ตร.เร่งล่าตัวโจรอ้วน-ผอม ลักทรัพย์รอง ผกก.หนองหญ้าไซ หลังกวาดทรัพย์ไปกว่า 2 แสนบาท พร้อมนำเลขซีเรียลนัมเบอร์ของคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ค รวมทั้งแหวนเพชรที่หายไป สืบหาตามแหล่งโรงนับจำนำ เผยบ้านหลังเกิดเหตุอยู่ซอยเดียวกับบ้านของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
วานนี้ (20 ม.ค.) พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยความคืบหน้าจากกรณีคนร้ายบุกเข้าไปลักทรัพย์ ภายในบ้านเลขที่ 325 ซ.วิภาวดีรังสิต 42 แยก18-1 ถ.วิภาวดี แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.ซึ่งเป็นบ้านของ พ.ต.ท.พิชัย พุ่มประดับ รอง ผกก.สส.สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ก่อนกวาดทรัพย์สินได้แหวนเพชรไป 2 วง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส 1 เครื่อง และแว่นสายตายี่ห้อเลย์แบรนด์ 1 อัน รวมทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท หลบหนีไปได้นั้น ตามที่เสนอข่าวแล้ววานนี้ (19 ม.ค.) ว่า หลังจากเกิดเหตุได้ทำการสอบปากคำ นางจุทาภรณ์ แพใหม่ อายุ 50 ปี ภรรยาของ พ.ต.ท.พิชัย และแม่บ้านแล้ว โดยล่าสุดจะสอบปากคำพยานที่อยู่ในละแวกดังกล่าวเพิ่มเติมเพื่อเร่งหาเบาะแสคนร้าย
พ.ต.อ.ชาตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเลขซีเรียลนัมเบอร์ของคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ครวมทั้งแหวนเพชรที่หายไป สืบหาตามแหล่งโรงนับจำนำและร้านรับซื้อเครื่องประดับต่างๆ รวมทั้งแกะรอยติดตามสัญญาณ GPS ที่ทราบว่ามีติดอยู่ในโทรศัพท์มือถือไอโฟน 4เอส ที่คนร้ายขโมยไปว่าขณะนี้โทรศัพท์นั้นไปอยู่ที่จุดใด และให้เจ้าหน้าที่เร่งหาภาพจากล้องวงจรปิดภายในซอยที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงแล้ว แต่ภาพยังไม่ชัดเจนนักว่าใช่คนร้ายหรือไม่ และต้องรอผลการตรวจลายนิ้วมือจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับประวัติของคนขับรถซาเล้งและรับซื้อของเก่าที่อยู่ในพื้นที่
โดยคดีนี้ พ.ต.ท.มานิต จันทร์ประเสริฐ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายเข้าลักทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 325 ซ.วิภาวดี 42 แยก 18-1 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบของชิด เนื้อที่ประมาณ 70 ตารางวา สภาพภายในบ้านบริเวณชั้นล่างพบร่องรอยถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจายทั่วบ้าน รวมทั้งลิ้นชักของตู้ไม้ภายในบ้านถูกเปิดออก ส่วนประตูหลังบ้านก็ถูกเปิดทิ้งค้างไว้ นอกจากนี้ยังพบรอยเท้าและรอยนิ้วมือซึ่งคาดว่าจะเป็นของคนร้าย จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงไว้ตรวจสอบ ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุอยู่ซอยเดียวกับบ้านของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรอง ผบ.ตร. และเลขาฯ ป.ป.ส. ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. และห่างกันประมาณแค่ 50 เมตร
นางจุฑาภรณ์ แพไหม อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวพักอาศัยอยู่กันทั้งหมด 4 คน คือ ตน ลูกชาย แม่บ้าน และสามี คือ พ.ต.ท.วิชัย พุ่มประดับ รอง ผกก.สส. สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจะกลับมาบ้านเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น โดยก่อนเกิดเหตุตนรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงได้กินยาแล้วขึ้นไปนอนพักผ่อนพร้อมกับลูกชาย เวลาประมาณ 19.00 น.ที่ชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งแม่บ้านนอนอยู่ห้องด้านล่าง แต่พอช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.00 น.ได้ตื่นขึ้นและลงมาดูชั้นล่างก็พบข้าวของถูกรื้อค้น เมื่อไปดูหลังบ้านก็พบว่าหน้าต่างและประตูถูกเปิดทิ้งไว้ ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปพบว่าประกอบด้วยแม็คบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง แหวนเพชรเก่าแก่จำนวน 2 วง แว่นตาเรย์แบน กระเป๋าแบรนด์เนม พระเครื่อง และเงินสด 3 หมื่นบาท รวมทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่ให้มาตรวจสอบและตนได้โทรศัพท์บอกสามีให้ทราบเรื่องแล้ว
“จากการสอบถามแม่บ้านคาดว่าคนร้ายน่าจะเข้ามาประมาณ 23.00 น. เพราะได้ยินเสียงสุนัขเห่า และเห็นผู้ชายเดินไปมาบริเวณหน้าบ้าน 2 คน คนหนึ่งรูปร่างผอมสูง ส่วนอีกคนอ้วนเตี้ย แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่ส่วนตัวยังสงสัยซาเล้งที่เคยเข้ามาดูทีวีเก่าเครื่องใหญ่ที่ตั้งใจจะขาย ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2555 ซึ่งซาเล้งมีพฤติกรรมผิดสังเกต เพราะก่อนหน้านี้อยู่บ้านหลังดังกล่าวมากว่า 10 ปี ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน” นางจุฑาภรณ์กล่าว.
