ASTVผู้จัดการรายวัน-แกนนำรุ่น 2 อ้างพันธมิตรฯอาจจะหนุน "เสรีพิศุทธ์" สนามเลือกตั้งผู้ว่า กทม.คนใหม่ คาดแนวร่วมพันธมิตรฯกลุ่มชนชั้นกลางเทคะแนนให้ผู้สมัครอิสระ เบื่อหน่ายนักการเมืองสองพรรคใหญ่ “คุณชาย”ชู4ปี ฟรีโดยสารBTS สู้รถคันแรก มั่นใจปชป.ส่งแน่! ยิ้ม16จ.เสียงสูสี “พงศพัศ”กทม.ตั้งเป้าคนกรุงแห่ใช้สิทธิเกิน70%
วานนี้(18 ธ.ค.55) ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม. กล่าวอีกครั้งถึงการเปิดตัวนโยบายลงรับสมัครผู้ว่ากทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมั่นใจว่าจะได้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่คิดที่จะสมัครในนามอิสระ และเห็นว่าหากพรรคดำเนินการให้เกิดความชัดเจนได้โดยเร็วว่าจะส่งใครเป็นผู้สมัครก็จะเป็นผลดี อย่างไรก็ตามการที่ตนประกาศนโยบายว่าจะลดราคาค่าโดยสารในส่วนต่อขยายของบีทีเออ่อนนุช -แบริ่ง มีผู้ใช้กว่า 1 แสนคนต่อวัน และสะพานตากสินข้ามไปแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงบางหว้า ขณะนี้ค่าโดยสาร 15 บาทโดยกทม.เป็นผู้กำหนด แต่ทันทีที่ตนได้กำลับมาเป็นผู้ว่า กทม.จะลดค่าโดยสารเหลือ 10 บาทเพื่อจูใจให้ประชาชนทิ้งรถไว้ที่บ้านหลังจากการจราจรแออัดมากขึ้นจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนระบบรางมากขึ้น
ภายใน 4 ปีในวาระที่ดำรงตำแหน่งจะลดราคาในส่วนต่อขยายลงให้เป็นศูนย์คือภายใน 4 ปี ฟรีค่าโดยสาร ซึ่งไม่มีผลกระทบต่องบประมาณ และเมื่อลดราคาลงแล้วในส่วนอ่อนนุช-แบริ่งที่มีผู้ใช้กว่า 1 แสนคนต่อวันจะเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนคนต่อวัน และเชื่อว่าการประกาศนโยบายดังกล่าวไม่เข้ข่ายผิดกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาว่าจะให้ เพราะไม่ใช่การให้เป็นการเฉพาะแต่เป็นการทำให้เกิดประโยชน์กับ คนกทม.ทั้งหมด
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ กล่าวด้วยว่าการประกาศนโยบายไม่ใช่การผูกมัดว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือกดดันให้พรรคต้องส่งตนลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะไม่ใช่การผูกมัด เพียงแต่เป็นนโยบายที่อยู่ในหัวพร้อมที่จะทำหากได้กลับมาเป็นผู้ว่ากทม.อีกครั้ง โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสิใจของพรรค ทั้งนี้รู้่สึกดีใจที่ผลสำรวจความเห็นประชาชน 16 จังหวัดพบว่าคะแนนของตนคู่คีกับพล.ต.อ.พงศพัต พงษ์เจริญ เลขา ปปส. ซึ่งมีข่าวว่าจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่าขณะนี้คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทยแล้วในการเลือกตั้งทั่วไป
อีกด้านนายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)รุ่น 2 เปิดเผยว่า แกนนำพันธมิตรฯจะมีการประชุมหารือมีหยิบยกประเด็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ. ปี 56 มาหารือด้วยเพราะส่วนใหญ่แนวร่วมพันธมิตรฯเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง ที่มีพลังด้านการเมืองสูง และในอดีตที่ผ่านมาคน กทม.ชอบเลือกนักการเมืองอิสระมาเป็นผู้ว่า กทม.จะเห็นจากในอดีต ที่ได้ผู้ว่า กทม.ที่ไม่สังกัดพรรคเพราะคน กทม.เบื่อหน่ายการเมืองที่นักการเมืองไม่มีอำนาจการตัดสินใจด้วยตัวเอง จึงได้ผู้ว่า กทม.อย่าง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง นายพิจิตร รัตนกุล นายสมัคร สุนทรเวช
