สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
เมื่อ “แมลงสาบ” เป็นรัฐบาลก็จะล้ม “ควายแดง” พอ “ควายแดง” ได้เป็นรัฐบาล ก็จะล้ม “แมลงสาบ” เช่นกัน ส่วน “ควายแดง” กับ “แมลงสาบ” ใครจะตายก่อน..ต้องดูต่อครับ
แต่ดูรูปการณ์แล้ว “ควายแดง” ได้เปรียบ “แมลงสาบ” เพราะ “ควายแดง” กล้า-หน้าด้านกว่าครับ!
ระหว่างทำสงครามชิงอำนาจรัฐกัน นักการเมืองชั่วทุกฝ่ายก็มักแอบตั้งโต๊ะ เจรจาแบ่งปันผลประโยชน์กันเสมอ การทำลายล้างทางการเมืองอย่างจริงจัง จึงมีให้เห็นไม่บ่อยครั้งนัก ส่วนใหญ่จะ “เกี้ยเซี๊ยะ” แบ่งอำนาจเงินทองกัน ดัง “แมลงสาบ” กับ “ควายแดง” ได้หลอกต้มผู้คนมาหลายครั้งแล้ว
คิดดูสิ..ตอน “แมลงสาบ” ยึดอำนาจรัฐกว่า 2 ปี “แมลงสาบ” ไม่ยอมปลดตำแหน่งตำรวจของ “ควายแดงเหลี่ยม” เลย แถมยังไม่ยอมตามจับหัวหน้าผู้ก่อการร้าย “ควายแดงเหลี่ยม” อย่างจริงจัง อีกทั้งยังปล่อยให้ “จ่าฝูงควายแดงเหลี่ยม” ปลุกระดม “ฝูงควายแดงบ้า” ให้ชุมนุมอาละวาด โค่นล้มรัฐบาล “แมลงสาบ” จนวุ่นวายไปทั้งชาติไทย
ด้วยรัฐบาล “แมลงสาบหล่อ” อ่อนแอ ชอบแต่จะสร้างภาพกลวงๆลวงผู้คน จึงแก้ปัญหาด้วยการตั้งโต๊ะเจรจาต้าอ่วย กับกลุ่ม “ควายแดงผสมคางคก” โชว์สื่อกันหน้าสลอน แต่ตกลงกันไม่ได้ด้วย”ควายแดงเหลี่ยม”ไม่เห็นด้วย กับการสงบศึกทางการเมืองในครั้งนั้น
โถ.. “แมงสาบหล่อ” แกล้งโง่จนวิเคราะห์ไม่ออกหรือไงว่า ตอนนั้น “ควายแดงเหลี่ยม” ไม่คิดจะเจรจาอีกแล้ว เพราะมีแก้ว 3 ประการ ทั้งพรรค-มวลชน-กองทัพติดอาวุธสงครามครบถ้วน “ควายแดงเหลี่ยม” จึงมุ่งจะเอาชนะด้วยทำสงครามประชาชน เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองชาติไทยเลย!
ดังนั้น ฝูง “ควายแดง” ผสม “ควายดำ” จึงก่อการเผาบ้านเผาเมือง ก่อการร้ายฆ่าทหารและผู้คนอย่างบ้าคลั่ง จนรัฐบาล “แมลงสาบ” ผู้อ่อนแอ จำต้องส่งทหารออกมาปราบ “ผู้ก่อการร้ายควายแดง” จึงนำความสงบกลับคืนสู่ชาติไทยได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ทหารหาญนี่แหละ..ที่เสียสละเลือดเนื้อชีวิต หยุดยั้งความชั่ว “จ่าฝูงควายแดงเหลี่ยม” ไว้ครับ!
ทว่า..รัฐบาล “แมลงสาบหล่อ” ผู้หน่อมแน้ม ก็มิได้ปราบขบวนการ “ควายแดง”แบบถึงกึ๋น แถมยังบริหารอำนาจรัฐ “ซูเอี้ย” กับ “ควายแดง” จนกลายเป็น “มวยล้มต้มคนดู” ไปเสียฉิบ
งานนี้หากเป็นเรื่องของ “มวย” รัฐบาล “แมลงสาบ” ต้องถูกกรรมการไล่ลงเวทีแน่นอน เพราะชกมวยเหยาะแหยะไม่สมศักดิ์แชมป์เปี้ยนนั่นเอง
โดยเฉพาะเรื่องทหารเขมรบุกยึดดินแดนไทย แถมจับคนไทยบนแผ่นดินไทยไปขังคุกที่กัมพูชา รัฐบาล “แมลงสาบ” นอกจากจะละเลย ไม่ยอมปกป้องดินแดนของชาติไทยแล้ว ยังกลับแถลงข่าวเข้าข้างฝ่ายเขมรโดยให้ร้ายคนไทยกลุ่มนั้นว่า เดินรุกล้ำ เข้าไปในดินแดนของเขมรเสียอีก!
เมื่อทหารเขมรยิงถล่มใส่ชุมชนไทย รัฐบาล “แมลงสาบ” ก็ไม่ยอมตอบโต้อย่างจริงจัง โดยอ้างว่า..สันติภาพไทยกับเขมรจะเสียหาย อ้อ..ส่วนเขมรยึดคอรงดินแดนไทยนั้น..เป็นจิ๊บจ๊อยไร้สาระ..
“เขมรฮุนเซ็น” เข่นฆ่าคนไทยอย่างเลือดเย็นครั้งนั้น เพื่อสร้างละครลวงโลกและใช้เป็นข้ออ้าง ส่งกรณีพิพาทไทย-เขมรไปยังศาลโลก เพื่อยืมมือศาลโลกยกดินแดนไทยให้เขมร โดยเหล่าคนไทยที่ขายชาติให้เขมร จะได้ไม่ถูกคนไทยประณามว่า เป็นไอ้พวกคนไทยขายชาติไงล่ะครับ
พวกคนไทยใจเขมรที่ครองอำนาจรัฐไทย ชอบพูดพล่อยๆ เสมอว่า คำสั่งศาลโลกเป็นสิ่งที่ชาติไทยต้องปฏิบัติตาม หากขัดขืนจะถูกนานาชาติลงโทษเอา ดังนั้น ถ้าศาลโลกสั่งไทยยกดินแดนให้เขมร ไทยจงยอมเสียดินแดนให้เขมรแต่โดยดีเถิด!
งานนี้..รัฐบาล “แมลงสาบ” ผู้เซ็น MOU 2543 ในยุค “ชวน หลีกภัย” จนทำให้ดินแดนที่เป็นของชาติไทยแต่เพียงผู้เดียว กลายเป็นดินแดนทับซ้อนกับกัมพูชาทันที แถมรัฐบาล “แมลงสาบหล่อ” ยังเดินตามก้นกัมพูชา จงใจเข้าไปให้ศาลโลกที่อยุติธรรมเชือดอีกด้วย นี่คือผลงานขายชาติของรัฐบาล “แมงสาบ” ครับ
เมื่อถูก “ควายแดง” กดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาล “แมลงสาบ” จึงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะหลงเชื่อว่า “พรรคแมลงสาบ” กับ “พรรคยี้ห้อย” ที่มีเงินจากการโกงชาติไม่น้อย จะซื้อเสียงเอาชนะ “พรรคควายแดงเหลี่ยม” ได้นั่นเอง
แต่การเลือกตั้งไทยมิได้ชนะกันแค่ ใครมีเงินมากเงินน้อยกว่ากันเท่านั้น หากแต่ยังต้องเชี่ยวชาญการโกง การซื้อเสียง การโกหก การใช้นโยบายประชานิยม ลด-แลก-แจก-แถมอีกด้วย
“จ่าฝูงควายแดงเหลี่ยม” ที่เก่งในเรื่องเหล่านี้ จึงนำ “ควายแดง” ชนะ “แมงสาบ”แบบไม่เห็นฝุ่น เรียกว่า.. “ควายแดง” จะชนะเหนือ “แมลงสาบ” ทุกครั้ง ที่มีการเลือกตั้งในประเทศไทย!
นางสาว “ปูกลวงลวงโลก” จึงได้เป็นนายกฯหุ่น โดยมี “ควายแดงเหลี่ยม” เป็นผู้เชิด เฮ้อ..ชาติไทยที่โชคร้าย จึงยังจมดิ่งอยู่ใต้อำนาจ “ควายแดงเหลี่ยม” ที่เปิดมหกรรมโกงกินชาติ มหกรรมโค่นล้มรัฐไทยเก่า อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่ที่อาจมี “ท่านประธานาธิบดีควายแดงเหลี่ยม” เป็นประมุข อีกทั้งอาจมีรูป”ส้นตีนแดง”เป็นธงประจำรัฐไทยใหม่ ฯลฯ
ยุค “ควายแดงขี้โกงหน้าเหลี่ยม-คิด ควายแดงตัวเมียหน้าโง่-ทำ” ชาติไทยจึงจมดิ่งลงสู่วิกฤตในทุกด้านทันที เช่น “ควายแดง-ควายดำ” ที่สู้เพื่อ “จ่าฝูงควายแดงเหลี่ยม” รัฐบาล “ปูกลวงลวงโลก” ก็ใช้เงินภาษีของคนไทยทั้งชาติ ประเคนให้กับพวกเผาบ้านเผาเมืองฆ่าทหาร ที่ตายถึงรายละ 7.75 ล้านบาท
ส่วนทหารหาญทั้งหลายที่นำความสงบสุข กลับคืนมาสู่ชาติไทยด้วยการเสียสละเลือดเนื้อชีวิต จนคนไทยส่วนใหญ่ต่างยกย่องสรรเสริญ รัฐบาล “ควายแดง”กลับให้ร้ายป้ายสี และยัดเยียดความผิดให้ทหารเป็น “ฆาตกรฆ่าประชาชน” ถูกจับตัวส่งขึ้นศาลอย่างรีบเร่งทันที
ส่วนปัญหาไทยกับเขมรนั้น “ฮุนเซ็น” รู้ว่า..เจ้าของตัวจริงเสียงจริง รัฐบาล “ปูกลวงลวงโลก” ก็คือ “ควายแดงเหลี่ยม” ซึ่งเป็นคนไทยใจเขมรตัวพ่อ ซึ่ง “เขมรฮุนเซ็น”ได้ฝึกฝน “ควายแดงเหลี่ยม” ตัวนี้ จนรู้วิธีการขายชาติไทยให้เขมรอย่างเชี่ยวชาญแล้ว
ดังนั้น ดินแดนไทยรอบตัวปราสาทพระวิหาร และตลอดแนวชายแดนอีก 1.8 ล้านไร่ แถมลึกลงไปใต้ทะเลไทย-เขมร ที่มีทั้งบ่อก๊าสและบ่อน้ำมันมหาศาล คิดเป็นเงินกว่า 5.5 ล้านล้านบาทนั้น ภายใต้รัฐบาลโง่ได้ถ้วยอย่าง “ปูกลวงลวงโลก” “เขมรฮุนเซ็น” กับ “ควายแดงเหลี่ยม” ได้สด๊วบสมใจนึกแน่นอน
แปลกแต่จริง..งานยกดินแดนไทยให้เขมร “ฮุนเซ็น” และยกบ่อก๊าซกับน้ำมันให้ต่างชาติเนี่ย “ควายแดง” กับ “แมลงสาบ” ทำเหมือนกันราวกับนัดกันไว้ นั่นคือ อ้างการรักษาสันติภาพไทย-เขมร เป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด หรือเหนือกว่าการเสียดินแดนไทยให้ชาติเขมรเสียด้วยสิ..
แหม..ก็มันแค่ที่ดิน “แมวดิ้นตาย” เท่านั้น คนไทยต้องทำใจยกให้เขมรมันไปเหอะ อย่าคัดค้านต่อต้านให้เหนื่อยเลยน่า แล้วก็อย่าหืออย่าอือเชียวนะ ไม่งั้น “แดงเหลี่ยม” จะส่ง “ฝูงควายแดง” ไล่ขวิดให้ไส้ไหลตายคาที่เลยนะจะบอกให้..
การยกดินแดนไทยให้เขมรของ “ควายแดงเหลี่ยม” ก็ต่อยอดจากรัฐบาล “แมงสาบ” ทำไว้ คือ ยืมมือศาลโลกตัดสินยกดินแดนไทยให้เขมร เพื่อรัฐบาล “ควายแดง”และ “แมลงสาบ” จะได้หลุดพ้นจากการถูกก่นด่าว่า เป็นรัฐบาลคนไทยใจเขมร ที่ขายชาติไทยให้ชาติเขมรไงครับ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าศาลโลกเป็นศาลภายใต้การบงการของมหาอำนาจ แต่ทั้งรัฐบาล “แมลงสาบ” และ “ควายแดง” กลับไม่ยอมประกาศปฏิเสธอำนาจของศาลโลก แบบนี้แสดงว่ารัฐบาล “แมลงสาบ” กับ “ควายแดง” ล้วนจงใจจะทำให้ชาติไทยเสียดินแดนให้เขมรนี่หว่า..จริงไหม?
ที่สำคัญรัฐบาล “ปูกลวงลวงโลก” นั้น ยังโชว์การขายชาติไทยให้เขมรชนิดน่าขยะแขยงสุดๆ อีกด้วย
เพราะคณะกรรมการผสมไทย-ฝรั่งเศส ได้มีข้อสรุปร่วมกันตั้งแต่ ปี ค.ศ.1904-1907 ว่า ช่วง195 กม.จากช่องบก จ.อุบลฯ ถึงช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ให้ใช้ “สันปันน้ำ”ตรงหน้าผา เป็นจุดแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยใช้ต่อสู้ในศาลโลก เมื่อปี พ.ศ. 2505 อย่างชัดเจน ในขณะที่เขมรอ้างแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน แต่ศาลโลกไม่สนใจแผนที่ฯของกัมพูชาแต่ประการใด
ทว่า “ปึ้งไส้อั่ว” ขี้ข้า “ควายแดงเหลี่ยม”ที่เป็นคนไทยใจเขมร กลับออกเอกสารอย่างเป็นทางการโกหกหน้าตาเฉยว่า จนบัดนี้..ยังไม่เคยมีการสำรวจหา “สันปันน้ำ”อย่างเป็นทางการกันเลย!
เฮ้อ..”สันปันน้ำ” แพ้ “สันดานคน” ขายชาติ สายพันธุ์ “แมลงสาบ” และ “ควายแดง” แล้วครับ!