โจรใต้แต่งชุดหญิงมุสลิมวางบึ้มป่วนปัตตานีนับ 10 จุด อส.ตาย 3 ศพ ชาวบ้านเจ็บ 12 คน ที่ อ.ยะรัง เผาตู้ควบคุมสัญญาณโทรศัพท์วอด 8 ล้าน วงจรปิด 5 ตัว คาดฝีมือ "มะซอเร ดือรามะ" แกนนำอาร์เคเคปัตตานี แก้แค้นนาวิกโยธินวิสามัญ 16 ศพ หวังทำลายขวัญประชาชน "ยะลา-สงขลา" ประกาศมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด "ยิ่งลักษณ์" ใบ้กินเจอถามเปลี่ยนคนดูปัญหาใต้ ด้าน "สุริยะใส" หวั่นเสีย 3 จังหวัดในรัฐบาลปู
เมื่อเวลาประมาณ 00.05 น. วานนี้ (17 ก.พ.) พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.เมือง จ.ปัตตานี รับแจ้งว่าเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ที่ไดอานา ซูเปอร์มาร์เก็ต เลขที่ 40/40 ถนนอุดมวิถี เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลเมืองปัตตานี กว่า10 คันไปที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าจุดเกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นติดกันกว่า 10 ห้อง เป็นส่วนของห้าง 3 คูหา โดยเพลิงได้ลุกไหม้อยู่ภายในในอย่างรุนแรง เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เจ้าหน้าที่ต้องใช้ขวานพังประตูเพื่อฉีดน้ำเข้าไปทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง เพื่อสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปอาคารข้างเคียง ซึ่งต้องใช้เวลาร่วม 40 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยมีบ้านข้างเคียงเสียหายอีก 1 หลัง
ทั้งนี้ ช่วงเช้าหลังจากเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบระเบิดอีก 1 ลูก ย่านตลาดโต้รุ่ง ใกล้กับไดอานาซูเปอร์มาร์เก็ต และเก็บกู้ไว้ได้
**สองเจ้าของร้านวัสดุหวิดถูกย่างสด
ต่อมา เวลา 00.30 น. เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร เป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเครื่องมือการเกษตรชื่อร้านเมืองไทย สี่แยกไฟแดง เลขที่ 84/204 เพลิงลุกไหม้มาจากภายในเช่นกัน โดยเจ้าของร้าน 2 คนพักอยู่ชั้นสอง เจ้าหน้าที่จึงได้พังประตูเข้าไปช่วยทั้ง 2 คนออกมาได้อย่างปลอดภัย จุดนี้ใช้เวลา 20 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
เวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านครัวไทย ซึ่งจำหน่ายเครื่องครัว ถนนพิพิธ ห่างจากไดอานา ซูเปอร์มาเก็ต ประมาณ 400 เมตร ว่าเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ แต่โชคดีสามารถดับได้ทัน เสียหายเล็กน้อยเท่านั้น
**บึมข้าง"หอนาฬิกา"อส.ตาย3เจ็บ10
เวลา 11.55 น. พ.ต.อ.ต่วนเดร์ รับแจ้งเหตุระเบิดขึ้นหน้าอาคารพาณิชย์ บริเวณหอนาฬิกาเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ตรงข้ามร้านบิ๊กเบน คอฟฟี่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จึงรายงานพล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว. และประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดไปที่เกิดเหตุ พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรีบช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ อส.วิโรจน์ จันทร์ศรี อายุ 40 ปี ถูกระเบิดเข้าที่ใบหน้าบางส่วนหายไป อส.สุกรี ดือเระ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ลำตัว อาการสาหัส เสียชีวิตที่โรงพยาบาล และอส.อิทธิพล อาแซ อายุ 33 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ใบหน้าและลำตัว บาดเจ็บสาหัส แพทย์ต้องผ่าตัดโดยด่วน แต่เสียชีวิตในเวลา 15.45 น.
ส่วนชาวบ้านที่บาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี 9 ราย ประกอบด้วย 1.นายสมศักดิ์ แก้วมณี 2.ด.ช.อำนาจ แซ่หว่าง 3.นายอิมรอเฮง เตาะซาตู 4.นางอรุณี เสถียรมงคล 5.นายคชาศักดิ์ สินสนอง 6.น.ส.อลิสา แดงเงิน 7.นายสุกิจ ยูโซะ 8.น.ส.โซฟียะ เปาะจิ 9.นางกิ่งกาญจน์ มหาวรรณ ทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว อีก 2 รายกลับบ้านแล้ว คือ นางวรรณา อาศิรวาท และนายไชแสง อาศิรวาท
ทั้งนี้ แรงระเบิดยังทำให้อาคารพาณิชย์เสียหายหลายหลัง กระจกแตกกระจายทั่วบริเวณ รถจักรยานยนต์ และรถยนต์เสียหาย 5 คัน ถนนคอนกรีตเป็นหลุมกว้าง 30 เซนติเมตร และยังพบถังเคมีดับเพลิงสีเหลืองขนาดเล็ก ภายในมีปุ๋ยยูเรีย และชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่ว ที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และทำการการเก็บกู้ระเบิดลูกที่ 2 ที่วางห่างจากจุดแรกไม่มากนัก คาดว่าเพื่อล่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเหตุ แล้วจุดชนวนระเบิด
**สามฝ่ายปิดล้อม-ตั้งด่านสกัดคนร้าย
สอบสวนทราบว่า อส.อำเภอเมือง 3 นาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบริเวณวงเวียน คนร้ายได้กดชนวนระเบิดเสียงดังสนั่น ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเดินถือถุงผ้ามาวางไว้ที่จุดเกิดเหตุตรงที่อส.ปฏิบัติหน้าที่อยู่ จากนั้นเดินหนีไปโดยที่ไม่มีใครเอะใจ จนอส.ทั้ง 3 นายเดินทางมาถึง คนร้ายจึงกดชนวนระเบิดทันที
ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ กล่าวว่า ได้สั่งระดมกำลัง 3 ฝ่าย ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายทั้งในเขตเมืองและนอกเขต พร้อมทั้งให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนเข้าออกเขตเทศบาลเมืองปัตตานีตลอด 24 ชั่วโมง และให้ทุกโรงพักขอความร่วมมือเจ้าของห้างร้านให้ตรวจตราภายในร้าน เพื่อช่วยกันป้องกันเหตุร้ายด้วย นอกจากนี้ยังได้วิทยุแจ้งเตือนไปยังทุกเมืองใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้เฝ้าระวังร้านสะดวกซื้อที่ยังเปิดบริการ 24 ชั่วโมง อีกทั้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบริการ สังเกตุรถยนต์และจักรยานยนต์ ที่ถูกนำไปจอดทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ หากไม่มีเจ้าของหรือผิดสังเกตุ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที
"กลุ่มก่อเหตุน่าจะมีการวางแผน และใช้ชุดที่รู้จักเส้นทางหลบหนี จึงสามารถออกจากพื้นที่ได้ อย่างไรก็จะเร่งไล่ล่าให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป"
