ASTVผู้จัดการรายวัน - คนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่มบ้าน "นัจมุดดีน อูมา" ที่ปรึกษา "เหลิม" ห้องประชุมรถปาเจโร่เสียหาย เจ้าตัวคาดฝีมือกลุ่มต้านพูดคุยสันติภาพข่มขู่ "ยะลา"ระทึก กู้ระเบิดกลางเมือง 2 ลูก รวบ "ฮาซัน มูซอดี" ต้องสงสัยบึ้ม 4 จุด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สรุปไตรมาสแรกปี 56 เหตุรุนแรงสูงสุดเดือนมี.ค. "ชวนนท์" แฉตัวเลขยอดตายสูงกว่าก่อนเจรจา 20 ราย
เมื่อเวลา 01.50 น. วานนี้(8 เม.ย.) ร.ต.ท.สมบูรณ์ สาคร ร้อยเวรสภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่บ้านเลขที่ 5 เขตเทศบาลตันหยงมัส อ.ระแงะ ของนายนัจมุดดีน อูมา อดีตส.ส.นราธิวาส 4 กลุ่มวาดะห์ ปัจจุบันเป็นคณะที่ปรึกษาร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหาไฟใต้ รวมทั้งที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)
**ยิงเอ็ม79ถล่มบ้าน"นัจมุดดีน อูมา"
เวลา 07.00 น ร.ต.ท.สมบูรณ์ พร้อมด้วยพล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จว. พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง สารวัตรชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.นราธิวาส รวมทั้งกองวิทยาการนราธิวาส เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าหลังคาและเพดานห้องประชุมที่เพิ่งสร้างเสร็จ ถูกระเบิดเอ็ม 79 ได้รับความเสียหาย รวมทั้งรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีน้ำตาล ทะเบียน ญก 5559 กรุงเทพมหานคร ถูกสะเก็ดระเบิดที่กระจกหน้า และฝากระโปรง ที่เกิดเหตุพบเศษระเบิดเอ็ม 79 ตกกระจายเกลื่อนบริเวณบันไดทางขึ้นห้องประชุม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นายนัจมุดดีน กล่าวกับพล.ต.ต.วิชัย ว่าก่อนเกิดเหตุกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอนด้านหน้า ครอบครัวและลูกน้องพากันหลับตามห้องต่างๆ 5 คน ได้ยินเสียงดังตูม 1 ครั้ง เข้าใจว่าเป็นเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แต่เมื่อเดินลงมาสำรวจพร้อมลูกน้อง พบว่าหลังคาห้องประชุมและรถยนต์ถูกระเบิด จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
"เมื่อวันที่ 7 เมษายน เพิ่งกลับจากการเปิดอกเจรจากับแกนนำขบวนการกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้กลุ่มวะดะห์ช่วยแก้ปัญหา ซึ่งเข้าใจว่าคงจะมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางยุติความรุนแรงด้วยการเจรจา จึงต้องการข่มขู่ ซึ่งเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 เคยเกิดขึ้นที่บ้านมาแล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ครั้งนั้นทำให้หน้าบ้านเสียหาย"
**ไล่ตรวจกล้องวงจรปิดหาตัวคนร้าย
"ปัญหาภาคใต้เวลานี้ต้องช่วยกัน เพราะไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว ทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง ศอ.บต. รวมถึงการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นก็ต้องมีต่อไป เพียงแต่ขณะนี้มาเลเซียอยู่ในช่วงเลือกตั้ง คงต้องรอให้เสร็จก่อน เพราะการเจรจาต้องอาศัยผู้ใหญ่มาเลเซียช่วย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรกับการที่ประชาชนเรียกร้องให้ร.ต.อ.เฉลิมลงพื้นที่ นายนัจมุดดีน กล่าวว่า ความจริงแล้วผู้หลักผู้ใหญ่ต้องลงพื้นที่ แต่การลงบ่อยๆก็ไม่ค่อยดี เป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ลงเลยก็ไม่ได้ ซึ่งสิ้นเดือนเมษายนนี้กลุ่มวาดะห์จะประชุมร่วมกับร.ต.อ.เฉลิม
