เอเจนซีส์ – สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ แห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงประกาศสละราชสมบัติ เปิดทางให้พระราชโอรส เจ้าฟ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ ขึ้นเป็นองค์พระประมุขที่เป็นชายองค์แรกของแดนกังหันลมในรอบระยะเวลากว่าร้อยปี
วันจันทร์ที่ผ่านมา (28) พระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงมีพระราชดำรัสเผยแพร่ทางโทรทัศน์ว่า จะส่งมอบราชบัลลังก์ให้แก่พระราชโอรส วิลเลม อเล็กซานเดอร์ เจ้าชายแห่งออเรนจ์ ในวันที่ 30 เมษายน หลังจากที่พระองค์เองครองราชย์มายาวนาน 33 ปี
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะทรงมีพระชนมายุครบ 75 พรรษาในวันพฤหัสบดีนี้ (31ม.ค.) ยังตรัสว่า การที่ปีนี้พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 75 พรรษา อีกทั้งเป็นวาระครบรอบ 200 ปีของระบอบราชาธิปไตยเนเธอร์แลนด์ ตลอดจนความเชื่อมั่นในพระทัยที่ว่า ควรส่งมอบความรับผิดชอบในการดูแลประเทศชาติให้แก่คนรุ่นใหม่ คือเหตุผลในการสละราชสมบัติ
ทางด้าน มาร์ค รัทเทอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ได้แถลงตามมาทันทีว่า สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงเป็นพระราชินีในดวงใจของประชาชนและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ และสำทับว่า เจ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์และเจ้าหญิงแมกซิมา พระชายา ทรงพร้อมแล้วสำหรับภารกิจในอนาคต
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีนาถจูเนียนา พระราชมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ ก็ทรงสละราชสมบัติเช่นเดียวกันนี้เมื่อปี 1980 ในตอนที่พระราชธิดามีพระชนมายุ 42 พรรษา
การสละราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลากว่า 100 ปีที่ราชบัลลังก์แดนกังหันลมตกเป็นของเจ้านายฝ่ายหญิง โดยที่เจ้าฟ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ ที่ขณะนี้ทรงมีพระชนมายุ 45 พรรษา จะทรงเป็นกษัตริย์ชายพระองค์แรกของเนเธอร์แลนด์ นับจากกษัตริย์วิลเลมที่ 3 ที่ทรงครองราชย์จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี 1890
ภายใต้รัฐธรรมนูญเนเธอร์แลนด์ องค์พระประมุขของประเทศทรงมีพระราชอำนาจจำกัด นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมายังเป็นครั้งแรกที่มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี โดยที่มิได้มีการขอพระราชอนุญาตจากควีนเบียทริกซ์
กระนั้น ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ก็ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจที่ไม่ใช่เป็นเพียงงานพระราชพิธีเท่านั้น พระองค์ยังทรงเปลี่ยนพระราชวังในกรุงเฮกเป็นสถานที่ทรงงาน ให้การต้อนรับพระราชอาคันตุกะ หารือภารกิจของรัฐบาลกับนายกรัฐมนตรีเป็นประจำทุกสัปดาห์ กระทั่งทรงได้รับสมญานามว่า “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่งเนเธอร์แลนด์”
สำหรับเจ้าฟ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ พระองค์ทรงศึกษาวิชาเอกประวัติศาสตร์และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดน้ำ แม้พระองค์จะทรงมีภาพลักษณ์ว่าเป็นนักดื่มสมัยที่ทรงเป็นนิสิต แต่หลังจากนั้นก็ได้ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระราชภารกิจต่างๆ
ปัจจุบัน มกุฎราชกุมารเนเธอร์แลนด์ทรงเป็นนักบิน สมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และภาพลักษณ์ของพระองค์ยิ่งดีขึ้นมากภายหลังทรงอภิเษกสมรสกับ แมกซิมา ซอร์เรกิตา หญิงสามัญชนชาวอาร์เจนตินาในปี 2002 โดยมีพระโอรสและพระธิดาด้วยกัน 3 องค์
เจ้าหญิงแมกซิมา ที่ขณะนี้มีพระชนมายุ 41 พรรษา ทรงชนะใจชาวดัทช์อย่างรวดเร็ว แม้บิดาของพระองค์เคยเป็นเจ้าหน้าที่ในคณะรัฐบาลเผด็จการทหารของอาร์เจนตินาในช่วงทศวรรษ 1970 ก็ตาม
สถานีโทรทัศน์เอ็นโอเอสของทางการรายงานว่า พระราชพิธีราชาภิเษกจะจัดขึ้นที่มหาวิหารนิวเชิร์ช กรุงอัมสเตอร์ดัม อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดว่า การเฉลิมฉลองพระราชพิธีราชาภิเษกจะคละเคล้าไปด้วยบรรยากาศความกังวลเกี่ยวกับพระพลานามัยของเจ้าชายฟริโซ พระอนุชาของเจ้าฟ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ ที่ทรงมีอาการโคมา ภายหลังทรงประสบอุบัติเหตุจากหิมะถล่มในออสเตรียเมื่อต้นปีที่แล้ว