**ยะรังเผาตู้ควบคุมโทรศัพท์-ซีซีทีวี
เช้าวันเดียวกัน ที่อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ยะรัง พร้อมด้วยพ.ต.ท.นิวัฒน์ ฐิติพันธกุล พิสูจน์หลักฐานปัตตานี เข้าตรวจสอบจุดลอบวางเพลิง หลังได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เมื่อเวลา 03.30 น. คนร้ายวางเพลิงป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) หมู่ 1 บ้านปูลาโต๊ะรายอ ต.ระแว้ง พบว่าคนร้ายใช้ยางรถจักรยานยนต์เป็นเชื้อเพลิง โชคดีที่ชาวบ้านช่วยกันดับได้ทัน จึงทำให้อาคารและเครื่องจักรของกลุ่มแม่บ้านเสียหายบางส่วน
ขณะที่ร.ต.ต.พิชิต หนูส่ง ร้อยเวรสภ.ยะรัง รับแจ้งเหตุวางเพลิงเสารับสัญญาณโทรศัพท์ที่บ้านปอซัน หมู่ 3 ต.ปิตูมุดี ตู้ควบคุมเสียหายทั้งหมด มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท กล้องวงจรปิดหน้าโรงพยาบาลยะรัง 1 จุด ข้างโรงพยาบาล 1 จุด และหมู่ 2 บ้านบาซาเวาะเซ็ง ต.ปิตูมุดี 3 จุด ทุกจุดใช้ยางรถจักรยานยนต์ราดด้วยน้ำมันเบนซิน แล้วนำไปคล้องไว้กับกล้องก่อนจุดไฟเผา
พ.ต.อ.วสันต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีข่าวแจ้งเตือนมาแล้วว่า กลุ่มแนวร่วมเตรียมลงมือทุกรูปแบบเพื่อตอบโต้ หลังควบคุมตัวคนร้ายได้อย่างต่อเนื่อง
**ป่วนทั้งคืน-โชคดีกู้ถังระเบิด50กก.ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 19.20 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เกิดเหตุระเบิดภายในซอยเอสโซ่ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ภายในซอยเป็นที่ตั้งร้านคาราโอเกะ 11 ร้าน จุดเกิดเหตุอยู่หน้าร้านบัวขาว คาราโอเกะ เลขที่ 68/5 ต้นไม้ ผนังร้าน ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหาย มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือนายปอล ชุมพงศ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ถนนรามโกมุท เทศบาลนครปัตตานี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้าบาดเจ็บเล็กน้อย ตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง หนักประมาณ 1 กิโลกรัมและขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุปรากฏว่า ประชาชนแจ้งว่ามีรถต้องสงสัยจอดผิดสังเกตุ จึงไปตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ทะเบียน กธล 546 ปัตตานี จอดอยู่หน้าร้านบ้านไร่คาราโอเกะ ห่างจากจุดแรก 5 เมตร ตรวจสอบพ่วงข้างพบระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส หนักประมาณ 50 กิโลกรัม จุดฉนวนด้วยโทรศัทพ์มือถือ และมีพบแกลลอนน้ำมันเบนซิน 9 ใบ จึงเก็บกู้ไปตรวจสอบหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ข่าวแจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุระเบิดหน้าร้านบัวขาว คาราโอเกะ เจ้าหน้าที่ยังเก็บกู้ระเบิดเพลิง ที่คนร้ายนำมาวางไว้หน้าร้านไพศาลจำหน่ายอาหารสัตว์และของชำ ย่านตลาดโต้รุ่ง ถนนพิพิธ เทศบาลเมืองปัตตานี ตั้งเวลาไว้ที่ 23.00 น. แต่โชคดีที่ชาวบ้านแจ้งให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ทัน ต่อมายังพบระเบิดเพลิงที่หน้าร้านออนวิทยา ถนนปัตตานีภิรมย์ เทศบาลเมืองปัตตานี ห่างจาก สภ.เมือง เพียง 50 เมตร
สรุปเบื้องต้น ตั้งแต่เวลา 19.20 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ คนร้ายก่อเหตุวางระเบิด 10 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 12 ราย
**แต่งชุดหญิงมุสลิมตระเวนซุกในร้าน
จากการสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นทุกกรณี คาดว่าคนร้ายน่าจะมีทีมปฏิบัติการณ์หลายชุด ชุดละ 2 คน บางคนแต่งกายด้วยชุดสตรีมุสลิม ใช้ฮิญาบคลุมหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้น ขับรถจักรยานยนต์มาจอด แล้วทำทีเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะนำระเบิดเพลิงจุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุก ตั้งเวลาไว้ที่ 24.00 น. เป็นต้นไป ซุกซ่อนไว้ภายในร้านก่อนจะหลบหนีไป
เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มนายมะซอเร ดือรามะ แกนนำอาร์เคเค ระดับปฏิบัติการ รับผิดชอบเขตเมืองปัตตานี โดยเป็นการตอบโต้หลังคนร้ายถูกวิสามัญฆาตกรรม 16 ศพ ที่ฐานนาวิกโยธิน 32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ยังสามารถสร้างสถานการณ์ความไม่สงบได้ต่อไปอีก ซึ่งหากระเบิดทำงานทุกลูก จะทำให้เมืองปัตตานีกลายเป็นทะเลเพลิงทันที
**ผวจ.ชี้หวังเปลี่ยนเมืองเป็นทะเลเพลิง
ด้านเทศบาลเมืองปัตตานี ออกประกาศเรื่อง "ขอความร่วมมือเพิ่มความระมัดระวังอันตราย จากผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง" ระบุว่า ขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีพยายามใช้วิธีการต่างๆเพื่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เพื่อความไม่ประมาท เทศบาลเมืองปัตตานี จึงขอให้เจ้าของอาคาร บ้านเรือน และร้านค้า โปรดช่วยกันสอดส่องสิ่งผิดสังเกต และสิ่งแปลกปลอมในอาคาร บ้านเรือน และร้านค้าอย่างสม่ำเสมอ และอย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หากพบเห็นวัตถุหรือบุคคลต้องสงสัย โปรดแจ้งตำรวจทันที ที่โทร. 073-348555 หรือ 191 งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร. 073-349034 หรือ 199 และศูนย์ข้อมูลฉุกเฉิน 1881 หรือ 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี กล่าวว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดมานานแล้ว จึงถือว่ารุนแรงมาก ซึ่งก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น และต้องมีวิธีแก้ให้ชัดเจน ซึ่งโดยส่วนตัวไม่อยากไปโยงกับเหตุการณ์ 16 ศพ เพราะปกติเขาก็ทำอยู่แล้วถ้ามีโอกาสและจังหวะ ดังนั้นเราต้องไม่ประมาท ฝ่ายตรงข้ามพร้อมที่จะก่อเหตุร้ายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามไม่อยากไปซ้ำเติมเจ้าหน้าที่ เอาเป็นว่าขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชนยังดีอยู่ เนื่องทางเจ้าหน้าที่ดูแลได้
นายประมุข ลมุน ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ความจริงก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนตลอดให้ระมัดระวัง ตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และบุคคลต้องสงสัยอย่างละเอียด แต่เนื่องจากพื้นที่กว้างขวาง เราไม่สามารถเอ็กซเรย์ได้ทุกตารางเมตร กล้องวงจรปิดก็ใช้การได้ไม่ทั้งหมด คนร้ายจึงใช้ช่องวางนี้ก่อเหตุได้ ซึ่งการที่คนร้ายใช้ระเบิดเพลิงในตัวเมือง เพราะมีเป้าหมายสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง แสดงพลังว่ายังมีศักยภาพก่อเหตุได้ ตอบโต้เจ้าหน้าที่ และทำลายขวัญประชาชน