ล่าสุด พ.ต.อ.จิระเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดี และให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งไว้ตามเสาไฟฟ้าบนถนนระแงะมรรคา ที่มุ่งหน้าสู่บ้านเกิดเหตุ โดยให้รื้อฟื้นคดียิงเอ็ม 79 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันหรือไม่ เนื่องจากวิถีกระสุนที่ยิงใส่ คือ บนถนนหน้าบ้าน หลังลงมือก็ซ้อนท้ายจักรยานยนต์หลบหนีไป
**"ยะลา"ระทึกกู็ระเบิด2ลูกกลางเมือง
เวลา 05.30 น. ศูนย์วิทยุสภ.เมือง จ.ยะลา รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัย ภายในศาลาหน้าวิทยาลัยเทคนิค เขตเทศบาลนครยะลา จึงแจ้งพ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมือง พร้อมประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เข้าตรวจสอบ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบว่าวัตถุต้องสงสัยถูกนำไปวางไว้ในถังขยะหน้าศาลา เจ้าหน้าที่จึงทำการเก็บกู้
จากการตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง หนักประมาณ 1.50 กิโลกรัม 2 ลูก บรรจุในกล่องเหล็กมีสายไฟต่อเชื่อมกับโทรศัพท์มือถือ ต่อพ่วงกับถ่านขนาด 9 โวลต์ 4 ก้อน และสวิตซ์ไฟเหมือนกันทั้ง 2 ลูก พบว่าโทรศัพท์ตั้งเวลาปลุกไว้ที่ 19.00 น. จึงส่งเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 เพื่อเก็บลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอ
สอบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่กวาดขยะของเทศบาลนครยะลาพบถุงวางอยู่ในศาลา จึงได้เดินไปหยิบ แล้วนำไปใส่ในถังขยะ แต่เนื่องจากเป็นกล่องเหล็ก และมีโทรศัพท์มือถือพ่วงอยู่ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายตั้งใจที่จะให้เกิดระเบิดพร้อมกันในเวลา 19.00 น. วันที่ 7 เมษายน ที่มีเหตุระเบิด 4 จุด แต่อาจจะผิดพลาดในการต่อวงจร ระเบิดสองลูกนี้จึงไม่ทำงาน
**รวบ"ฮาซัน มูซอดี"ต้องสงสัยบึ้ม4จุด
ด้านพ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 กล่าวว่า ฉก.ยะลา 11 และตำรวจสภ.เมือง ปิดล้อมบ้านเลขที่ 10/3 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา พบตัวนายฮาซัน มูซอดี อายุ 24 ปี จึงได้เชิญตัวตามกฎอัยการศึก เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็น ขณะที่กำลังอีกส่วนเข้าตรวจค้นบ้านของนายฮาซัน เพื่อเก็บหลักฐานและดีเอ็นเอมาประกอบคดี อย่างไรก็ตามนายฮาซันให้การปฎิเสธไม่รู้เห็นกับเหตุดังกล่าว
เวลา 10.00 น. ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดบางนรา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสเป็นประธานพิธีรดน้ำศพอส.ทพ.ก้องเกียรติ แก่นดี ทหารพรานสังกัดกรมทหารที่ 11 และอส.ทพ.โสภณ เหมาะสม สังกัดกรมทหารพรานที่ 45 ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด ที่หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 7 กันยายน พร้อมวางพวงหรีดเคารพศพจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากนั้นได้มอบเหรียญบางระจัน ประกาศเกียรติคุณ และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา หลังเสร็จพิธี ได้ทำการเคลื่อนย้ายศพอส.ทพ.ก้องเกียรติ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดต.แม่กัวะ อ.สบปราบ จ.ลำปาง จ.ลำปาง ส่วนอส.ทพ.โสพล มีภูมิลำเนาอยู่ที่จ.ชุมพร แต่ญาติย้ายมาอยู่จ.นราธิวาส จึงให้ตั้งศพที่วัดบางนรา
เวลา 15.00 น. เครื่องบินซี 130 กองทัพอากาศ นำศพอส.ทพ.ก้องเกียรติ มาถึงท่าอากาศยานลำปาง โดยนายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พล.ต.สุมงคล ดิษบรรจง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี นายทหารระดับสูงในเครื่องแบบเต็มยศ หัวหน้าส่วนราชการ ทหารกองเกียรติยศ ตั้งแถวรับศพ รวมทั้งนางบุญตัน แก่นดี อายุ 48 ปี มารดา และนางธนาพร แก่นดี อายุ 35 ปี ภรรยา ที่อุ้มลูกสาววัย 7 เดือน มารอรับศพด้วย ซึ่งต่างเศร้าโศกเมื่อเห็นโลงศพถูกยกลงมาจากเครื่องบิน
