xs
xsm
sm
md
lg

ความรับผิดชอบของผบ.ทบ. ในสถานการณ์ไฟใต้วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**การเสียชีวิตของ พลทหารมะอีลา โตะลู สังกัดพัน ร.7 กองพลนาวิกโยธินภาคใต้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นับเป็นคดีที่สั่นสะเทือนขวัญทั้งคนภาคใต้ และคนไทยอย่างรุนแรง
เนื่องจากเป็นการกระทำที่อุกอาจ และเลือดเย็นยิ่ง เพราะเป็นการอุ้มจากบ้านพักไปสังหาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อล้างแค้น หลังจากที่กลุ่มโจรใต้ถูกวิสามัญฆาตกรรมไป 17 ศพ จากการบุกเข้าโจมตีฐานทหาร แต่ไม่สำเร็จ
ในขณะที่รัฐบาลยังมะงุมมะงาหลา บอกไม่ได้ว่าไอ้คนที่มาเจรจากับ สมช. ถึงสองครั้งแล้วนั้น เป็นคนที่กุมสภาพคนที่จับอาวุธทำร้ายประชาชน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้จริงหรือไม่ แต่ก็ยังดันทุรังที่จะถือกระดาษเปล่าเข้าไปพูดคุย พร้อมยื่นปากกาให้โจรเสนอความต้องการ เพื่อให้รัฐปฏิบัติ แต่กลับขาดมาตรการที่ชัดเจนว่า จะดำเนินการอย่างไร หากกลุ่มโจรใต้ที่มาเจรจาไม่สามารถยุติความรุนแรงในพื้นที่ได้
**เลวร้ายไปกว่านั้นคือคำพูดของ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯสมช. ที่บอกหน้าตาเฉย ว่า “ไม่มีการล้มโต๊ะเจรจา ถ้าไม่ใช่ตัวจริง เดี๋ยวตัวจริงก็ต้องโผล่ออกมาเพราะมันอยู่ด้วยกัน ”
คำกล่าวข้างต้นสะท้อนว่า เลขาฯสมช. กำลังเอาความมั่นคงของชาติและชีวิตคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปตายเอาดาบหน้า หรือพูดแบบดิบๆ คือ ปล่อยให้ตายไปเรื่อยๆ โดยไม่อนาทรร้อนใจเพราะนายกฯยิ่งลักษณ์เอง ก็เคยพูดชัดเจนถึงการเสียชีวิตของทหาร 5 ศพ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ว่า “เป็นเหมือนชีวิตประจำวันที่ทำอยู่” มาแล้ว
ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่ฝ่ายรัฐจะท่องคาถามาสูตรเดียวกันว่า การบาดเจ็บ ล้มตาย จากการก่อเหตุไม่สงบนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจา ซึ่งถือเป็นการพูดที่ไร้ความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
เพราะสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังการเจรจาสันติภาพอวดสื่อมวลชน และชาวโลกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นำมาซึ่งการโจมตีอย่างมีเป้าหมายของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ โดยพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ทหารเป็นหลัก และดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์ ที่เห็นชัดเจนว่าต้องการประกาศสงครามกับรัฐ แทนการเจรจา
ความจริงข้างต้นย่อมแสดงให้เห็นว่า คนที่ สมช.ไปคุยด้วยนั้น ไม่สามารถควบคุมผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงได้ ตรงกันข้ามกลุ่มคนเหล่านั้นกำลังมีปฏิกิริยาโต้กลับที่รุนแรง และอุกอาจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังคุยผิดตัว
ที่น่าเศร้่าไปกว่านั้นคือ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯสมช. คุยฟุ้ง เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา อ้างถึงผลสำเร็จในการเจรจา ถึงกับระบุว่า มีการลงนามใน ทีโออาร์ สันติภาพกับตัวแทนบีอาร์เอ็น ว่าจะลดความรุนแรง โดยอ้างว่ามีกรอบเวลาพิสูจน์ถึงวันที่ 29 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่กำหนดให้มีการเจรจารอบที่สาม ว่า บีอาร์เอ็น ที่มาคุยด้วยมีความเป็นหนึ่งเดียวรวมได้ทุกกลุ่มแล้ว