"เขาพยายามทำให้มีสภาพคล้ายทะเลเพลิง แต่ผมจะพยายามปกป้องประชาชน และให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี้ เพราะมีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครได้ประโยชน์ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติช่วยเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่งด้วย"
**3จว.สั่งกองกำลัง รปภ.เมืองระดับสูงสุด
นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กำชับไปยังกองกำลัง 3 ฝ่ายทั้ง 13 อำเภอ ให้ควบคุมพื้นที่อย่างเข้มข้น ตรวจสอบยานพาหนะที่เข้า-ออกย่านชุมชน เฝ้าระวังตามร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพราะเกรงว่าคนร้ายอาจลอบวางระเบิดเพลิง สร้างความเสียหายได้
นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า พื้นที่ซึ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะคนร้ายอาจใช้เป็นเส้นทางหลบหนีไปจังหวัดใกล้เคียงได้ คือ อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง ซึ่งอยู่ติดกับจ.ยะลา และอ.ไม้แก่น ติดกับจ.นราธิวาส ซึ่งทุกฝ่ายและทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแล
ด้านพล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.ยะลา สั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยประชาชนขั้นสูงสุด เน้นชุมชนไทยพุทธ และเป้าหมายที่อ่อนแอเป็นกรณีพิเศษ ตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่เข้า-ออกตัวเมืองยะลา และกำชับตำรวจที่ตั้งฐานอยู่ในพื้นที่ล่อแหลม ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ และเตรียมพร้อมตอบโต้คนร้ายได้ทันที เนื่องจากคาดว่ากลุ่มแนวร่วมที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่จะก่อเหตุในชุมชน เพื่อให้เกิดสถานการณ์ลุกลามเป็นโซ่
พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา กล่าวว่า ได้สั่งการให้รักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยง 6 อำเภอ ทั้งอ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย อ.หาดใหญ่ และอ.เมืองสงขลา ในระดับสูงสุด โดยสภ.หาดใหญ่ ได้ขอความร่วมมือห้างร้านให้เฝ้าระวัง และตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยที่จะเข้าไปจอดในลานจอดรถและหน้าร้าน เพราะขณะนี้สงขลาเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ยังไม่มีการก่อเหตุ
**กอ.รมน.วอนช่วยจับตา"ชายแต่งหญิง"
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า เหตุวางระเบิดมีทั้งหมด 10 จุด กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้เกือบหมด มั่นใจว่าจะติดตามตัวยมาดำเนินคดีได้เร็วๆนี้ โดยกลุ่มที่ลงมือเชื่อว่าเป็นแนวร่วมในจ.ปัตตานี ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน แต่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ไว้แล้ว จึงเข้าเก็บกู้ได้ทันหลายจุด และมั่นใจว่าน่าจะเป็นคนละกลุ่มกับที่บุกโจมตีฐานนาวิกโยธิน 32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพราะที่นราธิวาสเป็นการรวมตัวกันหลายกลุ่ม ขณะที่ในจ.ปัตตานี มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุมาตลอดอยู่แล้ว
แต่นับว่าเป็นการตอบโต้เหตุปะทะ ขณะเดียวกันยังมีความพยายามขยายผลว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นฝ่ายสร้างความรุนแรง ซึ่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ กองทัพบกจะแถลงรายละเอียดปฏิบัติการทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน อีกทั้งก่อนหน้าเกิดเหตุปะทะกัน เจ้าหน้าที่ยังเคยเข้าไปเยี่ยมครอบครัวนายมะรอโซ เพื่อหาทางออก ดังนั้นที่มีสื่อบางสำนัก
รายงานข่าวภรรยานายมะรอโซ ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่สามีก่อความรุนแรง เพราะคับแค้นใจจากเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่พูดกันมาตลอดนั้น จึงไม่เป็นความจริง
"ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงนี้ให้เฝ้าสังเกตกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่มักจะแต่งกายเป็นหญิงแฝงตัวมาสร้างความรุนแรง เพราะตามหลักศาสนาอิสลาม การตรวจค้นสตรีมุสลิมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก แต่พี่น้องประชาชนสังเกตได้ง่าย แม้แต่งกายในชุดสตรีมุสลิม แต่ลักษณะของโครงร่าง ท่าทางการเดิน ค่อนข้างเห็นชัดว่าเป็นผู้ชาย หากพบขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที"
**ฉก.นย.นราธิวาสลงเยียวยา"บาเร๊ะใต้"
เวลา 10.30 น. ที่สนามโรงเรียนบ้านตันหยง หมู่ 6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ พร้อมด้วยน.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ร่วมจัดโครงการเดินเท้าเข้าชุมชน ทำความเข้าใจกรณีทหารต้องใช้มาตรการรุนแรง วิสามัญนายมะรอโซ จันทรวดี พร้อมพวกรวม 16 คน มีคนร้ายในบ้านตันหยงเสียชีวิต 3 คน คือ นายสะอุดี อาลี นายฮาเซ็ม บือราเฮง และนายมะสักรี สะสะ มีประชาชนจำนวนมากร่วมงาน
น.อ.สมเกียรติ กล่าวระหว่างมอบเครื่องอุปโภคบริโภคว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทหารมีความจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง เพื่อรักษาที่ตั้งที่แสดงถึงที่มั่นของความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจ เพื่อให้พี่น้องประชาชนทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กลุ่มคนตัดสินใจใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่รัฐอาจไม่ใช่คนที่เลวร้ายมาแต่กำเนิด แต่ถูกบีบบังคับ และกระทำไปด้วยความจำเป็น ซึ่งทางภาครัฐทราบดี
"ขอวิงวอนผ่านผู้นำในพื้นที่ช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านไปยังผู้หลงผิด ให้หันมาต่อสู้ด้วยกระบวนการยุติธรรม กลับบ้านมาสู่อ้อมกอดของครอบครัว ไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหลบซ่อนอีกต่อไป
น.ส.ฆอยแยมะ อาลี พี่สาวของนายสะอุดี อาลี ที่ถูกวิสามัญ กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดไม่โกธร ทุกคนอยากให้มีความสันติสุข น.อ.สมเกียรติได้ทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากปัญหาความมั่นคง ซึ่งตนเข้าใจ ทั้งหมดเป็นเรื่องของน้องชายและพวกที่มีความเห็นต่าง ซึ่งคิดว่าวันหนึ่งก็ต้องพบจุดจบดังกล่าว
**"มูหะหมัด โบกี"นำทัพแทน"มะรอโซ"
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการอาร์เคเค หลังสูญเสียนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำคนสำคัญ ล่าสุด