แต่มาช่วง 8-9 ปีหลังที่คน กทม.ต่อต้านระบอบทักษิณ จึงหันมาเลือกผู้ว่า กทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ถึงสองสมัยเพราะต้องการหักหน้ารัฐบาลนอมินีทักษิณ เชื่อว่าการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้คน กทม.จะหันไปเลือกผู้ว่าฯอิสระมากขึ้น เพราะนักการเมืองทั้งสองพรรค ที่ยังไม่มีนโยบายสร้างความก้าวหน้าให้กับบ้านเมืองมีแต่เรื่องแย่งชิงผลัดกันเข้าสู่อำนาจ โดยเบื้องต้นพันธมิตรฯมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนผู้สมัครอิสระ ที่มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาและจงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งน่าจะเป็น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถือว่ามีบุคลิกกล้าหาญ กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง จากโพลล์ผลความนิยมมาเป็นอันดับ 3 และหากดูคะแนนเลือกตั้งครั้งแล้วที่คน กทม.กาโหวตโน มีถึง 2 แสนคะแนนและคะแนนกาบัตรเสียอีก 1.9 แสนคะแนน ซึ่งประเมินได้ว่า ฐานเสียงตรงนี้จะเทให้กับผู้สมัครอิสระ และสามารถเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้แกนนำพันธมิตรฯจะแถลงท่าทีชัดเจนต่อไป
ที่ศาลาว่าการกทม. เมื่อเวลา 09.00 น. นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกทม. กล่าวเป็นประธานมอบนโยบายการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ให้หัวหน้าฝ่ายปกครองและหัวหน้าฝ่ายทะเบียนทั้ง 50 เขต เพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ว่า การมอบนโยบายเพื่อสร้างความเข้าใจสำหรับผู้รับผิดชอบให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ โดยขอกำชับเจ้าหน้าที่ทุกคนเตรียมพร้อม และต้องระมัดระวังการทำหน้าที่ โดยเฉพาะต้องวางตัวเป็นกลาง ศึกษากฎหมายรวมถึงระเบียบการเลือกตั้งให้เกิดความเข้าใจ และซักซ้อมการปฏิบัติหน้าเพื่อความไม่ประมาท
นางนินนาท กล่าวว่า ส่วนการเปิดรับผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นั้น หากม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อยู่ครบวาระวันที่ 10 ม.ค. 2556 คาดว่าจะสามารถเปิดรับสมัครได้ในวันที่ 14 ม.ค.ตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงรับสมัคร อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 17 ก.พ. 2556 ซึ่งหวังว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่า ร้อยละ 70
อีกเรื่องนางนินนาท ว่า ได้รับแจ้งจากกรมการปกครอง ว่าไม่สามารถจัดสรรบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ กทม.ได้ เนื่องจากบริษัทเอกชนส่งมอบบัตรไม่ทันตามกำหนด วันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้บัตรหมดสต๊อกแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังบัตรที่เก็บอยู่ที่สำนักงานเขตต่างๆ หมดลง ก็จะใช้ใบแทนบัตรประชาชน หรือใบเหลือง ไปก่อนจนกว่าจะได้รับบัตรประชาชนมาจากกรมการปกครอง ซึ่งยืนยันว่า ภาวะขาดแคลนบัตรประชาชนจะไม่กระทบกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่อย่างใด
แหล่งข่าวในประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น่าจะได้ข้อสรุปเรื่องตัวผู้สมัครผู้ว่ากทม.ในนามพรรคในวันที่ 25 ธ.ค.เนื่องจากคณะกรรมการคัดสรรที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานจะต้องสัมภาษณ์ผู้ที่แสดงเจตจำนงที่มีทั้งหมด 5 คน คือม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม.ที่ประกาศความจำนงก่อนหน้านี้แล้ว, นายประกอบ จิรกิติ ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตรองผู้ว่ากทม.ที่เสนอชื่อโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุข กรรมการยุทธศาสตร์พรรค ที่เสนอตัวเอง, นายอภิชัย เตชะอุบล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เสนอชื่อโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนบุคคลที่ 5 ยังอยู่ในกระบวนการเสนอชื่ออยู่
ส่วนการชี้แจงของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ที่ใช้เวลาในการชี้แจงเกือบ 2 ชม. ได้ชี้แจงเรื่องนโยบาย มาเปิดเผยโดยพบว่าหากพรรคเพื่อไทยส่งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นผู้สมัครจะทำให้มีคะแนนสูสีโดยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้คะแนน 36 % ต่อ35 % แต่หากพรรคเพื่อไทยส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ.คะแนนนำ 35 % ต่อ 30 % ทั้งนี้ยังมีการเปรียบเทียบการตัดแต้มกันเองระหว่างผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย กับ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ซึ่งพบว่าหากพรรคเพื่อไทยส่งคุญหญิงสุดารัตน์ลง พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ จะสามารถตัดคะแนนได้ 15% แต่หากพรรคเพื่อไทยส่งพล.ต.อ.พงศพัศลง พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์จะสามารถตัดคะแนนได้ 17%
อย่างไรก็ตามผลโพลชี้ว่าคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่รวมคะแนนนิยมในตัวผู้สมัครจะอยู่ที่ประมาณ 35 % ซึ่งพบว่าโอกาสที่ฐานเสียงของพรรคจะไม่เปลี่ยนใจอยู่ที่ 59 % นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการหารือถึงกรณีที่ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ไปประกาศตัวลงสมัครผู้ว่ากทม. ซั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ระบุว่าจะยอมรับในมติพรรคหากคณะกรรมการไม่ได้เลือกตนเองเป็นตัวแทนของพรรค ส่วนกรณีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่มีชื่อของนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาในหนึ่งในตัวเต็งที่จะลงชิงผู้ว่ากทม.ก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้นายกรณ์ไม่ได้มีการเสนอตัวเองเป็นหนึ่งในผู้สมัครแต่อย่างใด แต่คณะกรรมการที่พิจารณาก็ยังไม่ได้ตัดชื่อนายกรณ์ออก แต่หากยังไม่มีความชัดเจนจนถึงวันที่ 25 ธ.ค.ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดแล้ว นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สนใจลงสมัครแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการคัดเลือกตัวผู้สมัครแบบเสนอตัว และแสดงวิสัยทัศน์ เพราะว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้ประกาศตัวไปก่อนแล้ว หากมีการคัดเลือกผู้สมัครคนอื่นก็จะเป็นการตัดแต้มกันเอง
วานนี้(18 ธ.ค.55) ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม. กล่าวอีกครั้งถึงการเปิดตัวนโยบายลงรับสมัครผู้ว่ากทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนมั่นใจว่าจะได้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่คิดที่จะสมัครในนามอิสระ และเห็นว่าหากพรรคดำเนินการให้เกิดความชัดเจนได้โดยเร็วว่าจะส่งใครเป็นผู้สมัครก็จะเป็นผลดี อย่างไรก็ตามการที่ตนประกาศนโยบายว่าจะลดราคาค่าโดยสารในส่วนต่อขยายของบีทีเออ่อนนุช -แบริ่ง มีผู้ใช้กว่า 1 แสนคนต่อวัน และสะพานตากสินข้ามไปแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงบางหว้า ขณะนี้ค่าโดยสาร 15 บาทโดยกทม.เป็นผู้กำหนด แต่ทันทีที่ตนได้กำลับมาเป็นผู้ว่า กทม.จะลดค่าโดยสารเหลือ 10 บาทเพื่อจูใจให้ประชาชนทิ้งรถไว้ที่บ้านหลังจากการจราจรแออัดมากขึ้นจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนระบบรางมากขึ้น
ภายใน 4 ปีในวาระที่ดำรงตำแหน่งจะลดราคาในส่วนต่อขยายลงให้เป็นศูนย์คือภายใน 4 ปี ฟรีค่าโดยสาร ซึ่งไม่มีผลกระทบต่องบประมาณ และเมื่อลดราคาลงแล้วในส่วนอ่อนนุช-แบริ่งที่มีผู้ใช้กว่า 1 แสนคนต่อวันจะเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนคนต่อวัน และเชื่อว่าการประกาศนโยบายดังกล่าวไม่เข้ข่ายผิดกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาว่าจะให้ เพราะไม่ใช่การให้เป็นการเฉพาะแต่เป็นการทำให้เกิดประโยชน์กับ คนกทม.ทั้งหมด