วานนี้ (20 ม.ค.) พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยความคืบหน้าจากกรณีคนร้ายบุกเข้าไปลักทรัพย์ ภายในบ้านเลขที่ 325 ซ.วิภาวดีรังสิต 42 แยก18-1 ถ.วิภาวดี แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.ซึ่งเป็นบ้านของ พ.ต.ท.พิชัย พุ่มประดับ รอง ผกก.สส.สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ก่อนกวาดทรัพย์สินได้แหวนเพชรไป 2 วง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส 1 เครื่อง และแว่นสายตายี่ห้อเลย์แบรนด์ 1 อัน รวมทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท หลบหนีไปได้นั้น ตามที่เสนอข่าวแล้ววานนี้ (19 ม.ค.) ว่า หลังจากเกิดเหตุได้ทำการสอบปากคำ นางจุทาภรณ์ แพใหม่ อายุ 50 ปี ภรรยาของ พ.ต.ท.พิชัย และแม่บ้านแล้ว โดยล่าสุดจะสอบปากคำพยานที่อยู่ในละแวกดังกล่าวเพิ่มเติมเพื่อเร่งหาเบาะแสคนร้าย
พ.ต.อ.ชาตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเลขซีเรียลนัมเบอร์ของคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ครวมทั้งแหวนเพชรที่หายไป สืบหาตามแหล่งโรงนับจำนำและร้านรับซื้อเครื่องประดับต่างๆ รวมทั้งแกะรอยติดตามสัญญาณ GPS ที่ทราบว่ามีติดอยู่ในโทรศัพท์มือถือไอโฟน 4เอส ที่คนร้ายขโมยไปว่าขณะนี้โทรศัพท์นั้นไปอยู่ที่จุดใด และให้เจ้าหน้าที่เร่งหาภาพจากล้องวงจรปิดภายในซอยที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงแล้ว แต่ภาพยังไม่ชัดเจนนักว่าใช่คนร้ายหรือไม่ และต้องรอผลการตรวจลายนิ้วมือจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับประวัติของคนขับรถซาเล้งและรับซื้อของเก่าที่อยู่ในพื้นที่
โดยคดีนี้ พ.ต.ท.มานิต จันทร์ประเสริฐ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายเข้าลักทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 325 ซ.วิภาวดี 42 แยก 18-1 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบของชิด เนื้อที่ประมาณ 70 ตารางวา สภาพภายในบ้านบริเวณชั้นล่างพบร่องรอยถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจายทั่วบ้าน รวมทั้งลิ้นชักของตู้ไม้ภายในบ้านถูกเปิดออก ส่วนประตูหลังบ้านก็ถูกเปิดทิ้งค้างไว้ นอกจากนี้ยังพบรอยเท้าและรอยนิ้วมือซึ่งคาดว่าจะเป็นของคนร้าย จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงไว้ตรวจสอบ ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุอยู่ซอยเดียวกับบ้านของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรอง ผบ.ตร. และเลขาฯ ป.ป.ส. ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. และห่างกันประมาณแค่ 50 เมตร
นางจุฑาภรณ์ แพไหม อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวพักอาศัยอยู่กันทั้งหมด 4 คน คือ ตน ลูกชาย แม่บ้าน และสามี คือ พ.ต.ท.วิชัย พุ่มประดับ รอง ผกก.สส. สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจะกลับมาบ้านเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น โดยก่อนเกิดเหตุตนรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงได้กินยาแล้วขึ้นไปนอนพักผ่อนพร้อมกับลูกชาย เวลาประมาณ 19.00 น.ที่ชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งแม่บ้านนอนอยู่ห้องด้านล่าง แต่พอช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.00 น.ได้ตื่นขึ้นและลงมาดูชั้นล่างก็พบข้าวของถูกรื้อค้น เมื่อไปดูหลังบ้านก็พบว่าหน้าต่างและประตูถูกเปิดทิ้งไว้ ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปพบว่าประกอบด้วยแม็คบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง แหวนเพชรเก่าแก่จำนวน 2 วง แว่นตาเรย์แบน กระเป๋าแบรนด์เนม พระเครื่อง และเงินสด 3 หมื่นบาท รวมทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่ให้มาตรวจสอบและตนได้โทรศัพท์บอกสามีให้ทราบเรื่องแล้ว
“จากการสอบถามแม่บ้านคาดว่าคนร้ายน่าจะเข้ามาประมาณ 23.00 น. เพราะได้ยินเสียงสุนัขเห่า และเห็นผู้ชายเดินไปมาบริเวณหน้าบ้าน 2 คน คนหนึ่งรูปร่างผอมสูง ส่วนอีกคนอ้วนเตี้ย แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่ส่วนตัวยังสงสัยซาเล้งที่เคยเข้ามาดูทีวีเก่าเครื่องใหญ่ที่ตั้งใจจะขาย ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2555 ซึ่งซาเล้งมีพฤติกรรมผิดสังเกต เพราะก่อนหน้านี้อยู่บ้านหลังดังกล่าวมากว่า 10 ปี ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน” นางจุฑาภรณ์กล่าว.