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคง แจ้งว่า กลุ่มขบวนการได้แต่งตั้งนายมูหะหมัด โบกี ขึ้นรับผิดชอบแทน โดยนายมูหะหมัดเคยร่วมกับนายมะรอโซ ก่อเหตุร้ายหลายครั้งในอ.บาเจาะ แต่นายมูหะหมัด สุขุมรอบคอบ และโหดเหี้ยมกว่าหลายเท่า
ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ทราบประวัติมากนัก เนื่องจากเป็นที่ปรึกษาหากนายมะรอโซลงมือก่อเหตุร้าย ซึ่งกองกำลัง 3 ฝ่าย ในอ.บาเจาะ อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.จะแนะ อ.สุคิริน อ.แว้ง และอ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้วางมาตรการตั้งรับแล้ว หลังสืบทราบว่ามีแนวร่วมใน 7 อำเภอ จำนวน 3 กองร้อย เคลื่อนไหวแฝงตัวกับประชาชนมาดูลาดเลาในทางลับ เพื่อตรียมวางระเบิด โจมตีจุดตรวจและฐานปฏิบัติการย่อยในพื้นที่ล่อแหลม เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่
ขณะที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 และทหารพราน สนธิกำลังติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้าย บนเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี รอยต่ออ.รือเสาะ และอบาเจาะ ด้วยการตามรอยคราบเลือดของคนร้ายที่มุ่งหน้าขึ้นเทือกเขา โดยเชื่อว่ามีแกนนำอย่างน้อย 2 ใน 5 คน คือ นายอับดุลฮากิม ปูตะ นายยัฟรี สารอเอง นายอาพันดี กาพา นายรอแปอิง อุเซ็ง และนายมะดารี วาหลง รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามป่าบนเทือกเขารกทึบ ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น จึงยังไม่พบกลุ่มคนร้าย
ด้านความคืบหน้าคดีนายเจะหมะ วานิ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งถูกจับกุมตได้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพวันพรุ่งนี้(18 ก.พ.)รวม 3 จุด เริ่มจากสี่แยกหน้าหอนาฬิกาอ.จะนะ ซึ่งนายเสรีและนายรุสลัน ขับรถยนต์ที่ประกอบคาร์บอมบ์มารับ บริเวณหน้ามัสยิดควนลังซึ่งทั้ง 3 คนแวะละหมาดและวางแผน และโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า ที่นายเสรีและนายรุสลัน ขับรถลงไปยังชั้นใต้ดิน ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น โดยเตรียมกำลังดูแลบริเวณสถานที่ทำแผนทั้ง 3 จุดเต็มที่
**"ยิ่งลักษณ์"ใบ้กินไม่ตอบเปลี่ยนคนดูใต้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุระเบิดในจ.ปัตตานี ว่าได้รับรายงานแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ได้ให้ทาง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.กปต.)เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด
ทั้งนี้มีความเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ จึงย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลความปลอดภัยประชาชนให้เต็มที่ และให้ชุมชนช่วยกันดูแลตัวเองด้วย
อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีจะมีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หรือไม่
ด้านร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เหตุที่เกิดจะนำไปสู่การประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่นั้น ตนอยู่ฝ่ายการเมือง คงไม่พูดแล้ว ขอให้ฝ่ายราชการประจำเป็นคนบอกว่าต้องการหรือไม่ ซึ่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผบ.ทบ. ซึ่งเป็นที่ปรึกษาศปก.กปต.ที่เคยทำงานด้านนี้ มาร่วมหารือ ซึ่งตนมีแนวคิดว่า "อย่าชนะคนด้วยการรบ ต้องชนะโดยไม่ต้องรบ" และหากจะเอ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมาใช้ กองทัพต้องเสนอมา หากมีการมอบตัว เจ้าหน้าที่จะดูแล ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง
**"ยะใส"จี้เรียกขุนทหารถกระงับรุนแรง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า รัฐบาลควรเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นกรณีเร่งด่วน เพราะไฟใต้กำลังกลายเป็นไฟแค้น การประกาศความสำเร็จของรัฐบาลและฝ่ายทหาร หลังเหตุปะทะที่อ.บาเจาะ ยังยืนยันไม่ได้ว่า สถานการณ์จะคลี่คลายลง อย่างที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งสวนทางกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ โดยแนวโน้มมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดสงครามจิตวิทยามวลชนของฝ่ายก่อความไม่สงบ ที่อ้างว่า 3 ใน 17 ศพ โดยเฉพาะนายมะรอโซเคยตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ตากใบ สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แลสั่งใช้กำลังสลายการชุมนุม มัดมือมัดเท้าผู้ชุมนุมขึ้นรถ จนมีผู้เสียชีวิต 87 ศพ เมื่อปี 2547
"เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่มีใครปฏิเสธว่าเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้สถานการณ์ใต้แรงขึ้น ไฟใต้แปลี่ยนเป็นไฟแค้นมากขึ้น ดังนั้นนายกรัฐมนตรี และร.ต.อ.เฉลิม ควรเรียกประชุมด่วน เพื่อหามาตรการป้องกัน ระงับเหตุรุนแรง ไม่ควรเพลิดเพลินอยู่กับการลงพื้นที่หาเสียงให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทยมากเกินไป "
**อัดทำตัวเป็น"เฟอร์บี้"ช่วย"จูดี้"จนเพลิน
นายสุริยะใส กล่าวว่า ยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ ต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหาให้เป็น ไม่ใช่ทำตัวเป็นตุ๊กตาเฟอร์บี้ไปวันๆ วิกฤติ 3 จังหวัดชายแดนใต้สะท้อนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารไม่มีความหมายอีกต่อไป ทำให้ 3 จังหวัดเข้าสู่ภาวะสงครามเข้าไปทุกที
"ล่าสุดร.ต.อ.เฉลิมถึงกับออกมาบอกว่า จะกราบเท้าโจรใต้ถ้าหยุดป่วน ยิ่งตอกย้ำสติปัญญาของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งในที่สุดคนไทยอาจต้องเสีย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์"
ทั้งนี้ เวลา 14.30 น. วันเดียวกัน ที่วัดหนองยวน ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง พล.ต.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพร.อ.ธีระยุทธ บุญเตโช หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็ก
หมวดปืนเล็ก กองร้อยทหาราบที่ 15233 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 ซึ่งเสียชีวิตขณะเดินทางไปรับคนงาน เพื่อมาทำงานที่ฟาร์มตัวอย่างบ้านซาเมาะ หมู่ 4 ต.วังพญา อ.รามัน โดยคนร้ายใช้รถกระบะติดตั้งวัตถุระเบิดจอดข้างทาง และจุดชนวน
ขณะที่รถทหารมาถึง ทำให้ร.อ.ธีระยุทธเสียชีวิตพร้อมเพื่อนทหารอีก 4 นาย.
