ASTVผู้จัดการรายวัน- ทรูวิชั่นส์เล็งเกาะซีทีเอชจับพรีเมียร์ลีกลงแพลทฟอร์ม เพียงรอสัญญาณไฟเขียวให้เกิดการเจรจาก่อน ล่าสุดตั้งแผนรับมือในสถานการณ์ที่วันนี้ไม่มีพรีเมียร์ลีกไว้แล้ว คาดใน 30 วันสรุปผลพร้อมโชว์รูปแบบการให้บริการลูกค้าเต็มอิ่ม โวในมือยังมีกีฬาดังอีกเพียบ พร้อมคอนเท้นท์รายการดีๆมากมายทั้งเพลง หนัง ซีรีย์ รวมถึงเตรียมผุดช่องเอชดีเพิ่ม มั่นใจยังรักษาอัตราการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 15% เท่าปีก่อนได้แน่
นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่สถาณการณ์ของธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมจะมีการแข่งขันสูงที่สุดอีกปีหนึ่ง ทั้งในส่วนของผู้เล่นที่เข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้น รวมถึงเรื่องของทีวีดิจิตอลที่ส่งผลต่อตลาดเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมด้วยเช่นกัน ในส่วนของทรูวิชั่นส์ปีนี้ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ต้องมีการปรับตัวรับมือกับสถาณการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ถือว่าหนักกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าช่วงปลายปีนี้จะไม่มีพรีเมียร์ลีกก็ตาม
โดยตามแผนการดำเนินงาน ภายใน 30วันนี้พร้อมสรุปความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของทรูวิชั่นส์แก่สมาชิกและผู้ที่สนใจได้รับทราบ โดยเฉพาะรูปแบบการให้บริการที่จะเกิดขึ้นในวันที่ไม่มีพรีเมียร์ลีก โดยทางบริษัทได้มีการศึกษา สำรวจความคิดเห็นและเปิดรับทุกโมเดลที่มีความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาแพกเกจ เพิ่มแพกเกจใหม่ๆ หรือเพิ่มคอนเท้นท์พิเศษให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องระบบเอชดีอีกส่วนหนึ่งด้วย เพื่อตอบสนองความคุ้มค่าในการใช้บริการให้มากที่สุดแก่สมาชิก
นายองอาจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามทางบริษัทพร้อมเปิดกว้างสำหรับคอนเท้นท์พรีเมียร์ลีกที่ทางซีทีเอชได้ลิขสิทธิ์ไป หากต้องการให้นำมาบริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดต่อ ซึ่งบริษัทพร้อมเปิดให้มีการเจรจาเต็มที่ทุกรูปแบบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเข้ามาแต่อย่างไร ซึ่งหากมีการเจรจาเกิดขึ้นจริง ทางบริษัทจะต้องมองถึงเรื่องของราคา, ปริมาณคู่แข่งขัน, คุณภาพของแต่ละคู่การแข่งขัน รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องบางส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการบริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดต่อในครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันทรูวิชั่นส์ยังมีคอนเท้นท์รายการดีๆอีกมากมาย โดยเฉพาะรายการกีฬาเช่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก, วอลเล่ห์บอลไทยแลนด์ลีก, ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก ที่ได้ซื้อคู่การแข่งขันเพิ่มอีก 34 คู่ รวมเป็น 238 คู่ ในฤดูกาลนี้ อีกทั้งยังมีกีฬาดังบาสเก็ตบอล, กอล์ฟ, รถแข่งเอฟ1, มวย, สนุ๊กเกอร์ จากจำนวนช่องกีฬาทั้งหมด 21 ช่อง รวมถึงคอนเท้นท์ดีๆอีกมากมาย น่าจะยังคงรักษากลุ่มฐานผู้ชมระดับพรีเมี่ยมไว้ได้ จากปัจจุบันยังไม่พบตัวเลขในกลุ่มนี้ว่าหายไปเท่าไร แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่ไม่มีพรีเมียร์ลีกจริงๆอาจจะหายไปเพียง 2-3% เท่านั้น จากฐานสมาชิกกว่า 4 แสนรายในแพกเกจแพลทินัม โดยทั้งปียังมองว่าจะมีรายได้เติบโตที่ 15%เท่าปีที่ผ่านมาได้ จากฐานสมาชิกรวมกว่า 2 ล้านครวเรือนทั่วประเทศ
นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่สถาณการณ์ของธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมจะมีการแข่งขันสูงที่สุดอีกปีหนึ่ง ทั้งในส่วนของผู้เล่นที่เข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้น รวมถึงเรื่องของทีวีดิจิตอลที่ส่งผลต่อตลาดเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมด้วยเช่นกัน ในส่วนของทรูวิชั่นส์ปีนี้ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ต้องมีการปรับตัวรับมือกับสถาณการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ถือว่าหนักกว่าปีที่ผ่านมา แม้ว่าช่วงปลายปีนี้จะไม่มีพรีเมียร์ลีกก็ตาม
โดยตามแผนการดำเนินงาน ภายใน 30วันนี้พร้อมสรุปความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของทรูวิชั่นส์แก่สมาชิกและผู้ที่สนใจได้รับทราบ โดยเฉพาะรูปแบบการให้บริการที่จะเกิดขึ้นในวันที่ไม่มีพรีเมียร์ลีก โดยทางบริษัทได้มีการศึกษา สำรวจความคิดเห็นและเปิดรับทุกโมเดลที่มีความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาแพกเกจ เพิ่มแพกเกจใหม่ๆ หรือเพิ่มคอนเท้นท์พิเศษให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องระบบเอชดีอีกส่วนหนึ่งด้วย เพื่อตอบสนองความคุ้มค่าในการใช้บริการให้มากที่สุดแก่สมาชิก
นายองอาจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามทางบริษัทพร้อมเปิดกว้างสำหรับคอนเท้นท์พรีเมียร์ลีกที่ทางซีทีเอชได้ลิขสิทธิ์ไป หากต้องการให้นำมาบริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดต่อ ซึ่งบริษัทพร้อมเปิดให้มีการเจรจาเต็มที่ทุกรูปแบบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเข้ามาแต่อย่างไร ซึ่งหากมีการเจรจาเกิดขึ้นจริง ทางบริษัทจะต้องมองถึงเรื่องของราคา, ปริมาณคู่แข่งขัน, คุณภาพของแต่ละคู่การแข่งขัน รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องบางส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการบริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดต่อในครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันทรูวิชั่นส์ยังมีคอนเท้นท์รายการดีๆอีกมากมาย โดยเฉพาะรายการกีฬาเช่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก, วอลเล่ห์บอลไทยแลนด์ลีก, ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก ที่ได้ซื้อคู่การแข่งขันเพิ่มอีก 34 คู่ รวมเป็น 238 คู่ ในฤดูกาลนี้ อีกทั้งยังมีกีฬาดังบาสเก็ตบอล, กอล์ฟ, รถแข่งเอฟ1, มวย, สนุ๊กเกอร์ จากจำนวนช่องกีฬาทั้งหมด 21 ช่อง รวมถึงคอนเท้นท์ดีๆอีกมากมาย น่าจะยังคงรักษากลุ่มฐานผู้ชมระดับพรีเมี่ยมไว้ได้ จากปัจจุบันยังไม่พบตัวเลขในกลุ่มนี้ว่าหายไปเท่าไร แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่ไม่มีพรีเมียร์ลีกจริงๆอาจจะหายไปเพียง 2-3% เท่านั้น จากฐานสมาชิกกว่า 4 แสนรายในแพกเกจแพลทินัม โดยทั้งปียังมองว่าจะมีรายได้เติบโตที่ 15%เท่าปีที่ผ่านมาได้ จากฐานสมาชิกรวมกว่า 2 ล้านครวเรือนทั่วประเทศ