00 สมกับเป็น“นักแสดง” มืออาชีพจริงๆ สำหรับ เจ้า “จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่แม้จะพ้นจากเก้าอี้เลขาฯปปส.และ รองผบ.ตร.(ชั่วคราว) เพื่อมาลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ก็ต้องขอเป็นข่าวกันทุกวินาที ไม่ว่าจะเป็นการหอบดอกไม้ ธูปเทียนไปกราบลา (ทำยังกะไปไม่กลับ) นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือก่อนหน้านั้นก็ไปพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คนที่คุมตำรวจ และดูแลด้านปราบยาเสพติด อย่างไรก็ดี มันเป็นเรื่องที่ทำได้ ไม่ผิดกติกา แต่สำหรับคนที่รู้ทันติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอดพวกเขาอาจจะเลี่ยนจนอ๊วกใส่หน้าเอาได้
00 ภาพของ พงศพัศ สำหรับคนทั่วไปอาจมองเห็นจนชินตาตามสื่อ เพราะทำหน้าที่โฆษกสตช. มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งด้วยบุคลิกที่ดูแล้วมีความสัมพันธ์กับสื่อ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แทบทุกวันจะต้องมีข่าวคราวของเขา มีทั้งประเภทข่าวฝาก ข่าวเชียร์แทบทุกวัน จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่า ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเจ้าของพรรค จึงสนับสนุนให้ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม. และที่สำคัญมาจาก “ตำรวจ” ด้วยเหมือนกัน
00 อย่างไรก็ดี เมื่อลงสนามการเมืองเต็มตัว แน่นอนว่าต้องเจอกับขวากหนาม ชนักปักหลังที่เคยปักคาเอาไว้ก่อนหน้านี้ แม้พยายามเก็บเงียบเอาไว้ เนื่องจากเป็นตำรวจ แต่เมื่อลงมาแบบนี้รับรองว่าคดี “คดีขโมยของ” ในสหรัฐฯ เมื่อครั้งไปเรียนหนังสือหลายปีก่อน ต้องถูกคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง และถึงแม้ว่าอาจไม่มีผลกระทบกับคะแนนเสียงโดยตรง แต่รับรองว่า มันทำให้ชาวบ้านไม่น้อยต้องมาฉุกคิดว่า ขนาดเรื่องเล็กๆน้อยๆ ยังทำกันได้ แล้วเรื่องใหญ่ๆ ที่มีงบประมาณมากๆ มันจะไว้ใจได้หรือ อีกทั้งที่ผ่านมาตัวเองยังเป็นตำรวจ ทำหน้าที่รักษากม. มันก็น่าคิดเหมือนกันนะ !!
00 การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าคนกรุงคิดอย่างไร กับพรรคเผาเมือง กับพวกเผาเมือง และผู้สมัครที่มีพวกเผาเมือง และนักโทษหนีคุกทุจริตโกงบ้านโกงเมือง ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง มันก็น่าคิดเหมือนกันว่าถ้ายังให้การสนับสนุนพวกแก๊งนี้ ทั้งที่พวกเสื้อแดงยกกองกำลังมาปิดเมืองนานนับเดือน เผาราชประสงค์ จนวายวอด มันก็น่าคิดเหมือนกันว่า บ้านเมืองมันถึงคราวจะวิบัติแล้วหรือ !!