จากนั้น ทหารกองเกียรติยศสดุดีด้วยการเป่าแตรเดี่ยว มีนางธนาพรเป็นคนถือภาพถ่าย นำขึ้นรถบรรทุกขทหาร นำศพไปยังภูมิลำเนา บ้านแม่กัว หมู่ 3 ต.แม่กัวะ อ.สบปราบ
**ล่า7แกนนำฆ่าทพ.-รวบมือป่วนปัตตานี
ด้านความคืบหน้าทางคดีนั้น พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ เตรียมนำกำลังร่วมกับกรมทหารพรานที่ 45 และกรมทหารพรานที่ 11 ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เพื่อไล่ล่าตัว 7 แกนนำสำคัญที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ คือ 1.นายยาการียา อาแวกาจิ 2.นายต่วนแซะ ต่วนกะจิ 3.นายอับดุลฮากิม ปูตะ 4.นายมูหะหมัด กาเด 5.นายอารง บือราเฮง 6.นายอัมรัน มิง 7.นายอุสนี บาโด ที่ต้องการสร้างศักยภาพระหว่างการพูดคุยเพื่อสันติภาพ มีนัยยะไม่ต้องการให้เกิดความสำเร็จ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้จัดชุดไล่ล่ามาแล้ว แต่หลบหนีการจับกุมไปได้
เวลา 14.40 น.พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พ.อ.ศานติ ศกุลตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 นำตัว 6 ผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน หลังบุกเข้าปิดล้อมบ้านปากาลือสง ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งกำหนดเป้าหมาย 12 คนซึ่งกบดานในพื้นที่ แต่อีก 6 คนไหวตัวทันหลบหนีไปได้
สำหรับผู้ต้องสงสัย ทั้ง 6 รายที่ควบคุมได้นั้น เนื่องจากการซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และผู้ต้องหาที่เข้ามามอบตัวตามมาตรา 21 ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบในอ.เมือง และอ.หนองจิก
พล.ต.ธวัช กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเป้าหมายหลักที่เฝ้าติดตามมาตลอด เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วม และเป็นพื้นที่ประชุมวางแผนเตรียมก่อเหตุร้าย ซึ่งผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนาให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะทุกคนก็ต้องการให้เกิดความสงบสุข
**กอ.รมน.สรุปไตรมาสแรกมี.ค.เหตุสูงสุด
ด้านกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า สรุปยอดความสูญเสียตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2556 ว่ามีผู้เสียชีวิต 5,003 ราย บาดเจ็บ 9,114 ราย โดยเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีการเจรจา เกิดเหตุรุนแรง 57 ครั้ง เป็นเหตุความมั่งคงทั้งหมด สูงสุดในรอบ 3 เดือนหรือไตรมาสแรกของปี 2556 โดยเดือนกุมภาพันธ์ มีเหตุรุนแรง 42 ครั้ง เดือนมีนาคม 46 ครั้ง
ด้านพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงกรณีลอบวางระเบิดรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา อาจเป็นเพราะการข่าวรั่วไหล มีหนอนบ่อนไส้แจ้งภารกิจว่า ในชั้นนี้ยังไม่ปรากฏ และไม่จำเป็นที่จะต้องทบทวนงานด้านการข่าว เพียงแต่เจ้าหน้าที่ต้องทำงานเข้มงวดมากขึ้น เพราะเป้าหมายอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ และขอยืนยันว่าการก่อเหตุร้ายช่วงนี้ไม่ใช่การยกระดับความรุนแรง แต่เป้าหมายเป็นการยกระดับสู่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
"การพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น วันที่ 29 เมษายนต้องดำเนินต่อไป ส่วนการที่ส.ว.บางคนเรียกร้องว่า การพูดคุยควรปรับรูปแบบ เพิ่มหลักประกันลดความเสี่ยงบุคคลในพื้นที่นั้น ช่วงนี้ถือเป็นการสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน พร้อมดูท่าทีกลุ่มบีอาร์เอ็นด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะไม่ประชุมทบทวนประเด็นการพูดคุยอีก เพราะเรื่องจบแล้ว"