วันจันทร์ที่ผ่านมา (28) พระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงมีพระราชดำรัสเผยแพร่ทางโทรทัศน์ว่า จะส่งมอบราชบัลลังก์ให้แก่พระราชโอรส วิลเลม อเล็กซานเดอร์ เจ้าชายแห่งออเรนจ์ ในวันที่ 30 เมษายน หลังจากที่พระองค์เองครองราชย์มายาวนาน 33 ปี
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะทรงมีพระชนมายุครบ 75 พรรษาในวันพฤหัสบดีนี้ (31ม.ค.) ยังตรัสว่า การที่ปีนี้พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 75 พรรษา อีกทั้งเป็นวาระครบรอบ 200 ปีของระบอบราชาธิปไตยเนเธอร์แลนด์ ตลอดจนความเชื่อมั่นในพระทัยที่ว่า ควรส่งมอบความรับผิดชอบในการดูแลประเทศชาติให้แก่คนรุ่นใหม่ คือเหตุผลในการสละราชสมบัติ
ทางด้าน มาร์ค รัทเทอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ได้แถลงตามมาทันทีว่า สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงเป็นพระราชินีในดวงใจของประชาชนและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ และสำทับว่า เจ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์และเจ้าหญิงแมกซิมา พระชายา ทรงพร้อมแล้วสำหรับภารกิจในอนาคต
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีนาถจูเนียนา พระราชมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ ก็ทรงสละราชสมบัติเช่นเดียวกันนี้เมื่อปี 1980 ในตอนที่พระราชธิดามีพระชนมายุ 42 พรรษา
การสละราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลากว่า 100 ปีที่ราชบัลลังก์แดนกังหันลมตกเป็นของเจ้านายฝ่ายหญิง โดยที่เจ้าฟ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ ที่ขณะนี้ทรงมีพระชนมายุ 45 พรรษา จะทรงเป็นกษัตริย์ชายพระองค์แรกของเนเธอร์แลนด์ นับจากกษัตริย์วิลเลมที่ 3 ที่ทรงครองราชย์จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี 1890
ภายใต้รัฐธรรมนูญเนเธอร์แลนด์ องค์พระประมุขของประเทศทรงมีพระราชอำนาจจำกัด นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมายังเป็นครั้งแรกที่มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี โดยที่มิได้มีการขอพระราชอนุญาตจากควีนเบียทริกซ์
กระนั้น ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ก็ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจที่ไม่ใช่เป็นเพียงงานพระราชพิธีเท่านั้น พระองค์ยังทรงเปลี่ยนพระราชวังในกรุงเฮกเป็นสถานที่ทรงงาน ให้การต้อนรับพระราชอาคันตุกะ หารือภารกิจของรัฐบาลกับนายกรัฐมนตรีเป็นประจำทุกสัปดาห์ กระทั่งทรงได้รับสมญานามว่า “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่งเนเธอร์แลนด์”
สำหรับเจ้าฟ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ พระองค์ทรงศึกษาวิชาเอกประวัติศาสตร์และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดน้ำ แม้พระองค์จะทรงมีภาพลักษณ์ว่าเป็นนักดื่มสมัยที่ทรงเป็นนิสิต แต่หลังจากนั้นก็ได้ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระราชภารกิจต่างๆ
ปัจจุบัน มกุฎราชกุมารเนเธอร์แลนด์ทรงเป็นนักบิน สมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และภาพลักษณ์ของพระองค์ยิ่งดีขึ้นมากภายหลังทรงอภิเษกสมรสกับ แมกซิมา ซอร์เรกิตา หญิงสามัญชนชาวอาร์เจนตินาในปี 2002 โดยมีพระโอรสและพระธิดาด้วยกัน 3 องค์
เจ้าหญิงแมกซิมา ที่ขณะนี้มีพระชนมายุ 41 พรรษา ทรงชนะใจชาวดัทช์อย่างรวดเร็ว แม้บิดาของพระองค์เคยเป็นเจ้าหน้าที่ในคณะรัฐบาลเผด็จการทหารของอาร์เจนตินาในช่วงทศวรรษ 1970 ก็ตาม
สถานีโทรทัศน์เอ็นโอเอสของทางการรายงานว่า พระราชพิธีราชาภิเษกจะจัดขึ้นที่มหาวิหารนิวเชิร์ช กรุงอัมสเตอร์ดัม อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดว่า การเฉลิมฉลองพระราชพิธีราชาภิเษกจะคละเคล้าไปด้วยบรรยากาศความกังวลเกี่ยวกับพระพลานามัยของเจ้าชายฟริโซ พระอนุชาของเจ้าฟ้าชายวิลเลม อเล็กซานเดอร์ ที่ทรงมีอาการโคมา ภายหลังทรงประสบอุบัติเหตุจากหิมะถล่มในออสเตรียเมื่อต้นปีที่แล้ว