เมื่อเวลาประมาณ 00.05 น. วานนี้ (17 ก.พ.) พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.เมือง จ.ปัตตานี รับแจ้งว่าเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ที่ไดอานา ซูเปอร์มาร์เก็ต เลขที่ 40/40 ถนนอุดมวิถี เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลเมืองปัตตานี กว่า10 คันไปที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าจุดเกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นติดกันกว่า 10 ห้อง เป็นส่วนของห้าง 3 คูหา โดยเพลิงได้ลุกไหม้อยู่ภายในในอย่างรุนแรง เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เจ้าหน้าที่ต้องใช้ขวานพังประตูเพื่อฉีดน้ำเข้าไปทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง เพื่อสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปอาคารข้างเคียง ซึ่งต้องใช้เวลาร่วม 40 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยมีบ้านข้างเคียงเสียหายอีก 1 หลัง
ทั้งนี้ ช่วงเช้าหลังจากเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบระเบิดอีก 1 ลูก ย่านตลาดโต้รุ่ง ใกล้กับไดอานาซูเปอร์มาร์เก็ต และเก็บกู้ไว้ได้
**สองเจ้าของร้านวัสดุหวิดถูกย่างสด
ต่อมา เวลา 00.30 น. เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร เป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเครื่องมือการเกษตรชื่อร้านเมืองไทย สี่แยกไฟแดง เลขที่ 84/204 เพลิงลุกไหม้มาจากภายในเช่นกัน โดยเจ้าของร้าน 2 คนพักอยู่ชั้นสอง เจ้าหน้าที่จึงได้พังประตูเข้าไปช่วยทั้ง 2 คนออกมาได้อย่างปลอดภัย จุดนี้ใช้เวลา 20 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
เวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านครัวไทย ซึ่งจำหน่ายเครื่องครัว ถนนพิพิธ ห่างจากไดอานา ซูเปอร์มาเก็ต ประมาณ 400 เมตร ว่าเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ แต่โชคดีสามารถดับได้ทัน เสียหายเล็กน้อยเท่านั้น
**บึมข้าง"หอนาฬิกา"อส.ตาย3เจ็บ10
เวลา 11.55 น. พ.ต.อ.ต่วนเดร์ รับแจ้งเหตุระเบิดขึ้นหน้าอาคารพาณิชย์ บริเวณหอนาฬิกาเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ตรงข้ามร้านบิ๊กเบน คอฟฟี่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จึงรายงานพล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว. และประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดไปที่เกิดเหตุ พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรีบช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ อส.วิโรจน์ จันทร์ศรี อายุ 40 ปี ถูกระเบิดเข้าที่ใบหน้าบางส่วนหายไป อส.สุกรี ดือเระ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ลำตัว อาการสาหัส เสียชีวิตที่โรงพยาบาล และอส.อิทธิพล อาแซ อายุ 33 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ใบหน้าและลำตัว บาดเจ็บสาหัส แพทย์ต้องผ่าตัดโดยด่วน แต่เสียชีวิตในเวลา 15.45 น.
ส่วนชาวบ้านที่บาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี 9 ราย ประกอบด้วย 1.นายสมศักดิ์ แก้วมณี 2.ด.ช.อำนาจ แซ่หว่าง 3.นายอิมรอเฮง เตาะซาตู 4.นางอรุณี เสถียรมงคล 5.นายคชาศักดิ์ สินสนอง 6.น.ส.อลิสา แดงเงิน 7.นายสุกิจ ยูโซะ 8.น.ส.โซฟียะ เปาะจิ 9.นางกิ่งกาญจน์ มหาวรรณ ทั้งหมดอาการปลอดภัยแล้ว อีก 2 รายกลับบ้านแล้ว คือ นางวรรณา อาศิรวาท และนายไชแสง อาศิรวาท
ทั้งนี้ แรงระเบิดยังทำให้อาคารพาณิชย์เสียหายหลายหลัง กระจกแตกกระจายทั่วบริเวณ รถจักรยานยนต์ และรถยนต์เสียหาย 5 คัน ถนนคอนกรีตเป็นหลุมกว้าง 30 เซนติเมตร และยังพบถังเคมีดับเพลิงสีเหลืองขนาดเล็ก ภายในมีปุ๋ยยูเรีย และชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่ว ที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และทำการการเก็บกู้ระเบิดลูกที่ 2 ที่วางห่างจากจุดแรกไม่มากนัก คาดว่าเพื่อล่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเหตุ แล้วจุดชนวนระเบิด
**สามฝ่ายปิดล้อม-ตั้งด่านสกัดคนร้าย
สอบสวนทราบว่า อส.อำเภอเมือง 3 นาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยบริเวณวงเวียน คนร้ายได้กดชนวนระเบิดเสียงดังสนั่น ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเดินถือถุงผ้ามาวางไว้ที่จุดเกิดเหตุตรงที่อส.ปฏิบัติหน้าที่อยู่ จากนั้นเดินหนีไปโดยที่ไม่มีใครเอะใจ จนอส.ทั้ง 3 นายเดินทางมาถึง คนร้ายจึงกดชนวนระเบิดทันที
ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ กล่าวว่า ได้สั่งระดมกำลัง 3 ฝ่าย ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายทั้งในเขตเมืองและนอกเขต พร้อมทั้งให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนเข้าออกเขตเทศบาลเมืองปัตตานีตลอด 24 ชั่วโมง และให้ทุกโรงพักขอความร่วมมือเจ้าของห้างร้านให้ตรวจตราภายในร้าน เพื่อช่วยกันป้องกันเหตุร้ายด้วย นอกจากนี้ยังได้วิทยุแจ้งเตือนไปยังทุกเมืองใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้เฝ้าระวังร้านสะดวกซื้อที่ยังเปิดบริการ 24 ชั่วโมง อีกทั้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบริการ สังเกตุรถยนต์และจักรยานยนต์ ที่ถูกนำไปจอดทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ หากไม่มีเจ้าของหรือผิดสังเกตุ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที
"กลุ่มก่อเหตุน่าจะมีการวางแผน และใช้ชุดที่รู้จักเส้นทางหลบหนี จึงสามารถออกจากพื้นที่ได้ อย่างไรก็จะเร่งไล่ล่าให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป"
**ยะรังเผาตู้ควบคุมโทรศัพท์-ซีซีทีวี
เช้าวันเดียวกัน ที่อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ยะรัง พร้อมด้วยพ.ต.ท.นิวัฒน์ ฐิติพันธกุล พิสูจน์หลักฐานปัตตานี เข้าตรวจสอบจุดลอบวางเพลิง หลังได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เมื่อเวลา 03.30 น. คนร้ายวางเพลิงป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) หมู่ 1 บ้านปูลาโต๊ะรายอ ต.ระแว้ง พบว่าคนร้ายใช้ยางรถจักรยานยนต์เป็นเชื้อเพลิง โชคดีที่ชาวบ้านช่วยกันดับได้ทัน จึงทำให้อาคารและเครื่องจักรของกลุ่มแม่บ้านเสียหายบางส่วน
