วานนี้ (24 ก.พ.56) นายพร้อมพงษ์ นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีโรงพักทดแทนว่า สัญญาจะหมดในวันที่ 14 มีนาคมนี้แต่ บริษัทพีซีซี ขูว่าจะฟ้องร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากยกเลิกสัญญาว่าจ้างให้ก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทที่ได้เข้าประมูลโครงการทั้ง 8 บริษัท ได้ทำหนังสือคันค้านโครงการนี้ตั้งแต่ 3 พ.ย.52 ว่ามีการประมูลฟันราคาไปแล้วกว่า 500 ล้านและหากรวบเป็นสัญญาเดียวจะเสร็จไม่ทันกำหนดแต่ในวันที่ 14 มีนาคม 52พ.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ได้เสนอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯอนุมัติ วันที่ 20 พ.ย. 52 ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าจะทำไม่ได้ทันทั่วประเทศและเข้าข่ายฮั้วประมูล
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่าควรยกเลิกสัญญาเพราะประชาชนชนและตำรวจในพื้นที่ที่สร้างโรงพักทดแทนไม่เสร็จสักแห่งเดียว หากปล่อยให้ดำเนินการต่อเป็นห่วงความเดือดร้อนของตำรวจและประชาชนที่ไม่มีโรงพักทดแทนมาสองปีกว่าเดือนร้อนมาก จากตรวจสอบของคณะกรรมมาธิการปปช.พบว่าบริษัทพีซีซี เอง รู้ตั้งแต่ต้นว่าทำไม่เสร็จตามสัญญา ได้มีการทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ด้วยว่าเป็นสัญญาแบบรวบอำนาจไว้บริษัทเดียวและยังได้ไปว่าจ้างอีก 7 บริษัทมาซับงาน ทำให้เห็น มีตัวละครรู้เห็นทั้ง ฝ่ายข้าราขการประจำ การเมือง บ.เอกชน ต้องมีผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะขณะนี้โรงพักทดแทนกลายสภาพมีหญ้าปกคลุม เป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษ เด็กเล็กผ่านไม่ได้เป็นอันตราย เป็นสิ่งควรได้ประโยนช์กลับเป็นเรื่องที่แย่ เชื่อว่าเรื่องนี้ข้าราขการตำรวจเล็กๆ เอกชน ดำเนินการฝ่ายเดียวไม่ได้ จะเป็นคดีตัวอย่างปราบปรามทุจริต หลังจากเรืิ่องนี้ปล่อยให้มีการต่อสัญญาถึง 3 ครั้ง เงื่อนไขที่บ. พีซีซี จะฟ้อง ตร.ขอให้บ.พีซีซี มีธรรมาภิบาล ว่าทำต่อไปเสร็จจริง หรือไม่ เพราะ 450 วันที่ผ่านมารวมสองปีกว่า ยังไม่ไหว ทำต่อไปจะเสร็จหรือไม่ ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชนและตำรวจทั่วประเทศด้วย.
วันเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก ส.ว.สรรหา เลขานุการคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา กล่าวว่าตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า บริษัทพีซีซี ดีเวลลอปเมนท์แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เข้าข่ายมีเจตนาฉ้อโกง โครงการจัดสร้างสถานีตำรวจทดแทนและอาคารที่พักอาศัย (แฟลตตำรวจ) 396 แห่งว่า การตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการพัฒนากิจการตำรวจไม่ได้ชี้ว่าใครผิดใครถูก แต่จากการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลมีความชัดเจนว่าการขายช่วงต่อเป็นการทำขัด สัญญากับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีการตั้งโต๊ะขายช่วงต่อ อย่างโครงการโรงพักขนาดใหญ่ราคากลางอยู่ที่ 27 ล้านบาท แต่จ่ายให้บริษัทรับจ้างช่วงต่อ 20 ล้านบาท ขณะนี้โรงพักขนาดกลางและขนาดเล็กก็ลดหลั่นกันลงไป ซึ่งเรื่องนี้คงต่อสู้กันอีกนาน แต่ความเสียหายและเดือดร้อนได้เกิดขึ้นแล้วกับตำรวจทั่วประเทศ
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า หวั่นว่ากรณีนี้จะกลายเป็นมหากาพย์การโกงแบบโฮปเวลล์อีกกรณีหนึ่ง เพราะยังไม่แน่ใจว่าถึงจะยกเลิกโครงการไปแล้ว จะบังคับคดีให้เขาส่งมอบพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จได้อย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้มี 118 แห่งที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ขณะที่อีก 200 กว่าแห่งก็ยังสร้างไม่เสร็จ กรณีดังกล่าวถึงแม้จะพาดพิงไปถึงอดีต ผบ.ตร.หลายคน แต่คนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงคือคนที่ไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญา ข้ออ้างที่ว่าช่วยประหยัดงบหลวงได้ 800 ล้านบาท มันฟังไม่ขึ้น เพราะถึงวันนี้ความเสียหายมันปรากฏชัดเจนแล้ว ซึ่งได้ข่าวว่าขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป. ช.) เริ่มขยับโดยเตรียมตั้งอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพราะกรณีดังกล่าวสร้างความเสียหายทั่วประเทศ.
