ราคาทองคำทรุดต่อเนื่องคาดต่ำสุดแตะ 21,000 บาท หลังโดนผลกระทบ 2 เด้งร่วงไปอีก 500 บาท จากแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ย และแนวโน้ม QE3.5 จะยุติเร็วขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยโดนด้วยปิดลบ 17.90 จุด จากแรงเทขายทำกำไร พบพอร์ตโบรกฯขายสุทธิเจ้าเดียว คาดยังเป็นไปในทิศทางเดิมต่อ
รายงานข่าวระบุว่า นอกเหนือจากการปรับตัวลดลงของดัชนหุ้นไทย ยังพบว่าราคาทองคำวานนี้ได้ปรับตัวลงเช่นกัน โดยราคาทองคำ ณ ปัจจุบัน จากสมาคมค้าทองคำ ทองคำแท่ง22,150/22,250 บาท ลดลงมาจากราคาปิดเมื่อวันก่อนหน้า (20 ก.พ.) 22,600/22,700 บาท ประมาณ 500 บาท ขณะที่ทองคำรูปพรรณวันนี้อยู่ที่ 21,830/22,650 บาท
ส่วนข้อมูลล่าสุดพบราคาทองคำปรับลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 2,000 บาท โดยราคาเฉลี่ยไตรมาส 4 ปี 2555 ทองรูปพรรณ ซื้อ 24,556.61 ขาย 25,419.08 ทองคำแท่งซื้อ24,919.08 ขาย 25,019.08 ส่วนเดือนมกราคม 2556 ราคาทองรูปพรรณเฉลี่ยอยู่ที่ซื้อ 23,412.87 ขาย24,257.69 ทองคำแท่ง ซื้อ23,757.69 ขาย 23,857.69
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ วานนี้ (21 ก.พ.) ว่า เกิดจากมีการประกาศว่าการใช้มาตรการ QE3.5 ของสหรัฐฯ อาจจะยุติเร็วขึ้นกว่าปกติ หลังจากมีข้อมูลออกมาระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมเริกาปรับตัวดีขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้
“ตอนนี้ราคาทองคำปรับตัวดิ่งลงมาตลอด หลุดแนวรับทุกจัดที่ตั้งไว้ อาจได้เห็นราคามาอยู่ที่ระดับ 1,580 เหรียญ/ออนซ์ ตั้งแต่ปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 22,800 บาท ตอนนี้ราคาทองคำลงมาอยู่ที่ 22,150 บาท ตอนนี้ลงมามากกว่า 500 บาท อีกสาเหตุหนึ่งที่กดดันราคาทองคำในประเทศก็มาจากกรที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยล่าสุดไว้ด้วย ยิ่งทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า กดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงมา ถือว่าโดน 2 เด้ง สำหรับราคาทองคำในไทย”
ทั้งนี้ โดยรวมประเมินว่า ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงไปได้ถึงประมาณ 21,500-21,000 บาท หากมาตรการ QE ยุติโดยเร็วดังที่ประกาศไว้ ก็จะทำให้มีการเทขายทองคำออกมา ฉุดให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง จึงแนะนำนักลงทุนให้ปรับพอร์ตในกรซื้อขายหากมีทองคำอยู่แนะนำให้ขายทำกำไรออกมาก่อน และรอซื้อเมื่อราคาลดลงใกล้จุดต่ำสุด
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนักวิเคราะห์ต่างประเทศ ตอนนี้เริ่มมีความกังวลว่า เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกยังปรับตัวลดลงขนาดนี้ จากคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่อาจเกิดการดึงเม็ดเงินลงทุนจากตลาดหุ้นต่างๆ ทั่วโลกกลับ โดยเฉพาะอีเมอร์จิ้งมาร์เกต ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยกลับออกไปด้วย นั่นหมายความว่า อาจเกิดการเทขายดึงเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งจะส่ผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย และราคาหุ้นหลายตัวปรับตัวลดลง
**หุ้นปิดลบ 17.90 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21ก.พ.) เคลื่อนไหวในแดนลบ โดยปิดที่ระดับ 1,528.74 จุด ลดลง 17.90 จุด หรือ1.16% มูลค่าการซื้อขาย 60,366 ล้านบาท จากปัจจัยลบหลังเกิดแสกแตกในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ว่าอาจไม่จำเป็นต้องทำ QE ยาวนาน ทำให้มีแรงขายทำกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำ น้ำมัน และหุ้นทั่วโลกออกมา โดยรวมดัชนีแตะจุดสูงสุด 1,540.81 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,526.93 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังมีรายงานการประชุมเฟดครั้งล่าสุดเสียงส่วนหนึ่งมองว่าไม่จำเป็นต้องทำ QE ยาวนานจนรอให้อัตราว่างงานลดเหลือ 6.5% ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้มีแรงขายในสินค้าโภคภัณฑ์ออกมาเยอะ ทั้งราคาทองคำ ราคาน้ำมัน รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลก อีกส่วนหนึ่งเกิดจากแรงเทขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยหลังปรับตัวขึ้นมามาก ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (22ก.พ.) โดยรวมน่าจะยังมีแรงขายออกมาแต่คงไม่มาก ทำให้ดัชนีจะไม่หลุดแนวรับที่ 1,534 จุด และมีแนวต้านที่ 1,550 จุด
รายงานข่าวระบุว่า นอกเหนือจากการปรับตัวลดลงของดัชนหุ้นไทย ยังพบว่าราคาทองคำวานนี้ได้ปรับตัวลงเช่นกัน โดยราคาทองคำ ณ ปัจจุบัน จากสมาคมค้าทองคำ ทองคำแท่ง22,150/22,250 บาท ลดลงมาจากราคาปิดเมื่อวันก่อนหน้า (20 ก.พ.) 22,600/22,700 บาท ประมาณ 500 บาท ขณะที่ทองคำรูปพรรณวันนี้อยู่ที่ 21,830/22,650 บาท