00 สำหรับ พล.ต.อ.พงศพัศ นาทีนี้ไม่มีความเสี่ยง มีแต่ “กำไร” เพราะถึงแม้ว่าจะสอบตก ชาวบ้านเมินหน้าไม่เลือกให้มาเป็นผู้ว่าฯกทม. เขาก็สามารถกลับมาเป็น เลขาฯปปส. ควบรอง ผบ.ตร. ได้อีกรอบ เพราะดูแนวโน้มแล้วตำแหน่งดังกล่าวพรรคเพื่อไทย ยังสงวนเอาไว้รอ ก็ต้องน่าติดตามว่า เป็นอย่างที่คาดเดาเอาไว้หรือไม่ แต่แนวโน้มเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ
00 ส่วนค่ายปชป. งานนี้ในเมื่อกัดฟันส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงป้องกันแชมป์อีกรอบ มันก็ย่อมเหนื่อยหนักแน่ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ผลงาน “คุณชาย” ผ่านมา 4 ปี ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ไม่มีอะไรโดดเด่น มิหนำซ้ำหลายเรื่องยังมี “พิรุธ” อย่างที่มีเสียงนินทาร้องเรียนนั่นแหละ
00 เหตุการณ์ชายแดนใต้ทั้งก่อนและหลังวันครูยังเหมือนเดิม นั่นคือ ยังไม่อาจควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้ โดยเฉพาะงานด้าน “การข่าว” ยังไม่อาจเชื่อมต่อกันติด เพราะราวกับว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐไม่อาจสกัดกั้น หรือแม้แต่การติดตามคนร้าย หรือบล็อกแนวร่วมในพื้นที่ ก็ยังล้มเหลว หลายครั้งขนาดหลังก่อเหตุคนร้ายหนีเข้าไปในหมู่บ้านเห็นหลังไวๆ ก็จับไม่ได้ เนื่องจากไม่มีเบาะแส ไม่ได้รับความร่วมมือ ก็ต้องแก้ไขกันไป แต่ตราบใดก็ตาม ถ้าฝ่ายพลเรือนยังมีหัวหน้าทีมอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ก็เชื่อขนมกินได้ล่วงหน้าเลยว่า เจ๊งแน่ ก็ขนาดพื้นที่ยังไม่กล้าลงไปสัมผัส มันจะมีความหวังอะไรได้ !!
00 หลังต่อสู้ยืดเยื้อกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2545 ในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ในที่สุดก็มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้สตช. ชดใช้ค่าเสียหายกับชาวบ้านที่ชุมนุมคัดค้านท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซที่จะนะ สงขลา ที่ร่วมกันฟ้องร้องจำนวน 24 คน จำนวน 1 แสนบาท เนื่องจากเห็นว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ขัดขวางไม่ให้ชาวบ้านใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และหนึ่งในนายตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการก็คือ พ.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง (ยศในขณะนั้น) ช่วงสี่ห้าเดือนมานี้ อาจกำลังสนุกกับตำแหน่งในปัจจุบัน ที่สื่อความหมายให้เข้าใจว่า “พี่มอบให้” ไม่สนใจว่า พี่คนนั้นจะเป็นโจร เป็นอาชญากรหรือไม่ และผลจากคำตัดสินของศาลดังกล่าว ยังทำให้สังคมได้กลับมาฉุกคิดได้ว่า ตำรวจแบบนี้ได้เคยทำอะไรในภาคใต้มาบ้าง
00 ภาพของ พงศพัศ สำหรับคนทั่วไปอาจมองเห็นจนชินตาตามสื่อ เพราะทำหน้าที่โฆษกสตช. มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งด้วยบุคลิกที่ดูแล้วมีความสัมพันธ์กับสื่อ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แทบทุกวันจะต้องมีข่าวคราวของเขา มีทั้งประเภทข่าวฝาก ข่าวเชียร์แทบทุกวัน จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่า ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเจ้าของพรรค จึงสนับสนุนให้ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม. และที่สำคัญมาจาก “ตำรวจ” ด้วยเหมือนกัน
00 อย่างไรก็ดี เมื่อลงสนามการเมืองเต็มตัว แน่นอนว่าต้องเจอกับขวากหนาม ชนักปักหลังที่เคยปักคาเอาไว้ก่อนหน้านี้ แม้พยายามเก็บเงียบเอาไว้ เนื่องจากเป็นตำรวจ แต่เมื่อลงมาแบบนี้รับรองว่าคดี “คดีขโมยของ” ในสหรัฐฯ เมื่อครั้งไปเรียนหนังสือหลายปีก่อน ต้องถูกคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง และถึงแม้ว่าอาจไม่มีผลกระทบกับคะแนนเสียงโดยตรง แต่รับรองว่า มันทำให้ชาวบ้านไม่น้อยต้องมาฉุกคิดว่า ขนาดเรื่องเล็กๆน้อยๆ ยังทำกันได้ แล้วเรื่องใหญ่ๆ ที่มีงบประมาณมากๆ มันจะไว้ใจได้หรือ อีกทั้งที่ผ่านมาตัวเองยังเป็นตำรวจ ทำหน้าที่รักษากม. มันก็น่าคิดเหมือนกันนะ !!
