วานนี้ (2 เม.ย.56) น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ (2 เม.ย.) ตนได้ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์และคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสัญญาข้าวรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) จากกรณีที่ได้ทำการตรวจสอบการขายข้าวแบบจีทูจีและได้แถลงข่าวผลสรุปการตรวจสอบว่า บริษัทจีเอสเอสจีมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลจีนจริง ซึ่งตนมองว่าเป็นการสอบที่ผิดประเด็น
ประเด็นสำคัญเรื่องนี้ คือการขายข้าวแบบจีทูจีมีจริงหรือไม่ และไม่มีการนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวแบบจีทูจี เอกสารการชำระเงินจากรัฐบาลจีน เอกสารการมอบอำนาจจากบริษัทจีเอสเอสจีให้นายรัฐนิจ โสจิระกุล มาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยมาแสดง ซึ่งตนจึงได้ร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงว่า นางวัชรีและคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสัญญาข้าวรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) มีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ จากการที่บิดเบือนความจริงว่าบริษัทจีเอสเอสจีเป็นรัฐวิสาหกิจจีน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง และเป็นการปกปิดความจริงที่ควรต้องเปิดเผยเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลสร้างความเสียหายต่อประเทศในหลายด้าน ทั้งปัญหาเงินหมุนเวียนจากการไม่สามารถขายข้าวแข่งขันในตลาดโลกได้ ทำให้ปริมาณสต๊อกข้าวสูงขึ้น
นอกจากนี้ การเร่งปลูกข้าวพันธุ์ที่มีอายุสั้น เพื่อนำเข้าโครงการรับจำนำเป็นปัจจัยสำคัญที่ลดทอนคุณภาพข้าวไทยในตลาดโลก ซึ่งรัฐบาลควรยกเลิกโครงการรับจำนำ หรือทบทวนด้วยการจำกัดปริมาณข้าว ไม่ใช่รับจำนำข้าวทุกเมล็ด ซึ่งจากการประเมินคาดว่า โครงการรับจำนำข้าวจะทำให้รัฐบาลขาดทุนปีละ 17,000 ล้านบาท จากการระบายข้าวที่ต่ำกว่าทุน นอกจากนี้นักวิชาการจาก TDRI เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการขายข้าวให้ประชาชนรับทราบ เพื่อความโปร่งใส
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์จะไม่เปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวของรัฐบาลทั้งในรูปแบบของการขายรัฐต่อรัฐ หรือ G2G ขณะที่การประมูลข้าวทั่วไป แม้จะมีการเปิดเผยข้อมูล แต่รัฐเปิดประมูลข้าวทั่วไปน้อยมาก ซึ่งผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ระบุว่า รัฐบาลใช้วิธีระบายข้าวแบบลับ โดยเรียกเอกชนเข้ามาเสนอซื้อเป็นราย
ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนคดีทุจริตจำนำข้าวนั้น นายกล้านรงค์ จันทิก ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวกล่าวว่า การไต่สวนคืบหน้าไปมาก สอบปากคำไปได้หลายปากแล้ว ขณะนี้ยังรอเอกสารที่ร้องขอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ซึ่งทยอยส่งมาให้เพียงบางส่วน ซึ่งป.ป.ช.ร้องขอไปแล้วถึงสองครั้ง เช่น ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ ที่ส่งมาเพียงบางส่วน โดยครั้งแรกร้องขอไปเมื่อเดือนมกราคม แต่กระทรวงพาณิชย์แจ้งกลับมาเมื่อวันที่ 15 มีนาคมว่า ขอเวลาอีก 45 วันรวบรวมเอกสารหลักฐานก่อนส่งมาให้ ทั้งนี้ หากครบกำหนดเวลาแล้ว หน่วยงานดังกล่าวยังไม่ส่งเอกสารมาให้ ป.ป.ช.จะเชิญมาชี้แจงและสอบปากคำ พร้อมให้นำเอกสารหลักฐานมาด้วย
ประเด็นสำคัญเรื่องนี้ คือการขายข้าวแบบจีทูจีมีจริงหรือไม่ และไม่มีการนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวแบบจีทูจี เอกสารการชำระเงินจากรัฐบาลจีน เอกสารการมอบอำนาจจากบริษัทจีเอสเอสจีให้นายรัฐนิจ โสจิระกุล มาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยมาแสดง ซึ่งตนจึงได้ร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงว่า นางวัชรีและคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสัญญาข้าวรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) มีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ จากการที่บิดเบือนความจริงว่าบริษัทจีเอสเอสจีเป็นรัฐวิสาหกิจจีน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง และเป็นการปกปิดความจริงที่ควรต้องเปิดเผยเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลสร้างความเสียหายต่อประเทศในหลายด้าน ทั้งปัญหาเงินหมุนเวียนจากการไม่สามารถขายข้าวแข่งขันในตลาดโลกได้ ทำให้ปริมาณสต๊อกข้าวสูงขึ้น
นอกจากนี้ การเร่งปลูกข้าวพันธุ์ที่มีอายุสั้น เพื่อนำเข้าโครงการรับจำนำเป็นปัจจัยสำคัญที่ลดทอนคุณภาพข้าวไทยในตลาดโลก ซึ่งรัฐบาลควรยกเลิกโครงการรับจำนำ หรือทบทวนด้วยการจำกัดปริมาณข้าว ไม่ใช่รับจำนำข้าวทุกเมล็ด ซึ่งจากการประเมินคาดว่า โครงการรับจำนำข้าวจะทำให้รัฐบาลขาดทุนปีละ 17,000 ล้านบาท จากการระบายข้าวที่ต่ำกว่าทุน นอกจากนี้นักวิชาการจาก TDRI เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการขายข้าวให้ประชาชนรับทราบ เพื่อความโปร่งใส
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์จะไม่เปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวของรัฐบาลทั้งในรูปแบบของการขายรัฐต่อรัฐ หรือ G2G ขณะที่การประมูลข้าวทั่วไป แม้จะมีการเปิดเผยข้อมูล แต่รัฐเปิดประมูลข้าวทั่วไปน้อยมาก ซึ่งผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ระบุว่า รัฐบาลใช้วิธีระบายข้าวแบบลับ โดยเรียกเอกชนเข้ามาเสนอซื้อเป็นราย
ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนคดีทุจริตจำนำข้าวนั้น นายกล้านรงค์ จันทิก ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวกล่าวว่า การไต่สวนคืบหน้าไปมาก สอบปากคำไปได้หลายปากแล้ว ขณะนี้ยังรอเอกสารที่ร้องขอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ซึ่งทยอยส่งมาให้เพียงบางส่วน ซึ่งป.ป.ช.ร้องขอไปแล้วถึงสองครั้ง เช่น ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ ที่ส่งมาเพียงบางส่วน โดยครั้งแรกร้องขอไปเมื่อเดือนมกราคม แต่กระทรวงพาณิชย์แจ้งกลับมาเมื่อวันที่ 15 มีนาคมว่า ขอเวลาอีก 45 วันรวบรวมเอกสารหลักฐานก่อนส่งมาให้ ทั้งนี้ หากครบกำหนดเวลาแล้ว หน่วยงานดังกล่าวยังไม่ส่งเอกสารมาให้ ป.ป.ช.จะเชิญมาชี้แจงและสอบปากคำ พร้อมให้นำเอกสารหลักฐานมาด้วย