ขณะที่ร.ต.ต.พิชิต หนูส่ง ร้อยเวรสภ.ยะรัง รับแจ้งเหตุวางเพลิงเสารับสัญญาณโทรศัพท์ที่บ้านปอซัน หมู่ 3 ต.ปิตูมุดี ตู้ควบคุมเสียหายทั้งหมด มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท กล้องวงจรปิดหน้าโรงพยาบาลยะรัง 1 จุด ข้างโรงพยาบาล 1 จุด และหมู่ 2 บ้านบาซาเวาะเซ็ง ต.ปิตูมุดี 3 จุด ทุกจุดใช้ยางรถจักรยานยนต์ราดด้วยน้ำมันเบนซิน แล้วนำไปคล้องไว้กับกล้องก่อนจุดไฟเผา
พ.ต.อ.วสันต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีข่าวแจ้งเตือนมาแล้วว่า กลุ่มแนวร่วมเตรียมลงมือทุกรูปแบบเพื่อตอบโต้ หลังควบคุมตัวคนร้ายได้อย่างต่อเนื่อง
**ป่วนทั้งคืน-โชคดีกู้ถังระเบิด50กก.ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 19.20 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เกิดเหตุระเบิดภายในซอยเอสโซ่ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ภายในซอยเป็นที่ตั้งร้านคาราโอเกะ 11 ร้าน จุดเกิดเหตุอยู่หน้าร้านบัวขาว คาราโอเกะ เลขที่ 68/5 ต้นไม้ ผนังร้าน ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหาย มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือนายปอล ชุมพงศ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ถนนรามโกมุท เทศบาลนครปัตตานี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้าบาดเจ็บเล็กน้อย ตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง หนักประมาณ 1 กิโลกรัมและขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุปรากฏว่า ประชาชนแจ้งว่ามีรถต้องสงสัยจอดผิดสังเกตุ จึงไปตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ทะเบียน กธล 546 ปัตตานี จอดอยู่หน้าร้านบ้านไร่คาราโอเกะ ห่างจากจุดแรก 5 เมตร ตรวจสอบพ่วงข้างพบระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส หนักประมาณ 50 กิโลกรัม จุดฉนวนด้วยโทรศัทพ์มือถือ และมีพบแกลลอนน้ำมันเบนซิน 9 ใบ จึงเก็บกู้ไปตรวจสอบหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ข่าวแจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุระเบิดหน้าร้านบัวขาว คาราโอเกะ เจ้าหน้าที่ยังเก็บกู้ระเบิดเพลิง ที่คนร้ายนำมาวางไว้หน้าร้านไพศาลจำหน่ายอาหารสัตว์และของชำ ย่านตลาดโต้รุ่ง ถนนพิพิธ เทศบาลเมืองปัตตานี ตั้งเวลาไว้ที่ 23.00 น. แต่โชคดีที่ชาวบ้านแจ้งให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ทัน ต่อมายังพบระเบิดเพลิงที่หน้าร้านออนวิทยา ถนนปัตตานีภิรมย์ เทศบาลเมืองปัตตานี ห่างจาก สภ.เมือง เพียง 50 เมตร
สรุปเบื้องต้น ตั้งแต่เวลา 19.20 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ คนร้ายก่อเหตุวางระเบิด 10 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 12 ราย
**แต่งชุดหญิงมุสลิมตระเวนซุกในร้าน
จากการสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นทุกกรณี คาดว่าคนร้ายน่าจะมีทีมปฏิบัติการณ์หลายชุด ชุดละ 2 คน บางคนแต่งกายด้วยชุดสตรีมุสลิม ใช้ฮิญาบคลุมหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้น ขับรถจักรยานยนต์มาจอด แล้วทำทีเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะนำระเบิดเพลิงจุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุก ตั้งเวลาไว้ที่ 24.00 น. เป็นต้นไป ซุกซ่อนไว้ภายในร้านก่อนจะหลบหนีไป
เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มนายมะซอเร ดือรามะ แกนนำอาร์เคเค ระดับปฏิบัติการ รับผิดชอบเขตเมืองปัตตานี โดยเป็นการตอบโต้หลังคนร้ายถูกวิสามัญฆาตกรรม 16 ศพ ที่ฐานนาวิกโยธิน 32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ยังสามารถสร้างสถานการณ์ความไม่สงบได้ต่อไปอีก ซึ่งหากระเบิดทำงานทุกลูก จะทำให้เมืองปัตตานีกลายเป็นทะเลเพลิงทันที
**ผวจ.ชี้หวังเปลี่ยนเมืองเป็นทะเลเพลิง
ด้านเทศบาลเมืองปัตตานี ออกประกาศเรื่อง "ขอความร่วมมือเพิ่มความระมัดระวังอันตราย จากผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง" ระบุว่า ขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีพยายามใช้วิธีการต่างๆเพื่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เพื่อความไม่ประมาท เทศบาลเมืองปัตตานี จึงขอให้เจ้าของอาคาร บ้านเรือน และร้านค้า โปรดช่วยกันสอดส่องสิ่งผิดสังเกต และสิ่งแปลกปลอมในอาคาร บ้านเรือน และร้านค้าอย่างสม่ำเสมอ และอย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หากพบเห็นวัตถุหรือบุคคลต้องสงสัย โปรดแจ้งตำรวจทันที ที่โทร. 073-348555 หรือ 191 งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร. 073-349034 หรือ 199 และศูนย์ข้อมูลฉุกเฉิน 1881 หรือ 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี กล่าวว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดมานานแล้ว จึงถือว่ารุนแรงมาก ซึ่งก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น และต้องมีวิธีแก้ให้ชัดเจน ซึ่งโดยส่วนตัวไม่อยากไปโยงกับเหตุการณ์ 16 ศพ เพราะปกติเขาก็ทำอยู่แล้วถ้ามีโอกาสและจังหวะ ดังนั้นเราต้องไม่ประมาท ฝ่ายตรงข้ามพร้อมที่จะก่อเหตุร้ายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามไม่อยากไปซ้ำเติมเจ้าหน้าที่ เอาเป็นว่าขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชนยังดีอยู่ เนื่องทางเจ้าหน้าที่ดูแลได้
นายประมุข ลมุน ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ความจริงก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนตลอดให้ระมัดระวัง ตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และบุคคลต้องสงสัยอย่างละเอียด แต่เนื่องจากพื้นที่กว้างขวาง เราไม่สามารถเอ็กซเรย์ได้ทุกตารางเมตร กล้องวงจรปิดก็ใช้การได้ไม่ทั้งหมด คนร้ายจึงใช้ช่องวางนี้ก่อเหตุได้ ซึ่งการที่คนร้ายใช้ระเบิดเพลิงในตัวเมือง เพราะมีเป้าหมายสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง แสดงพลังว่ายังมีศักยภาพก่อเหตุได้ ตอบโต้เจ้าหน้าที่ และทำลายขวัญประชาชน
"เขาพยายามทำให้มีสภาพคล้ายทะเลเพลิง แต่ผมจะพยายามปกป้องประชาชน และให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี้ เพราะมีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครได้ประโยชน์ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติช่วยเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่งด้วย"