ส่วนข้อมูลล่าสุดพบราคาทองคำปรับลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 2,000 บาท โดยราคาเฉลี่ยไตรมาส 4 ปี 2555 ทองรูปพรรณ ซื้อ 24,556.61 ขาย 25,419.08 ทองคำแท่งซื้อ24,919.08 ขาย 25,019.08 ส่วนเดือนมกราคม 2556 ราคาทองรูปพรรณเฉลี่ยอยู่ที่ซื้อ 23,412.87 ขาย24,257.69 ทองคำแท่ง ซื้อ23,757.69 ขาย 23,857.69
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ วานนี้ (21 ก.พ.) ว่า เกิดจากมีการประกาศว่าการใช้มาตรการ QE3.5 ของสหรัฐฯ อาจจะยุติเร็วขึ้นกว่าปกติ หลังจากมีข้อมูลออกมาระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมเริกาปรับตัวดีขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้
“ตอนนี้ราคาทองคำปรับตัวดิ่งลงมาตลอด หลุดแนวรับทุกจัดที่ตั้งไว้ อาจได้เห็นราคามาอยู่ที่ระดับ 1,580 เหรียญ/ออนซ์ ตั้งแต่ปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 22,800 บาท ตอนนี้ราคาทองคำลงมาอยู่ที่ 22,150 บาท ตอนนี้ลงมามากกว่า 500 บาท อีกสาเหตุหนึ่งที่กดดันราคาทองคำในประเทศก็มาจากกรที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยล่าสุดไว้ด้วย ยิ่งทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า กดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงมา ถือว่าโดน 2 เด้ง สำหรับราคาทองคำในไทย”
ทั้งนี้ โดยรวมประเมินว่า ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงไปได้ถึงประมาณ 21,500-21,000 บาท หากมาตรการ QE ยุติโดยเร็วดังที่ประกาศไว้ ก็จะทำให้มีการเทขายทองคำออกมา ฉุดให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง จึงแนะนำนักลงทุนให้ปรับพอร์ตในกรซื้อขายหากมีทองคำอยู่แนะนำให้ขายทำกำไรออกมาก่อน และรอซื้อเมื่อราคาลดลงใกล้จุดต่ำสุด
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนักวิเคราะห์ต่างประเทศ ตอนนี้เริ่มมีความกังวลว่า เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกยังปรับตัวลดลงขนาดนี้ จากคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่อาจเกิดการดึงเม็ดเงินลงทุนจากตลาดหุ้นต่างๆ ทั่วโลกกลับ โดยเฉพาะอีเมอร์จิ้งมาร์เกต ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยกลับออกไปด้วย นั่นหมายความว่า อาจเกิดการเทขายดึงเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งจะส่ผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย และราคาหุ้นหลายตัวปรับตัวลดลง
**หุ้นปิดลบ 17.90 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21ก.พ.) เคลื่อนไหวในแดนลบ โดยปิดที่ระดับ 1,528.74 จุด ลดลง 17.90 จุด หรือ1.16% มูลค่าการซื้อขาย 60,366 ล้านบาท จากปัจจัยลบหลังเกิดแสกแตกในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ว่าอาจไม่จำเป็นต้องทำ QE ยาวนาน ทำให้มีแรงขายทำกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำ น้ำมัน และหุ้นทั่วโลกออกมา โดยรวมดัชนีแตะจุดสูงสุด 1,540.81 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,526.93 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังมีรายงานการประชุมเฟดครั้งล่าสุดเสียงส่วนหนึ่งมองว่าไม่จำเป็นต้องทำ QE ยาวนานจนรอให้อัตราว่างงานลดเหลือ 6.5% ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้มีแรงขายในสินค้าโภคภัณฑ์ออกมาเยอะ ทั้งราคาทองคำ ราคาน้ำมัน รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลก อีกส่วนหนึ่งเกิดจากแรงเทขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยหลังปรับตัวขึ้นมามาก ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (22ก.พ.) โดยรวมน่าจะยังมีแรงขายออกมาแต่คงไม่มาก ทำให้ดัชนีจะไม่หลุดแนวรับที่ 1,534 จุด และมีแนวต้านที่ 1,550 จุด