แต่หลังจากนั้น ก็เกิดเหตุลอบวางระเบิดทหารอย่างต่อเนื่อง จนถึงการอุ้มพลทหารมะอีลา โตะลู ไปฆ่า และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ วันที่ 4 เมษายน 3556 ก็มีการลอบวางระเบิดรถบัสทหาร ที่กรงปินัง จ.ยะลา ระหว่างเดินทางกลับจากการคัดเลือกทหารเกณฑ์ เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 15 นาย
ถามว่านี่ยังไม่เพียงพอที่จะกระตุกสำนึกของรัฐบาลให้กลับมาทบทวน หรือว่าสิ่งที่ได้ดำเนินการไปนั้นมันล้มเหลว และกำลังทำให้ชีวิตของทหาร และประชาชนในพื้นที่ มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะไร้สมองในการคิดเพื่อปกปักรักษาชีวิตประชาชน เพราะมุ่งแต่การใช้ความมั่นคงมาสร้างภาพทางการเมือง โดยไม่สนใจถึงผลกระทบที่ไม่ได้สร้างความสูญเสียเฉพาะทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังหมายถึง เลือดเนื้อ และชีวิตของคนไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
คนที่สมควรให้คำตอบดัง ๆ กับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองก่อนเป็นอันดับแรกคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่สนับสนุนการเจรจาแบบกลับหัวกลับหาง เอารัฐไปการันตีโจร แทนที่จะเป็นการพูดคุยในระดับเจ้าหน้าที่เงียบๆ วางกรอบกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เหมือนในอดีตว่า
ท่านจะมีหน้าไปพบครอบครัวทหารที่สูญเสีย หรือจะพูดปลอบโยนวิญญาณทหารหาญที่สละชีพเพื่อปกป้องชาติอย่างไร เพราะขณะนี้ชีวิตของทหารได้กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างอำนาจต่อรองกับฝ่ายรัฐ ของกลุ่มก่อความไม่สงบไปเรียบร้อยแล้ว
ที่สำคัญคือ ผบ.ทบ. เคยรับทราบบ้างหรือไม่ว่า ไอ้คนที่มันวางแผนเจรจากับโจรใต้ นอกจากเป้าหมายสุดท้ายจะอยู่ที่การแยกดินแดน หรือการตั้งเขตปกครองพิเศษที่จะใช้กฎหมายอิสลามและกฎระเบียบอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะเป็นการบีบให้คนไทยพุทธ ไม่สามารถใช้ชีวิตในพื้นที่ได้แล้ว
**พวกมันยังอำมหิตถึงขนาดไปพูดคุยลับๆ ว่า ถ้าก่อเหตุให้ฆ่าทหาร และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ดูเหมือนจะสอดรับกับกระแสข่าวนี้อย่างน่ากลัว
ผบ.ทบ.รู้หรือเปล่าว่า พล.ท.ภราดร มีแผนที่จะเสนอให้ย้ายทหารออกนอกพื้นที่ โดยเริ่มต้นจากพิ้นที่ที่อ้างว่าจะทำเป็นพื้นที่เศรษฐกิจก่อน และให้ตำรวจตระเวนชายแดน เข้าไปทำหน้าที่แทน และผบ.ทบ.รู้ไหมว่า ที่เขาทำเช่นนี้นอกจากจะนำเรื่องเศรษฐกิจ การลงทุนมาบังหน้าแล้ว เขายังยอมรับดัง ๆ เลยว่า การถอนทหารออกไปคือส่วนหนึ่งในความต้องการของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ปิดหน้าคุยกับตัวแทนรัฐบาล
ถ้าพล.อ.ประยุทธ ไม่เคยรับรู้ หรือไม่เคยคิดเชื่อมโยงข้อมูล ก็ขอให้รู้ไว้ว่า ลูกน้องของท่านเสี่ยงตายมากกว่าที่เขาเคยเสี่ยง ความเป็นรัฐไทย ที่ต้องเป็นอาณาจักรหนึ่งเดียวสุ่มเสี่ยงที่จะถูกแบ่งแยก แม้ว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นในยุคสมัยที่ท่านเป็น ผบ.ทบ. แต่อนาคตในอีกหลายปีข้างหน้าเมื่อท่านพ้นจากราชการไปแล้ว ท่านก็มิอาจพ้นความรับผิดชอบที่จะถูกสาปแช่งจากคนรุ่นหลังว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ ผบ.ทบ.ที่ ยืนมองลูกน้องตายและปล่อยให้ฝ่ายการเมืองชั่ว ๆ ค่อย ๆ เฉือนดินแดนภาคใต้ออกไป โดยที่ไม่ได้พยายามยับยั้งใดๆ เลย
**หากเป็นเช่นนั้นจริงอย่าว่าแต่จะเรียกตัวเองว่าเป็นรั้วของชาติไม่ได้เลย แม้แต่จะบอกตัวเองว่าเป็น “คนไทย” ก็ยังไม่สมควร
กำลังโหลดความคิดเห็น