**"มาร์ค"หนุนถกสันติภาพแต่อย่าบิดเบือน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ซึ่งผู้ก่อความไม่สงบยกระดับความรุนแรงไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ดังนั้นปลายเดือนเมษายน ที่รัฐบาลจะเจรจารอบสาม จะต้องพูดกับตัวแทนที่มาพูดคุยว่าต้องมีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นเป็นรูปธรรม ว่าจะลดความรุนแรงในพื้นที่ได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นก็มองไม่เห็นว่าจะนำไปสู่ความสันติสุขได้อย่างไร เพราะสองรอบก็พูดถึงการลดความรุนแรง แต่สถานการณ์ตรงกับข้าม
"ใครที่ติดตามข่าวก็มองว่าความรุนแรงในระยะหลัง ทำในเชิงสัญลักษณ์ หากรัฐบาลยังคิดว่าการเจรจาเป็นคนละส่วนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เท่ากับไม่ยอมรับความจริง และจะแก้ปัญหาไมได้ ขณะนี้ทุกคนเอาใจช่วย เพื่อให้การพูดคุยประสบความสำเร็จ แต่ถ้าการพูดคุยไม่สัมพันธ์กับการปฏิบัติในพื้นที่ก็แก้ปัญหาไม่ได้"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องฝ่ายค้าน เรื่องการเมือง เพราะเราก็ต้องการให้รัฐบาลทำสำเร็จ ต้องการเห็นความสงบสุข แต่อย่าปฏิเสธข้อเท็จจริง ตนเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจความรุนแรง เพราะผู้รับผิดชอบบางคนก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ฝากถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าต้องเข้ามาดูแลด้วยตนเอง กำหนดจุดยืนให้ชัดว่าต้องมีเงื่อนไขลดความรุนแรง ซึ่งเหตุระเบิดที่จ.ยะลา และการยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านนายนัจมุดดีนเป็นการทำเชิงสัญลักษณ์ ต้องการส่งสัญญาณแสดงความไม่ยอมรับ หรือไม่พึงพอใจบางอย่างกับกระบวนการและกลุ่มบุคคลที่เข้ามาพูดคุย
"ขอให้รัฐบาลเลิกบิดเบือน กล่าวหาว่าคนที่ท้วงติงไม่ต้องการให้พูดคุยสันติภาพ เพราะไม่เป็นความจริง เพียงแต่ทักท้วงว่าต้องให้ถูกวิธีเท่านั้น เพราะเมื่อก้าวมาแบบนี้แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ ส่วนกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิมไม่ลงพื้นที่ คิดว่านายกรัฐมนตรีต้องพิจารณาแล้วว่า ไปมอบงานให้คนที่ไม่เต็มใจทำงานทำไม"
**"ชวนนท์"เผยยอดตายเพิ่มจาก.พ.20ราย
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเดินหน้าในทิศทางที่ถูกต้อง มากกว่าการใช้การตลาดนำการเมือง เช่น การหยิบยกเรื่องการเจรจามาสร้างภาพ ทั้งที่พรรคเคยเตือนหลายครั้งว่า การทำอย่างไม่ระมัดระวัง ไม่รอบด้าน อาจทำให้กลุ่มอื่น ยกระดับความรุนแรงมากขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากรัฐบาล
"สถิติความรุนแรงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคมหลังการพูดคุยสันติภาพนั้น พบว่าเดือนมีนาคม มีผู้เสียชีวิต 53 ราย มากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 50 ราย แต่ถ้าตัดผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ก่อความไม่สงบ 18 ราย ออกจากเดือนกุมภาพันธ์ และ 1 รายในเดือนมีนาคม เท่ากับว่ามีผู้เสียชีวิตในเดือนมีนาคม มากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ถึง 20 ราย ซึ่งยังไม่รวมกรณีอุ้มฆ่านาวิกโยธิน และการสูญเสียรองผู้ว่าร่าชการจังหวัดยะลา และปลัดป้องกันจังหวัด แนวโน้มชัดเจนว่ามีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกทาง"
