ASTV ผู้จัดการรายวัน-นศ.ม.รามฯ ปี 3 ที่ร่วมรุมทำร้ายรปภ. ควงทนายโร่พบตำรวจกลางดึกตามหมายจับ อ้างถูกกระทำก่อน พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยตำรวจไม่อนุญาตให้ประกันตัว ก่อนนำตัวขออำนาจศาลฝากขัง
วานนี้ (21 มี.ค.) นายปัญจพล เตือนภักดี หรือบิ๊ก อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 ซอยเรือนทอง แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ นศ.ภาคพิเศษคณะบริหารธุรกิจปี 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับคดีทำร้ายร่างการเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส จากกรณีทำร้ายร่างกาย รปภ. ม.รามคำแหง เมื่อวันที่ 17 มี.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ สน.หัวหมากตั้งแต่เวลา 23.30 ของวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาสอบปากคำไปกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังคงสอบปากคำและควบคุมตัวนายปัญจพลต่อไป โดยมีทนายและบิดาร่วมให้ปากคำด้วย นอกจากนี้ ยังมีญาติมิตรมาเฝ้าให้กำลังใจที่หน้า สน.หัวหมากท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวกันอย่างคับคั่ง
พ.ต.ท.โกเมน สุภาพ พงส.ผนพ.สน.หัวหมาก กล่าวว่า การที่ผู้ต้องหาเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ เนื่องจากว่าถูกออกหมายจับ อีกทั้งเป็นเจ้าของรถเก๋งเชฟโรเลต ครูซ สีบรอนซ์ ทะเบียน ฏม 7373 ซึ่งเป็นรถที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว และได้ควบคุมตัวสอบปากคำต่อไป
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.จงจรัส ฉายเรืองโชติ พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก คุมตัวนายปัญจพล ไปฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.-1 เม.ย.2556
โดยคำร้องฝากขังระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2556 เวลา 08.30 น. ผู้ต้องหาขับรถยนต์ ยี่ห้อเชฟโรเลต ครูซ สีขาว ทะเบียน ฎม.7373 กรุงเทพมหานคร ขับมาจอดที่สามแยกมุมตึกคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายทวิชาติ สร้อยมาศ อายุ 52 ปี พนักงาน รปภ. จึงเดินเข้าไปแจ้งกับผู้ต้องหาว่า ห้ามจอดในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเป็นจุดอันตราย ก่อนขยับแผงเหล็กป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขวางตรงจุดจอดรถดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ต้องหากับพวกที่โดยสารมาด้วยไม่พอใจ ด่าทอและเข้าไปชกต่อย นายทวิชาติ หลายครั้ง ก่อนจะหลบหนีขึ้นตึกคณะบริหารธุรกิจ
ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ขณะที่นายทวิชาติ รับประทานอาหารอยู่ที่ชั้น 1 ตึกคณะบริหารธุรกิจ (ตึกใหม่) ผู้ต้องหาพร้อมพวกรวม 6 คน ใช้อาวุธไม้เข้ารุมทำร้าย นายทวิชาติอีก เมื่อนายทวิชาติวิ่งหนีไปทางด้านหลังตึก ผู้ต้องหากับพวกก็วิ่งตามมารุมทำร้าย เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ กระดูกขาขวาหัก, ศีรษะแตกสองจุด ก่อนพากันหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ นายทวิชาติจึงมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมากดำเนินคดี ตลอดข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา83 และมาตรา297
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนยังระบุว่า ได้ทำการสอบสวน แต่ไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบพยานอีก 7 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติการ และอื่นๆ เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน จึงขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาต่อไปอีก 12 วัน และขอคัดค้านการประกัน เพราะเกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจารณาแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง
วานนี้ (21 มี.ค.) นายปัญจพล เตือนภักดี หรือบิ๊ก อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 ซอยเรือนทอง แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ นศ.ภาคพิเศษคณะบริหารธุรกิจปี 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับคดีทำร้ายร่างการเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส จากกรณีทำร้ายร่างกาย รปภ. ม.รามคำแหง เมื่อวันที่ 17 มี.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ สน.หัวหมากตั้งแต่เวลา 23.30 ของวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาสอบปากคำไปกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังคงสอบปากคำและควบคุมตัวนายปัญจพลต่อไป โดยมีทนายและบิดาร่วมให้ปากคำด้วย นอกจากนี้ ยังมีญาติมิตรมาเฝ้าให้กำลังใจที่หน้า สน.หัวหมากท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวกันอย่างคับคั่ง
พ.ต.ท.โกเมน สุภาพ พงส.ผนพ.สน.หัวหมาก กล่าวว่า การที่ผู้ต้องหาเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ เนื่องจากว่าถูกออกหมายจับ อีกทั้งเป็นเจ้าของรถเก๋งเชฟโรเลต ครูซ สีบรอนซ์ ทะเบียน ฏม 7373 ซึ่งเป็นรถที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว และได้ควบคุมตัวสอบปากคำต่อไป
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.จงจรัส ฉายเรืองโชติ พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก คุมตัวนายปัญจพล ไปฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.-1 เม.ย.2556
โดยคำร้องฝากขังระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2556 เวลา 08.30 น. ผู้ต้องหาขับรถยนต์ ยี่ห้อเชฟโรเลต ครูซ สีขาว ทะเบียน ฎม.7373 กรุงเทพมหานคร ขับมาจอดที่สามแยกมุมตึกคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายทวิชาติ สร้อยมาศ อายุ 52 ปี พนักงาน รปภ. จึงเดินเข้าไปแจ้งกับผู้ต้องหาว่า ห้ามจอดในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเป็นจุดอันตราย ก่อนขยับแผงเหล็กป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขวางตรงจุดจอดรถดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ต้องหากับพวกที่โดยสารมาด้วยไม่พอใจ ด่าทอและเข้าไปชกต่อย นายทวิชาติ หลายครั้ง ก่อนจะหลบหนีขึ้นตึกคณะบริหารธุรกิจ
ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ขณะที่นายทวิชาติ รับประทานอาหารอยู่ที่ชั้น 1 ตึกคณะบริหารธุรกิจ (ตึกใหม่) ผู้ต้องหาพร้อมพวกรวม 6 คน ใช้อาวุธไม้เข้ารุมทำร้าย นายทวิชาติอีก เมื่อนายทวิชาติวิ่งหนีไปทางด้านหลังตึก ผู้ต้องหากับพวกก็วิ่งตามมารุมทำร้าย เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ กระดูกขาขวาหัก, ศีรษะแตกสองจุด ก่อนพากันหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ นายทวิชาติจึงมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมากดำเนินคดี ตลอดข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา83 และมาตรา297
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนยังระบุว่า ได้ทำการสอบสวน แต่ไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบพยานอีก 7 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติการ และอื่นๆ เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน จึงขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาต่อไปอีก 12 วัน และขอคัดค้านการประกัน เพราะเกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจารณาแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง