ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ลมพายุหัวด้วนพัดต้นตะแบกและต้นยางอินเดียอายุกว่า 50 ปีล้มทับ "พระตำหนักสุขทาลัย" พระตำหนักสมเด็จย่าที่นิคมกือลอง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับความเสียหาย ส่วนที่นราฯ เริ่่มอ่วม บ้านเรือนประชาชนในอำเภอจะนะ กว่า 100 หลังคาจมบาดาล ขณะที่ดินภูเขาสไลด์ปิดเส้นทางการจราจรทหารพรานเร่งเปิดเส้นทาง "พัทลุง" ฝนยังกระหน่ำงไม่หยุด น้ำจากฝายท่าแนะล้นทะลักท่วม "ศรีบรรพต" ถนนบางจุดถูกน้ำซัดใกล้ขาด
วานนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางอรอัย บำรุง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลาว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงตลอดทั้งคืน เนื่องจากสภาพอากาศที่เกิดกลุ่มฝนและลมแรง จนกระทั่งเช้าวานนี้พบว่าที่บริเวณพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งตั้งอยู่ที่ทำการนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ 1 มีต้นตะแบก และต้นยางอินเดียขนาดใหญ่ สูงกว่า 40 เมตร อายุมากกว่า 50 ปีได้ล้มทับ “พระตำหนักสุขทาลัย” ที่ประทับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จนได้รับความเสียหาย หลังทราบเหตุ จึงพร้อมด้วยนายจุฬา จินดาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อ.บันนังสตา รุดเข้าตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบว่าต้นไม้ขนาดใหญ่ทั้งต้นตะแบกและต้นยางอินเดียล้มทับตัวอาคารของตำหนักที่ประทับบริเวณห้องโถง หน้าห้องบรรทมของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้รับความเสียหาย หลังคาพังยุบลงมา กระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย ภายในห้องบรรทมได้รับความเสียหาย บริเวณหลังคาและฝาหลังคาเล็กน้อยด้วย
จากนั้นจึงได้ระดมกำลังชาวบ้าน เจ้าหน้าที่นิคมและเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4423 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ทำการนิคมฯ เข้าตัดต้นไม้ และกิ่งไม้ขนาดใหญ่ออกจากตัวอาคารที่ประทับ โดยในเบื้องต้นนั้นยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้
ทั้งนี้ จากสภาพอาการที่เกิดมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 24-25 ธ.ค.นี้ จึงทำให้มีลมพายุหรือ "ลมหัวด้วน" พัดเอาต้นตะแบก และต้นยางอินเดีย อายุกว่า 50 ปี ที่ปลูกอยู่ใกล้พระตำหนักที่ประทับสมเด็จย่าล้มลงทับจนได้รับความเสียหายดังกล่าว
**น้ำท่วมจะแนะบ้านจมบาดาล
ส่วนในพื้นที่ จ.นราธิวาส หลังจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนวานนี้ในพื้นที่ อ.จะแนะ มีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะเส้นทางระหว่าง ต.ดุซงญอ ไปยังที่ว่าการอำเภอจะแนะ บางช่วงมีน้ำเอ่อล้นมาจากข้างทางเข้าท่วมถนน โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านสะโต ม.5 ต.จะแนะ บ้านของประชาชนกว่า 100 หลังถูกน้ำท่วมขังและมีดินสไสด์จากภูเขาปิดเส้นทางการจราจร ทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ อ.จะแนะ ต่างนำสิ่งของอพยพหนีน้ำขึ้นชั้น 2 ของบ้าน รวมถึงนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์มาจอดไว้บนถนนเพื่อป้องกันความเสียหาย
ขณะที่ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับกรมทหารพรานที่ 45 นำกำลังเจ้าหน้าที่หทารพราน ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมนำข้าวกล่องไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกันได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมรถแบ็กโฮเคลียร์เส้นทางในพื้นที่บ้านสะโต เนื่องจากมีดินสไสด์ปิดเส้นทาง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการเคลียร์เส้นทางกว่า 1 ชั่วโมง จนประชาชนสามารถใช้เส้นทางการจราจรได้ตามปกติ
**ฝนยังถล่มพัทลุงไม่หยุด-"ศรีบรรพต"จม
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมพัทลุง ยังคงน่าเป็นห่วง ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดที่ไหลผ่านลงมาทาง อ.ศรีบรรพต ผ่านฝายท่าแนะได้ล้นสปริงเวย์ และทางชลประทาน ต้องเร่งระบายน้ำออก หวั่นฝายกันน้ำพัง ทำให้ระดับน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ อ.ศรีบรรพต โดยเฉพาะที่ ต.ควนขนุน และ ต.ชะมวง ชาวบ้านต้องเร่งนำกระสอบทราบมากั้นหน้าบ้าน เนื่องจากน้ำทะลักลงมาอย่างหนัก มวลน้ำดังกล่าวได้ไหลท่วมเส้นทางตรงสี่แยกโพธิ์ทอง-อ.ศรีบรรพต และเส้นทางโพธิ์ทอง-อ.ควนขนุน โดยมีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา รวมทั้งท่วมเส้นทางในหมู่บ้าน โดยมีระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซ.ม.บางจุดบนถนนถูกน้ำกัดเซาะจนเกือบขาด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.434 พัทลุง ได้นำป้ายแสดงไปปักเพื่อป้องกันอันตราย พร้อมได้ลงไปช่วยอพยพสิ่งของให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วนแล้ว
