภาพเอเชีย-แปซิฟิกที่ระบุว่า สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังเคลื่อนเข้าสู่สงครามเทอร์โมนิวเคลียร์ และเปียงยางไม่อยากเห็นชาวต่างชาติในเกาหลีใต้ “กลายเป็นเหยื่อ” จึงขอให้สถาบัน สถานประกอบการ และนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดหาที่หลบภัยหรืออพยพออกจากดินแดนโสมขาว
คำแถลงของคณะกรรมาธิการชุดนี้กล่าวโทษว่า ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้เกิดจากอเมริกาที่กระหายสงคราม ตลอดจนหุ่นเชิดซึ่งก็คือเกาหลีใต้ มีเจตนารมณ์บุกรุกเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ เปียงยางได้ข่มขู่ที่จะเปิดสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์มาครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายตะวันตกเชื่อว่า ประเทศที่แทบจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงแห่งนี้ยังไม่มีศักยภาพผลิตอาวุธนิวเคลียร์ขั้นสูงแต่อย่างใด
โฆษกสถานเอกอัครราขทูตอังกฤษในเกาหลีใต้ออกคำแถลงภายหลังการประเมินสถานการณ์ว่า เวลานี้ยังไม่มีความเสี่ยงเฉพาะหน้าต่อพลเมืองอังกฤษ ท่าทีเช่นนี้สอดคล้องกับคำแถลงในทำนองเดียวกันจากสถานเอกอัครราชทูตอเมริกัน ฝรั่งเศส และอีกหลายชาติ
ทางด้าน แดเนียล พิงค์สตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือของอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) องค์กรคลังสมองระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์ ชี้ว่า คำเตือนของเกาหลีเหนือคราวนี้ เกือบเรียกได้ว่าน่าขบขัน เพราะเห็นชัดเจนว่ามุ่งประสงค์ที่จะสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการลงทุน สร้างความกดดันและทำให้ประชาชนวิตกกังวล แต่หลังจากที่ได้เคยเตือนพวกสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในกรุงเปียงยางให้อพยพเจ้าหน้าที่ภายในกลางสัปดาห์นี้แล้ว โดยไม่ได้ผลอะไร เกาหลีเหนือจึงต้องปล่อยมุกเช่นนี้ต่อไปอีก
กระนั้นก็ตามที ภายหลังคำเตือนล่าสุดของโสมแดง บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของโสมขาว ได้ออกมากล่าวระหว่างอยู่ในกรุงโรมว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีขณะนี้อันตรายมาก และหากเกิดเหตุการณ์เล็กน้อยๆ จากการคาดคำนวณหรือการพิจารณาผิดพลาด ก็อาจทำให้สถานการณ์บานปลายเกินการควบคุม
เช่นเดียวกัน หง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงในวันอังคารว่า ปักกิ่งคัดค้านการเลือกข้างในวิกฤตคราวนี้ เนื่องจากจะทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเลวร้ายลง ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนไม่อยากให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ คาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุหลังจากเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลเมื่อปลายปีที่แล้ว และทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ส่งผลให้ยูเอ็นสั่งเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร ยิ่งช่วงหลายสัปดาห์มานี้ เปียงยางยังขยันออกมาข่มขู่จะทำการโจมตีฐานทัพอเมริกันและเกาหลีใต้หนักข้อขึ้นอีก เพื่อตอบโต้ที่สองประเทศดำเนินการซ้อมรบประจำปีร่วมกัน
ถึงแม้พวกนักวิเคราะห์ต่างไม่เชื่อว่า เกาหลีเหนือจะสามารถก่อสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาได้จริงๆ แต่ก็มีความเห็นร่วมกันอยู่มากว่า เปียงยางอาจจะพยายามทำอะไรที่ตูมตามออกมาบ้างเพื่อเป็นการรักษาหน้า เป็นต้นว่า การทดสอบยิงขีปนาวุธ หรือการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ อีกครั้งหนึ่ง
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานเมื่อวันอังคารโดยอ้างข่าวกรองของเกาหลีใต้ว่า เปียงยางเสร็จสิ้นการเตรียมการสำหรับทดสอบขีปนาวุธแล้ว โดยการทดสอบอาจจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า (15) ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นปู่ของ คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน
วันอังคารเช่นกัน ญี่ปุ่นก็ได้นำเอาระบบต่อต้านขีปนาวุธชนิดยิงจากพื้นสู่อากาศแบบ แพทริออต แอดแวนซ์ แคแพซิตี-3 (PAC-3) จำนวน 2 ชุด มาประจำอยู่ที่กระทรวงกลาโหมในกรุงโตเกียวตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง เพื่อเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า ขณะที่สื่อในญี่ปุ่นรายงานว่า ยังจะมีการติดตั้ง PAC-3 ในสถานที่อีก 2 แห่งในเขตมหานครโตเกียว
อย่างไรก็ดี ในเกาหลีใต้เองซึ่งมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ราว 1.4 ล้านคน ดูเหมือนไม่กังวลใดๆ ต่อคำขู่ของเปียงยาง
ขณะเดียวกัน ช่วงเช้าวันอังคาร คนงานเกาหลีเหนือปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลด้วยการไม่เข้าทำงานในนิคมอุตสาหกรรมแกซองที่เป็นกิจการร่วมทุนระหว่างสองเกาหลี บ่งชี้ว่า สัญลักษณ์แห่งการปรองดองที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวกำลังจะหมดสภาพลง และสะท้อนความรุนแรงของวิกฤตปัจจุบันบนคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากนับแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 นิคมแห่งนี้ไม่เคยปิดดำเนินการเลย ไม่ว่าสองเกาหลีจะมีปัญหาขัดใจกันอย่างไรก็ตาม
พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีหญิงของเกาหลีใต้ แสดงความผิดหวังอย่างมากต่อการดำเนินการเกี่ยวกับนิคมแกซองของเปียงยาง และบอกว่า การละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศครั้งนี้ จะทำให้ไม่มีประเทศหรือบริษัทแห่งใดต้องการเข้าไปลงทุนในเกาหลีเหนืออีก