00 การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าคนกรุงคิดอย่างไร กับพรรคเผาเมือง กับพวกเผาเมือง และผู้สมัครที่มีพวกเผาเมือง และนักโทษหนีคุกทุจริตโกงบ้านโกงเมือง ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง มันก็น่าคิดเหมือนกันว่าถ้ายังให้การสนับสนุนพวกแก๊งนี้ ทั้งที่พวกเสื้อแดงยกกองกำลังมาปิดเมืองนานนับเดือน เผาราชประสงค์ จนวายวอด มันก็น่าคิดเหมือนกันว่า บ้านเมืองมันถึงคราวจะวิบัติแล้วหรือ !!
00 สำหรับ พล.ต.อ.พงศพัศ นาทีนี้ไม่มีความเสี่ยง มีแต่ “กำไร” เพราะถึงแม้ว่าจะสอบตก ชาวบ้านเมินหน้าไม่เลือกให้มาเป็นผู้ว่าฯกทม. เขาก็สามารถกลับมาเป็น เลขาฯปปส. ควบรอง ผบ.ตร. ได้อีกรอบ เพราะดูแนวโน้มแล้วตำแหน่งดังกล่าวพรรคเพื่อไทย ยังสงวนเอาไว้รอ ก็ต้องน่าติดตามว่า เป็นอย่างที่คาดเดาเอาไว้หรือไม่ แต่แนวโน้มเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ
00 ส่วนค่ายปชป. งานนี้ในเมื่อกัดฟันส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงป้องกันแชมป์อีกรอบ มันก็ย่อมเหนื่อยหนักแน่ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ผลงาน “คุณชาย” ผ่านมา 4 ปี ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ไม่มีอะไรโดดเด่น มิหนำซ้ำหลายเรื่องยังมี “พิรุธ” อย่างที่มีเสียงนินทาร้องเรียนนั่นแหละ
00 เหตุการณ์ชายแดนใต้ทั้งก่อนและหลังวันครูยังเหมือนเดิม นั่นคือ ยังไม่อาจควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้ โดยเฉพาะงานด้าน “การข่าว” ยังไม่อาจเชื่อมต่อกันติด เพราะราวกับว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐไม่อาจสกัดกั้น หรือแม้แต่การติดตามคนร้าย หรือบล็อกแนวร่วมในพื้นที่ ก็ยังล้มเหลว หลายครั้งขนาดหลังก่อเหตุคนร้ายหนีเข้าไปในหมู่บ้านเห็นหลังไวๆ ก็จับไม่ได้ เนื่องจากไม่มีเบาะแส ไม่ได้รับความร่วมมือ ก็ต้องแก้ไขกันไป แต่ตราบใดก็ตาม ถ้าฝ่ายพลเรือนยังมีหัวหน้าทีมอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ก็เชื่อขนมกินได้ล่วงหน้าเลยว่า เจ๊งแน่ ก็ขนาดพื้นที่ยังไม่กล้าลงไปสัมผัส มันจะมีความหวังอะไรได้ !!
00 หลังต่อสู้ยืดเยื้อกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2545 ในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ในที่สุดก็มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้สตช. ชดใช้ค่าเสียหายกับชาวบ้านที่ชุมนุมคัดค้านท่อก๊าซ และโรงแยกก๊าซที่จะนะ สงขลา ที่ร่วมกันฟ้องร้องจำนวน 24 คน จำนวน 1 แสนบาท เนื่องจากเห็นว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ขัดขวางไม่ให้ชาวบ้านใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และหนึ่งในนายตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการก็คือ พ.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง (ยศในขณะนั้น) ช่วงสี่ห้าเดือนมานี้ อาจกำลังสนุกกับตำแหน่งในปัจจุบัน ที่สื่อความหมายให้เข้าใจว่า “พี่มอบให้” ไม่สนใจว่า พี่คนนั้นจะเป็นโจร เป็นอาชญากรหรือไม่ และผลจากคำตัดสินของศาลดังกล่าว ยังทำให้สังคมได้กลับมาฉุกคิดได้ว่า ตำรวจแบบนี้ได้เคยทำอะไรในภาคใต้มาบ้าง