xs
xsm
sm
md
lg

ดารา-นักร้อง คือ อาชีพแบบอย่างที่ดี

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ สิริรัตนจิตต์

โดย...อภินันท์ สิริรัตนจิตต์
คณะศิลปศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

วงการมายา นับได้ว่า เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่ ใน Generation นี้ ไม่ใช่เพราะเทรนด์ของการแสดงในซีกโลกตะวันออกกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และค่านิยมในสังคมไทยที่เปลี่ยนไป สู่ยุค Modernization ที่มี Facebook แฟนคลับชอบดารา บ้านักร้อง ปกป้องศิลปินเกาหลี แต่ร้องยี้ความเป็นไทยเท่านั้น คงยอมรับว่า กระแสโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วสูงมาก

อาชีพดารา-นักร้อง ไม่ได้เป็นเพียงอาชีพที่มีโอกาสในการเปิดเผยตัวต่อสื่อสาธารณะเพียงอย่างเดียว แต่อาชีพดารา-นักร้องนี้ ยังคงมีภาระรับความคาดหวังจากสังคมให้เป็นอาชีพที่เป็นแบบอย่างที่ดี จากกรณี “พี ปรเมศวร์” ที่มีความเกี่ยวข้องกับวงการมายา ถูกตั้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเสียชีวิต มิอาจปฏิเสธว่า นี่คือ พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของคนในวงการมายา หากย้อนกลับไปดูเรื่องราวดารา-นักร้อง ที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ พบว่า นักร้องสาววงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ มีคดีเมาแล้วขับ ทั้งๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ในโครงการเมาไม่ขับ หรือเสก โลโซ ร็อกสตาร์ที่เกี่ยวพันด้วยยาเสพติด และกรณี “เต๋า สมชาย” ไล่ชกโกตา เป็นต้น เหล่านี้เป็นภาพแบบอย่างที่ไม่ดีของดารา-นักร้อง ซึ่งเชื่อมั่นว่า สังคมตัดสินได้ว่า นั่นเป็นความผิดของบุคคล ไม่ใช่อาชีพที่เขากระทำอยู่

แต่ถึงกระนั้นจะปฏิเสธไม่ได้ว่า อาชีพดารา-นักร้อง มีผลกระทบต่อค่านิยมและเจตคติของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทั้งในด้านบวกและลบ เมื่อเหรียญยังคงมีสองหน้า แม้นว่าในวงการมายาจะมีภาพลบของพฤติกรรมไม่ดี แต่ความดีงามมักแฝงอยู่ได้เสมอ ทำให้ผู้เขียนซึ้งซาบและอนุโมทนาจิตไว้ เมื่อมีข่าวพระเจสันยัง ดาราหนุ่ม ตั้งใจบวชไม่มีกำหนดสึก เพื่อปฏิบัติวัตรอันงดงาม หรือดาราอย่างเคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ซึ่งครองชีวิตครอบครัวด้วยความอบอุ่น จนกลายเป็นบุคคลและครอบครัวแบบอย่าง (Role Model) จึงกล่าวได้ว่าดารา-นักร้อง เป็นอาชีพหนึ่ง ซึ่งสังคมคาดหวังให้ผู้อยู่ในอาชีพระมัดระวังและวางตนเป็นแบบอย่างที่ดี อย่างน้อยเพื่อแฟนคลับและเยาวชนรุ่นใหม่ที่ติดตามผลงานอยู่ เพราะเหตุสถานะแห่งการเป็นบุคคลของสาธารณะ ที่มิอาจเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมไปได้

แม้บางครั้งผู้เขียนรู้สึกเศร้าใจ เมื่อมีข่าวดารา-นักร้อง ผู้กระทำความผิดกลับบีบน้ำตาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ เพื่อแสดงออกว่า การกระทำนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ตนรู้สำนึกผิดแล้ว ขอโอกาสจากสังคม ซึ่งแท้จริงแล้วควรจะคิดอย่างมีสติก่อนกระทำ และในสถานการณ์เช่นนี้ “พี ปรเมศวร์” กำลังตกอยู่ในห้วงยามนั้น เมื่อเขาขอโอกาสจากสังคม อย่าเพิ่งพิพากษาเขา ด้วยเหตุว่า เขามิใช่ผู้มีอาชีพการเป็นบุคคลของสาธารณะ เป็นแต่เพียงผู้ร่วมอาชีพดารา-นักร้องเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น