**"สุรนันท์"เชื่อในที่สุด"เหลิม"จะลงใต้
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมก็ทำงานอย่างหนัก ทุกคนแบ่งหน้าที่กัน ใครทำงานได้ก็ทำ และก็เบื่อร.ต.อ.เฉลิมจะลงไปดูแลทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่เช่นกัน ส่วนที่มองว่าการเจรจาเป็นการยกระดับความรุนแรง หรือยกระดับเป้าหมายนั้น ประเมินกันว่ากลุ่มที่พูดคุยก็เป็นกลุ่มหนึ่งกลุ่มที่ก่อการมีหลายกลุ่มที่มีความเห็นไม่ตรงกัน อาจมีทั้งสายพิราบ สายเหยี่ยว โดยสายที่ใช้ความรุนแรงเราเองพยายามที่จะใช้การพูดคุย
"มองว่าเป็นการยกระดับไหม คงไม่ใช่ แต่เป็นปฎิกิริยาของการที่รัฐกดดันลงไปในทุกพื้นที่ และรัฐบาลเปิดการพูดคุย ซึ่งมีหลายกลุ่ ที่ไม่อยากให้เกิดสันติภาพ เพราะอาจได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง ได้ประโยชน์ทางการเงิน และทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ที่นำเอาความสูญเสียประชาชนมาเป็นเดิมพัน"
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ยังคงมีการพูดคุยกันวันที่ 29 เมษายน ซึ่งการที่ประเทศมาเลเซียอยู่ระหว่างการเลือกตั้ง ก็ไม่กระทบการเจรจา เพรามาเลเซียไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานการเมือง แต่อยู่บนพื้นฐานการให้เกิดสันติภาพ ดังนั้นกระบวนการพูดคุยไม่ใช่อยู่ที่ตัวอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แต่เป็นกระบวนการเกี่ยวข้องของประเทศมาเลเซียทั้งหมด เพราะมีตัวแทนจากสภาความมั่นคงและตัวแทนสันติบาลของมาเลเซียเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
**นักวิชาการชี้เหตุรุนแรงยาวถึง29เม.ย.
นายศรีสมภพ จิตรภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า คาดว่าแนวโน้มความรุนแรงจะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงวันพูดคุยสันติภาพวันที่ 29 เมษายนนี้ อีกทั้งเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายต้องหยิบยกมาหารือร่วมกัน และอาจมีข้อเสนอหรือข้อตกลงบางอย่าง ที่มีความชัดเจนมากกว่าการพูดคุยรอบที่ผ่านมาแน่นอน ดังนั้นแนวโน้มจะมีความหนักหน่วงต่อเนื่อง ขณะที่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเหตุรุนแรงมีความเชื่อมโยง หรือเกี่ยวเนื่องกับแนวทางการพูดคุยหรือไม่ เพราะการพูดคุยที่ผ่านมาไม่มีการตกลงเรื่องใด ดังนั้นการอ้างเหตุผลว่าเหตุรุนแรงมีผลมาจากโต๊ะพูดคุย ก็เป็นเรื่องที่ชี้ชัดได้ยากเช่นกัน
**น้องอดีตนอภ.ไม้แก่นเผยช่วยแค่ลมปาก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.นครศรีธรรมราช ว่าครอบครัวของนายชยพัทธ์ รักษายศ อดีตนายอำเภอไม้แก่น จ.ปัตตานี ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2550 ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงรายแรกๆที่เสียชีวิต ได้สูญเสียนางชม รักษายศ มารดาของนายชยพัทธ์ ซึ่งถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 06.00 น. วานนี้ (8 เม.ย.) โดยนางชมเป็นเจ้าของรางวัลแม่ดีเด่นนครศรีธรรมราชปี 2550
นางทองชุม ราชรักษ์ น้องสาวของนายชยพัทธ์ กล่าวว่า วันนี้ครอบครัวสูญเสียแม่ไปอีกคน โดยทิ้งช่วงห่างกันเพียง 5 ปีเท่านั้น ซึ่งแม่ได้รับเงินเดือน 6,000 บาท แต่สิ่งที่ทางการเคยรับปากจะช่วยเหลือครอบครัวสมัยที่พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายพงศ์โพยม วาศภูติ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยรับปากกับแม่จะให้สิทธินายวิฑูรย์ ราชรักษ์ น้องเขยนายชยพัทธ์เข้าอบรมในโรงเรียนนายอำเภอ ปรากฏว่ารับปากแล้วก็สูญเปล่า ไม่ให้โอกาสเยียวยา จนปัจจุบันแม่ได้เสียชีวิตแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ทั้งนี้ ศพของนางชมจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดควนสะตอ หมู่ 5 ต.ไสหร้า อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ที่เดียวกันกับศพของนายชยพัทธ์ โดยจะกำหนดวันฌาปณกิจอีกครั้ง.