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่าควรยกเลิกสัญญาเพราะประชาชนชนและตำรวจในพื้นที่ที่สร้างโรงพักทดแทนไม่เสร็จสักแห่งเดียว หากปล่อยให้ดำเนินการต่อเป็นห่วงความเดือดร้อนของตำรวจและประชาชนที่ไม่มีโรงพักทดแทนมาสองปีกว่าเดือนร้อนมาก จากตรวจสอบของคณะกรรมมาธิการปปช.พบว่าบริษัทพีซีซี เอง รู้ตั้งแต่ต้นว่าทำไม่เสร็จตามสัญญา ได้มีการทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ด้วยว่าเป็นสัญญาแบบรวบอำนาจไว้บริษัทเดียวและยังได้ไปว่าจ้างอีก 7 บริษัทมาซับงาน ทำให้เห็น มีตัวละครรู้เห็นทั้ง ฝ่ายข้าราขการประจำ การเมือง บ.เอกชน ต้องมีผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะขณะนี้โรงพักทดแทนกลายสภาพมีหญ้าปกคลุม เป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษ เด็กเล็กผ่านไม่ได้เป็นอันตราย เป็นสิ่งควรได้ประโยนช์กลับเป็นเรื่องที่แย่ เชื่อว่าเรื่องนี้ข้าราขการตำรวจเล็กๆ เอกชน ดำเนินการฝ่ายเดียวไม่ได้ จะเป็นคดีตัวอย่างปราบปรามทุจริต หลังจากเรืิ่องนี้ปล่อยให้มีการต่อสัญญาถึง 3 ครั้ง เงื่อนไขที่บ. พีซีซี จะฟ้อง ตร.ขอให้บ.พีซีซี มีธรรมาภิบาล ว่าทำต่อไปเสร็จจริง หรือไม่ เพราะ 450 วันที่ผ่านมารวมสองปีกว่า ยังไม่ไหว ทำต่อไปจะเสร็จหรือไม่ ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชนและตำรวจทั่วประเทศด้วย.
วันเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก ส.ว.สรรหา เลขานุการคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา กล่าวว่าตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า บริษัทพีซีซี ดีเวลลอปเมนท์แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เข้าข่ายมีเจตนาฉ้อโกง โครงการจัดสร้างสถานีตำรวจทดแทนและอาคารที่พักอาศัย (แฟลตตำรวจ) 396 แห่งว่า การตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการพัฒนากิจการตำรวจไม่ได้ชี้ว่าใครผิดใครถูก แต่จากการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลมีความชัดเจนว่าการขายช่วงต่อเป็นการทำขัด สัญญากับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีการตั้งโต๊ะขายช่วงต่อ อย่างโครงการโรงพักขนาดใหญ่ราคากลางอยู่ที่ 27 ล้านบาท แต่จ่ายให้บริษัทรับจ้างช่วงต่อ 20 ล้านบาท ขณะนี้โรงพักขนาดกลางและขนาดเล็กก็ลดหลั่นกันลงไป ซึ่งเรื่องนี้คงต่อสู้กันอีกนาน แต่ความเสียหายและเดือดร้อนได้เกิดขึ้นแล้วกับตำรวจทั่วประเทศ
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า หวั่นว่ากรณีนี้จะกลายเป็นมหากาพย์การโกงแบบโฮปเวลล์อีกกรณีหนึ่ง เพราะยังไม่แน่ใจว่าถึงจะยกเลิกโครงการไปแล้ว จะบังคับคดีให้เขาส่งมอบพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จได้อย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้มี 118 แห่งที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ขณะที่อีก 200 กว่าแห่งก็ยังสร้างไม่เสร็จ กรณีดังกล่าวถึงแม้จะพาดพิงไปถึงอดีต ผบ.ตร.หลายคน แต่คนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงคือคนที่ไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญา ข้ออ้างที่ว่าช่วยประหยัดงบหลวงได้ 800 ล้านบาท มันฟังไม่ขึ้น เพราะถึงวันนี้ความเสียหายมันปรากฏชัดเจนแล้ว ซึ่งได้ข่าวว่าขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป. ช.) เริ่มขยับโดยเตรียมตั้งอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพราะกรณีดังกล่าวสร้างความเสียหายทั่วประเทศ.