ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเตรียมเพิ่มเพดานยกเว้นภาษีให้เอสเอ็มอีที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 3 แสนบาท เยียวยาผลกระทบค่าแรง 300 บาท ชงครม.วันนี้ “อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม” ระบุห่วงสถานการณ์การเมืองส่งผลกระทบเครดิตเรตติ้งของประเทศ
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อเรียกร้องของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วประเทศ สำหรับเอสเอ็มอี หรือ บริษัทจดทะเบียนที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาท ด้วยการขยายฐานการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 15% สำหรับเอสเอ็มอีที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมที่จะได้รับยกเว้นกรณีที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 150,000 บาท
“ส่วนเอสเอ็มอีที่มีกำไรสุทธิเกิน 3 แสน- 1 ล้านบาท จะคิดในอัตรา 15% และผู้ประกอบการที่มีกำไรสุทธิเกิน 1 ล้านบาท จะคิดในอัตรา 20% โดยกระทรวงการคลังจะเร่งพิจารณาเพื่อให้ทันในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 มกราคมนี้” นายอารีพงศ์กล่าว
นายอารีพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเป็นห่วงสถานการณ์การเมือง อาจมีผลต่อการจัดอันดับเครดิตของประเทศ เนื่องจากในวันที่ 14 มกราคม สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส จะเดินทางเข้ามาเก็บข้อมูลด้านต่างๆ ในไทย เพื่อประเมินเครดิตของไทยใหม่ หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ชี้แจงข้อมูลต่างๆ กับทางบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ถึงความแข็งแกร่งของประเทศและกรอบการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
“เราได้ชี้แจงไปว่ากรอบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะเป็นการทยอยกู้เงินตามโครงการ ไม่ได้เป็นการกู้ในระยะเดียว จึงไม่ทำให้ระดับหนี้สาธารณะสูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง จากปัจจุบันที่ระดับหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่ 43% ซึ่งก็เป็นระดับที่ไม่น่ากังวล” นายอารีพงศ์กล่าว
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อเรียกร้องของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วประเทศ สำหรับเอสเอ็มอี หรือ บริษัทจดทะเบียนที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาท ด้วยการขยายฐานการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 15% สำหรับเอสเอ็มอีที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมที่จะได้รับยกเว้นกรณีที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 150,000 บาท
“ส่วนเอสเอ็มอีที่มีกำไรสุทธิเกิน 3 แสน- 1 ล้านบาท จะคิดในอัตรา 15% และผู้ประกอบการที่มีกำไรสุทธิเกิน 1 ล้านบาท จะคิดในอัตรา 20% โดยกระทรวงการคลังจะเร่งพิจารณาเพื่อให้ทันในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 มกราคมนี้” นายอารีพงศ์กล่าว
นายอารีพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเป็นห่วงสถานการณ์การเมือง อาจมีผลต่อการจัดอันดับเครดิตของประเทศ เนื่องจากในวันที่ 14 มกราคม สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส จะเดินทางเข้ามาเก็บข้อมูลด้านต่างๆ ในไทย เพื่อประเมินเครดิตของไทยใหม่ หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ชี้แจงข้อมูลต่างๆ กับทางบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ถึงความแข็งแกร่งของประเทศและกรอบการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
“เราได้ชี้แจงไปว่ากรอบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะเป็นการทยอยกู้เงินตามโครงการ ไม่ได้เป็นการกู้ในระยะเดียว จึงไม่ทำให้ระดับหนี้สาธารณะสูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง จากปัจจุบันที่ระดับหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่ 43% ซึ่งก็เป็นระดับที่ไม่น่ากังวล” นายอารีพงศ์กล่าว