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ กล่าวด้วยว่าการประกาศนโยบายไม่ใช่การผูกมัดว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือกดดันให้พรรคต้องส่งตนลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะไม่ใช่การผูกมัด เพียงแต่เป็นนโยบายที่อยู่ในหัวพร้อมที่จะทำหากได้กลับมาเป็นผู้ว่ากทม.อีกครั้ง โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสิใจของพรรค ทั้งนี้รู้่สึกดีใจที่ผลสำรวจความเห็นประชาชน 16 จังหวัดพบว่าคะแนนของตนคู่คีกับพล.ต.อ.พงศพัต พงษ์เจริญ เลขา ปปส. ซึ่งมีข่าวว่าจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่าขณะนี้คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทยแล้วในการเลือกตั้งทั่วไป
อีกด้านนายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)รุ่น 2 เปิดเผยว่า แกนนำพันธมิตรฯจะมีการประชุมหารือมีหยิบยกประเด็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ. ปี 56 มาหารือด้วยเพราะส่วนใหญ่แนวร่วมพันธมิตรฯเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง ที่มีพลังด้านการเมืองสูง และในอดีตที่ผ่านมาคน กทม.ชอบเลือกนักการเมืองอิสระมาเป็นผู้ว่า กทม.จะเห็นจากในอดีต ที่ได้ผู้ว่า กทม.ที่ไม่สังกัดพรรคเพราะคน กทม.เบื่อหน่ายการเมืองที่นักการเมืองไม่มีอำนาจการตัดสินใจด้วยตัวเอง จึงได้ผู้ว่า กทม.อย่าง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง นายพิจิตร รัตนกุล นายสมัคร สุนทรเวช
แต่มาช่วง 8-9 ปีหลังที่คน กทม.ต่อต้านระบอบทักษิณ จึงหันมาเลือกผู้ว่า กทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ถึงสองสมัยเพราะต้องการหักหน้ารัฐบาลนอมินีทักษิณ เชื่อว่าการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้คน กทม.จะหันไปเลือกผู้ว่าฯอิสระมากขึ้น เพราะนักการเมืองทั้งสองพรรค ที่ยังไม่มีนโยบายสร้างความก้าวหน้าให้กับบ้านเมืองมีแต่เรื่องแย่งชิงผลัดกันเข้าสู่อำนาจ โดยเบื้องต้นพันธมิตรฯมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนผู้สมัครอิสระ ที่มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาและจงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งน่าจะเป็น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถือว่ามีบุคลิกกล้าหาญ กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง จากโพลล์ผลความนิยมมาเป็นอันดับ 3 และหากดูคะแนนเลือกตั้งครั้งแล้วที่คน กทม.กาโหวตโน มีถึง 2 แสนคะแนนและคะแนนกาบัตรเสียอีก 1.9 แสนคะแนน ซึ่งประเมินได้ว่า ฐานเสียงตรงนี้จะเทให้กับผู้สมัครอิสระ และสามารถเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้แกนนำพันธมิตรฯจะแถลงท่าทีชัดเจนต่อไป
ที่ศาลาว่าการกทม. เมื่อเวลา 09.00 น. นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกทม. กล่าวเป็นประธานมอบนโยบายการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ให้หัวหน้าฝ่ายปกครองและหัวหน้าฝ่ายทะเบียนทั้ง 50 เขต เพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ว่า การมอบนโยบายเพื่อสร้างความเข้าใจสำหรับผู้รับผิดชอบให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ โดยขอกำชับเจ้าหน้าที่ทุกคนเตรียมพร้อม และต้องระมัดระวังการทำหน้าที่ โดยเฉพาะต้องวางตัวเป็นกลาง ศึกษากฎหมายรวมถึงระเบียบการเลือกตั้งให้เกิดความเข้าใจ และซักซ้อมการปฏิบัติหน้าเพื่อความไม่ประมาท
นางนินนาท กล่าวว่า ส่วนการเปิดรับผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นั้น หากม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อยู่ครบวาระวันที่ 10 ม.ค. 2556 คาดว่าจะสามารถเปิดรับสมัครได้ในวันที่ 14 ม.ค.ตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงรับสมัคร อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 17 ก.พ. 2556 ซึ่งหวังว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่า ร้อยละ 70