ในขณะที่กองพันทหารช่างที่ 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ พัทลุง หน่วยทหารพัฒนาที่ 43 กองบัญชาการกองทัพไทย ตำรวจกองร้อยตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ได้เร่งระดมกำลังซ่อมแซมบ้านเรือนชาวบ้าน 4 หลังที่โดนพายุหมุน เมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างเร่งด่วนแล้วเช่นกัน
วานนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางอรอัย บำรุง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลาว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงตลอดทั้งคืน เนื่องจากสภาพอากาศที่เกิดกลุ่มฝนและลมแรง จนกระทั่งเช้าวานนี้พบว่าที่บริเวณพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งตั้งอยู่ที่ทำการนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ 1 มีต้นตะแบก และต้นยางอินเดียขนาดใหญ่ สูงกว่า 40 เมตร อายุมากกว่า 50 ปีได้ล้มทับ “พระตำหนักสุขทาลัย” ที่ประทับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จนได้รับความเสียหาย หลังทราบเหตุ จึงพร้อมด้วยนายจุฬา จินดาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อ.บันนังสตา รุดเข้าตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบว่าต้นไม้ขนาดใหญ่ทั้งต้นตะแบกและต้นยางอินเดียล้มทับตัวอาคารของตำหนักที่ประทับบริเวณห้องโถง หน้าห้องบรรทมของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้รับความเสียหาย หลังคาพังยุบลงมา กระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย ภายในห้องบรรทมได้รับความเสียหาย บริเวณหลังคาและฝาหลังคาเล็กน้อยด้วย
จากนั้นจึงได้ระดมกำลังชาวบ้าน เจ้าหน้าที่นิคมและเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4423 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ทำการนิคมฯ เข้าตัดต้นไม้ และกิ่งไม้ขนาดใหญ่ออกจากตัวอาคารที่ประทับ โดยในเบื้องต้นนั้นยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้
ทั้งนี้ จากสภาพอาการที่เกิดมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 24-25 ธ.ค.นี้ จึงทำให้มีลมพายุหรือ "ลมหัวด้วน" พัดเอาต้นตะแบก และต้นยางอินเดีย อายุกว่า 50 ปี ที่ปลูกอยู่ใกล้พระตำหนักที่ประทับสมเด็จย่าล้มลงทับจนได้รับความเสียหายดังกล่าว
**น้ำท่วมจะแนะบ้านจมบาดาล
ส่วนในพื้นที่ จ.นราธิวาส หลังจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนวานนี้ในพื้นที่ อ.จะแนะ มีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะเส้นทางระหว่าง ต.ดุซงญอ ไปยังที่ว่าการอำเภอจะแนะ บางช่วงมีน้ำเอ่อล้นมาจากข้างทางเข้าท่วมถนน โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านสะโต ม.5 ต.จะแนะ บ้านของประชาชนกว่า 100 หลังถูกน้ำท่วมขังและมีดินสไสด์จากภูเขาปิดเส้นทางการจราจร ทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ อ.จะแนะ ต่างนำสิ่งของอพยพหนีน้ำขึ้นชั้น 2 ของบ้าน รวมถึงนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์มาจอดไว้บนถนนเพื่อป้องกันความเสียหาย
ขณะที่ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับกรมทหารพรานที่ 45 นำกำลังเจ้าหน้าที่หทารพราน ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมนำข้าวกล่องไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกันได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมรถแบ็กโฮเคลียร์เส้นทางในพื้นที่บ้านสะโต เนื่องจากมีดินสไสด์ปิดเส้นทาง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการเคลียร์เส้นทางกว่า 1 ชั่วโมง จนประชาชนสามารถใช้เส้นทางการจราจรได้ตามปกติ
**ฝนยังถล่มพัทลุงไม่หยุด-"ศรีบรรพต"จม
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมพัทลุง ยังคงน่าเป็นห่วง ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดที่ไหลผ่านลงมาทาง อ.ศรีบรรพต ผ่านฝายท่าแนะได้ล้นสปริงเวย์ และทางชลประทาน ต้องเร่งระบายน้ำออก หวั่นฝายกันน้ำพัง ทำให้ระดับน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ อ.ศรีบรรพต โดยเฉพาะที่ ต.ควนขนุน และ ต.ชะมวง ชาวบ้านต้องเร่งนำกระสอบทราบมากั้นหน้าบ้าน เนื่องจากน้ำทะลักลงมาอย่างหนัก มวลน้ำดังกล่าวได้ไหลท่วมเส้นทางตรงสี่แยกโพธิ์ทอง-อ.ศรีบรรพต และเส้นทางโพธิ์ทอง-อ.ควนขนุน โดยมีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา รวมทั้งท่วมเส้นทางในหมู่บ้าน โดยมีระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซ.ม.บางจุดบนถนนถูกน้ำกัดเซาะจนเกือบขาด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.434 พัทลุง ได้นำป้ายแสดงไปปักเพื่อป้องกันอันตราย พร้อมได้ลงไปช่วยอพยพสิ่งของให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วนแล้ว
ในขณะที่กองพันทหารช่างที่ 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ พัทลุง หน่วยทหารพัฒนาที่ 43 กองบัญชาการกองทัพไทย ตำรวจกองร้อยตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ได้เร่งระดมกำลังซ่อมแซมบ้านเรือนชาวบ้าน 4 หลังที่โดนพายุหมุน เมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างเร่งด่วนแล้วเช่นกัน