**3จว.สั่งกองกำลัง รปภ.เมืองระดับสูงสุด
นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กำชับไปยังกองกำลัง 3 ฝ่ายทั้ง 13 อำเภอ ให้ควบคุมพื้นที่อย่างเข้มข้น ตรวจสอบยานพาหนะที่เข้า-ออกย่านชุมชน เฝ้าระวังตามร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพราะเกรงว่าคนร้ายอาจลอบวางระเบิดเพลิง สร้างความเสียหายได้
นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า พื้นที่ซึ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะคนร้ายอาจใช้เป็นเส้นทางหลบหนีไปจังหวัดใกล้เคียงได้ คือ อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง ซึ่งอยู่ติดกับจ.ยะลา และอ.ไม้แก่น ติดกับจ.นราธิวาส ซึ่งทุกฝ่ายและทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแล
ด้านพล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.ยะลา สั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยประชาชนขั้นสูงสุด เน้นชุมชนไทยพุทธ และเป้าหมายที่อ่อนแอเป็นกรณีพิเศษ ตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่เข้า-ออกตัวเมืองยะลา และกำชับตำรวจที่ตั้งฐานอยู่ในพื้นที่ล่อแหลม ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ และเตรียมพร้อมตอบโต้คนร้ายได้ทันที เนื่องจากคาดว่ากลุ่มแนวร่วมที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่จะก่อเหตุในชุมชน เพื่อให้เกิดสถานการณ์ลุกลามเป็นโซ่
พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา กล่าวว่า ได้สั่งการให้รักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยง 6 อำเภอ ทั้งอ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย อ.หาดใหญ่ และอ.เมืองสงขลา ในระดับสูงสุด โดยสภ.หาดใหญ่ ได้ขอความร่วมมือห้างร้านให้เฝ้าระวัง และตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยที่จะเข้าไปจอดในลานจอดรถและหน้าร้าน เพราะขณะนี้สงขลาเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ยังไม่มีการก่อเหตุ
**กอ.รมน.วอนช่วยจับตา"ชายแต่งหญิง"
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า เหตุวางระเบิดมีทั้งหมด 10 จุด กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้เกือบหมด มั่นใจว่าจะติดตามตัวยมาดำเนินคดีได้เร็วๆนี้ โดยกลุ่มที่ลงมือเชื่อว่าเป็นแนวร่วมในจ.ปัตตานี ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน แต่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ไว้แล้ว จึงเข้าเก็บกู้ได้ทันหลายจุด และมั่นใจว่าน่าจะเป็นคนละกลุ่มกับที่บุกโจมตีฐานนาวิกโยธิน 32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพราะที่นราธิวาสเป็นการรวมตัวกันหลายกลุ่ม ขณะที่ในจ.ปัตตานี มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุมาตลอดอยู่แล้ว
แต่นับว่าเป็นการตอบโต้เหตุปะทะ ขณะเดียวกันยังมีความพยายามขยายผลว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นฝ่ายสร้างความรุนแรง ซึ่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ กองทัพบกจะแถลงรายละเอียดปฏิบัติการทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน อีกทั้งก่อนหน้าเกิดเหตุปะทะกัน เจ้าหน้าที่ยังเคยเข้าไปเยี่ยมครอบครัวนายมะรอโซ เพื่อหาทางออก ดังนั้นที่มีสื่อบางสำนัก
รายงานข่าวภรรยานายมะรอโซ ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่สามีก่อความรุนแรง เพราะคับแค้นใจจากเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่พูดกันมาตลอดนั้น จึงไม่เป็นความจริง
"ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงนี้ให้เฝ้าสังเกตกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่มักจะแต่งกายเป็นหญิงแฝงตัวมาสร้างความรุนแรง เพราะตามหลักศาสนาอิสลาม การตรวจค้นสตรีมุสลิมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก แต่พี่น้องประชาชนสังเกตได้ง่าย แม้แต่งกายในชุดสตรีมุสลิม แต่ลักษณะของโครงร่าง ท่าทางการเดิน ค่อนข้างเห็นชัดว่าเป็นผู้ชาย หากพบขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที"
**ฉก.นย.นราธิวาสลงเยียวยา"บาเร๊ะใต้"
เวลา 10.30 น. ที่สนามโรงเรียนบ้านตันหยง หมู่ 6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ พร้อมด้วยน.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ร่วมจัดโครงการเดินเท้าเข้าชุมชน ทำความเข้าใจกรณีทหารต้องใช้มาตรการรุนแรง วิสามัญนายมะรอโซ จันทรวดี พร้อมพวกรวม 16 คน มีคนร้ายในบ้านตันหยงเสียชีวิต 3 คน คือ นายสะอุดี อาลี นายฮาเซ็ม บือราเฮง และนายมะสักรี สะสะ มีประชาชนจำนวนมากร่วมงาน
น.อ.สมเกียรติ กล่าวระหว่างมอบเครื่องอุปโภคบริโภคว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทหารมีความจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง เพื่อรักษาที่ตั้งที่แสดงถึงที่มั่นของความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจ เพื่อให้พี่น้องประชาชนทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กลุ่มคนตัดสินใจใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่รัฐอาจไม่ใช่คนที่เลวร้ายมาแต่กำเนิด แต่ถูกบีบบังคับ และกระทำไปด้วยความจำเป็น ซึ่งทางภาครัฐทราบดี
"ขอวิงวอนผ่านผู้นำในพื้นที่ช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านไปยังผู้หลงผิด ให้หันมาต่อสู้ด้วยกระบวนการยุติธรรม กลับบ้านมาสู่อ้อมกอดของครอบครัว ไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหลบซ่อนอีกต่อไป
น.ส.ฆอยแยมะ อาลี พี่สาวของนายสะอุดี อาลี ที่ถูกวิสามัญ กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดไม่โกธร ทุกคนอยากให้มีความสันติสุข น.อ.สมเกียรติได้ทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากปัญหาความมั่นคง ซึ่งตนเข้าใจ ทั้งหมดเป็นเรื่องของน้องชายและพวกที่มีความเห็นต่าง ซึ่งคิดว่าวันหนึ่งก็ต้องพบจุดจบดังกล่าว
**"มูหะหมัด โบกี"นำทัพแทน"มะรอโซ"
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการอาร์เคเค หลังสูญเสียนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำคนสำคัญ ล่าสุด
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคง แจ้งว่า กลุ่มขบวนการได้แต่งตั้งนายมูหะหมัด โบกี ขึ้นรับผิดชอบแทน โดยนายมูหะหมัดเคยร่วมกับนายมะรอโซ ก่อเหตุร้ายหลายครั้งในอ.บาเจาะ แต่นายมูหะหมัด สุขุมรอบคอบ และโหดเหี้ยมกว่าหลายเท่า
ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ทราบประวัติมากนัก เนื่องจากเป็นที่ปรึกษาหากนายมะรอโซลงมือก่อเหตุร้าย ซึ่งกองกำลัง 3 ฝ่าย ในอ.บาเจาะ อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.จะแนะ อ.สุคิริน อ.แว้ง และอ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้วางมาตรการตั้งรับแล้ว หลังสืบทราบว่ามีแนวร่วมใน 7 อำเภอ จำนวน 3 กองร้อย เคลื่อนไหวแฝงตัวกับประชาชนมาดูลาดเลาในทางลับ เพื่อตรียมวางระเบิด โจมตีจุดตรวจและฐานปฏิบัติการย่อยในพื้นที่ล่อแหลม เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่
ขณะที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 และทหารพราน สนธิกำลังติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้าย บนเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี รอยต่ออ.รือเสาะ และอบาเจาะ ด้วยการตามรอยคราบเลือดของคนร้ายที่มุ่งหน้าขึ้นเทือกเขา โดยเชื่อว่ามีแกนนำอย่างน้อย 2 ใน 5 คน คือ นายอับดุลฮากิม ปูตะ นายยัฟรี สารอเอง นายอาพันดี กาพา นายรอแปอิง อุเซ็ง และนายมะดารี วาหลง รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามป่าบนเทือกเขารกทึบ ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น จึงยังไม่พบกลุ่มคนร้าย
ด้านความคืบหน้าคดีนายเจะหมะ วานิ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งถูกจับกุมตได้เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพวันพรุ่งนี้(18 ก.พ.)รวม 3 จุด เริ่มจากสี่แยกหน้าหอนาฬิกาอ.จะนะ ซึ่งนายเสรีและนายรุสลัน ขับรถยนต์ที่ประกอบคาร์บอมบ์มารับ บริเวณหน้ามัสยิดควนลังซึ่งทั้ง 3 คนแวะละหมาดและวางแผน และโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า ที่นายเสรีและนายรุสลัน ขับรถลงไปยังชั้นใต้ดิน ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น โดยเตรียมกำลังดูแลบริเวณสถานที่ทำแผนทั้ง 3 จุดเต็มที่
**"ยิ่งลักษณ์"ใบ้กินไม่ตอบเปลี่ยนคนดูใต้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุระเบิดในจ.ปัตตานี ว่าได้รับรายงานแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ได้ให้ทาง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.กปต.)เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด
ทั้งนี้มีความเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ จึงย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลความปลอดภัยประชาชนให้เต็มที่ และให้ชุมชนช่วยกันดูแลตัวเองด้วย
อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีจะมีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หรือไม่
ด้านร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เหตุที่เกิดจะนำไปสู่การประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่นั้น ตนอยู่ฝ่ายการเมือง คงไม่พูดแล้ว ขอให้ฝ่ายราชการประจำเป็นคนบอกว่าต้องการหรือไม่ ซึ่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผบ.ทบ. ซึ่งเป็นที่ปรึกษาศปก.กปต.ที่เคยทำงานด้านนี้ มาร่วมหารือ ซึ่งตนมีแนวคิดว่า "อย่าชนะคนด้วยการรบ ต้องชนะโดยไม่ต้องรบ" และหากจะเอ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมาใช้ กองทัพต้องเสนอมา หากมีการมอบตัว เจ้าหน้าที่จะดูแล ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง
**"ยะใส"จี้เรียกขุนทหารถกระงับรุนแรง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า รัฐบาลควรเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นกรณีเร่งด่วน เพราะไฟใต้กำลังกลายเป็นไฟแค้น การประกาศความสำเร็จของรัฐบาลและฝ่ายทหาร หลังเหตุปะทะที่อ.บาเจาะ ยังยืนยันไม่ได้ว่า สถานการณ์จะคลี่คลายลง อย่างที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งสวนทางกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ โดยแนวโน้มมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดสงครามจิตวิทยามวลชนของฝ่ายก่อความไม่สงบ ที่อ้างว่า 3 ใน 17 ศพ โดยเฉพาะนายมะรอโซเคยตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ตากใบ สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แลสั่งใช้กำลังสลายการชุมนุม มัดมือมัดเท้าผู้ชุมนุมขึ้นรถ จนมีผู้เสียชีวิต 87 ศพ เมื่อปี 2547
"เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่มีใครปฏิเสธว่าเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้สถานการณ์ใต้แรงขึ้น ไฟใต้แปลี่ยนเป็นไฟแค้นมากขึ้น ดังนั้นนายกรัฐมนตรี และร.ต.อ.เฉลิม ควรเรียกประชุมด่วน เพื่อหามาตรการป้องกัน ระงับเหตุรุนแรง ไม่ควรเพลิดเพลินอยู่กับการลงพื้นที่หาเสียงให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทยมากเกินไป "
**อัดทำตัวเป็น"เฟอร์บี้"ช่วย"จูดี้"จนเพลิน
นายสุริยะใส กล่าวว่า ยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ ต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหาให้เป็น ไม่ใช่ทำตัวเป็นตุ๊กตาเฟอร์บี้ไปวันๆ วิกฤติ 3 จังหวัดชายแดนใต้สะท้อนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารไม่มีความหมายอีกต่อไป ทำให้ 3 จังหวัดเข้าสู่ภาวะสงครามเข้าไปทุกที
"ล่าสุดร.ต.อ.เฉลิมถึงกับออกมาบอกว่า จะกราบเท้าโจรใต้ถ้าหยุดป่วน ยิ่งตอกย้ำสติปัญญาของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งในที่สุดคนไทยอาจต้องเสีย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์"
ทั้งนี้ เวลา 14.30 น. วันเดียวกัน ที่วัดหนองยวน ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง พล.ต.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพร.อ.ธีระยุทธ บุญเตโช หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็ก
หมวดปืนเล็ก กองร้อยทหาราบที่ 15233 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 ซึ่งเสียชีวิตขณะเดินทางไปรับคนงาน เพื่อมาทำงานที่ฟาร์มตัวอย่างบ้านซาเมาะ หมู่ 4 ต.วังพญา อ.รามัน โดยคนร้ายใช้รถกระบะติดตั้งวัตถุระเบิดจอดข้างทาง และจุดชนวน
ขณะที่รถทหารมาถึง ทำให้ร.อ.ธีระยุทธเสียชีวิตพร้อมเพื่อนทหารอีก 4 นาย.