อีกเรื่องนางนินนาท ว่า ได้รับแจ้งจากกรมการปกครอง ว่าไม่สามารถจัดสรรบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ กทม.ได้ เนื่องจากบริษัทเอกชนส่งมอบบัตรไม่ทันตามกำหนด วันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้บัตรหมดสต๊อกแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังบัตรที่เก็บอยู่ที่สำนักงานเขตต่างๆ หมดลง ก็จะใช้ใบแทนบัตรประชาชน หรือใบเหลือง ไปก่อนจนกว่าจะได้รับบัตรประชาชนมาจากกรมการปกครอง ซึ่งยืนยันว่า ภาวะขาดแคลนบัตรประชาชนจะไม่กระทบกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่อย่างใด
แหล่งข่าวในประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น่าจะได้ข้อสรุปเรื่องตัวผู้สมัครผู้ว่ากทม.ในนามพรรคในวันที่ 25 ธ.ค.เนื่องจากคณะกรรมการคัดสรรที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานจะต้องสัมภาษณ์ผู้ที่แสดงเจตจำนงที่มีทั้งหมด 5 คน คือม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม.ที่ประกาศความจำนงก่อนหน้านี้แล้ว, นายประกอบ จิรกิติ ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตรองผู้ว่ากทม.ที่เสนอชื่อโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุข กรรมการยุทธศาสตร์พรรค ที่เสนอตัวเอง, นายอภิชัย เตชะอุบล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เสนอชื่อโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนบุคคลที่ 5 ยังอยู่ในกระบวนการเสนอชื่ออยู่
ส่วนการชี้แจงของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ที่ใช้เวลาในการชี้แจงเกือบ 2 ชม. ได้ชี้แจงเรื่องนโยบาย มาเปิดเผยโดยพบว่าหากพรรคเพื่อไทยส่งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นผู้สมัครจะทำให้มีคะแนนสูสีโดยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้คะแนน 36 % ต่อ35 % แต่หากพรรคเพื่อไทยส่ง พล.ต.อ.พงศพัศ.คะแนนนำ 35 % ต่อ 30 % ทั้งนี้ยังมีการเปรียบเทียบการตัดแต้มกันเองระหว่างผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย กับ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ซึ่งพบว่าหากพรรคเพื่อไทยส่งคุญหญิงสุดารัตน์ลง พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ จะสามารถตัดคะแนนได้ 15% แต่หากพรรคเพื่อไทยส่งพล.ต.อ.พงศพัศลง พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์จะสามารถตัดคะแนนได้ 17%
อย่างไรก็ตามผลโพลชี้ว่าคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่รวมคะแนนนิยมในตัวผู้สมัครจะอยู่ที่ประมาณ 35 % ซึ่งพบว่าโอกาสที่ฐานเสียงของพรรคจะไม่เปลี่ยนใจอยู่ที่ 59 % นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการหารือถึงกรณีที่ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ไปประกาศตัวลงสมัครผู้ว่ากทม. ซั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ระบุว่าจะยอมรับในมติพรรคหากคณะกรรมการไม่ได้เลือกตนเองเป็นตัวแทนของพรรค ส่วนกรณีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่มีชื่อของนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาในหนึ่งในตัวเต็งที่จะลงชิงผู้ว่ากทม.ก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้นายกรณ์ไม่ได้มีการเสนอตัวเองเป็นหนึ่งในผู้สมัครแต่อย่างใด แต่คณะกรรมการที่พิจารณาก็ยังไม่ได้ตัดชื่อนายกรณ์ออก แต่หากยังไม่มีความชัดเจนจนถึงวันที่ 25 ธ.ค.ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดแล้ว นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สนใจลงสมัครแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการคัดเลือกตัวผู้สมัครแบบเสนอตัว และแสดงวิสัยทัศน์ เพราะว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้ประกาศตัวไปก่อนแล้ว หากมีการคัดเลือกผู้สมัครคนอื่นก็จะเป็นการตัดแต้มกันเอง
