xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งฉายา'แจ๊ส-น.1 พี่ให้มา' 'อดุลย์-กวนอู๋แว้นกระเจิง' รัฐบาล"ละครคนจน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมาคมผู้สื่อข่าวฯ มอบฉายา 12 ฉยา ตำรวจปี 55 ตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม เป็น "เหลิม ฉะ ดะ" -"ผบ.ตร." ฉายา “ กวนอู๋ แว้นกระเจิง ” พงศพัศ โดนฉายา “ จูดี้ อีเว้น” ขณะที่ "เดอะแจ๊ส" ผบช.น. คว้าฉายา “น.1 พี่ให้มา” โอ๋สืบ 6 ทำร้ายม็อบเสื้อเหลืองติดโผ "โอ๋ คัมแบ๊ก" ขณะที่รัฐศาสตร์ ม.เกษตร ให้ฉายารัฐบาล ”ละครคนจน” พท.”แดงป๊อด” ปชป.”หล่อติดหล่ม”

วานนี้ (16 ธ.ค.) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม แห่งประเทศไทย แถลงข่าว การตั้งฉายาเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำปี 2555 โดยนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ทำงานด้านข่าวอาชญากรรมมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี มีสมาชิกที่เป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมกว่า 300 คน และทุกปี จะเฝ้าติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำเสนอ และทุกปีสื่อมวลชนจะประชุมร่วมกันเพื่อลงมติตั้งฉายาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นบุคคลอยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคม ในปีนี้ทางสื่อมวลชนได้ลงมติตั้งฉายาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานมาในรอบ 1 ปี โดยมีทั้งหมด 12 ฉายา ด้วยกันมีรายชื่อดังต่อไปนี้

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา "เหลิม ฉะดะ" เนื่องจากรัฐาลได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม รับผิดชอบดูแลแก้ไขปัญหาการปราบปรามยาเสพติด ประกอบกับได้ดูแลงานของ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" จึงใส่เกียร์เดินหน้าปราบยาเสพติดอย่างจริงจัง จนเป็นที่มาของฉายา "เหลิม ฉะดะ"

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายาว่า “ กวนอู๋ แว้นกระเจิง ”เนื่องจากที่ผ่านมาภาพลักษณ์ ของ พล.ต.อ.อดุลย์ มีลักษณะคล้าย "เทพเจ้ากวนอู๋" มีความสามารถทั้งเรื่องการรบและความสามารถวางแผนบริหารงาน จนมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. และมีนโยบายชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเด็กแว้น ที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ในรูปธรรมก็มีการจับกุมอย่างจริงจัง จนเป็นที่พอใจของประชาชน จนเป็นที่มาของฉายา “ กวนอู๋ แว้นกระเจิง”

พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้รับฉายาว่า “ จูดี้ อีเว้น” เนื่องจากที่ผ่านมา การทำงานของ พล.ต.อ.พงศพัศ จะมีหลากหลายรูปแบบกิจกรรม ซึ่งจะมีโครงการออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำให้เป็นข่าวได้ และจะได้รับการเสนอข่าวในหน้าต่างๆของหนังสือพิมพ์ ทีวี รวมถึงทุกโครงการที่จัดทำให้กับหน่วยงานก็จะได้รับการนำเสนอ เปรียบเสมือนกับนักจัดอีเว้นมือทอง จนเป็นที่มาของฉายา “ จูดี้ อีเว้น”

พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผช. ผบ.ตร. ได้รับฉายาว่า “ จรัมพร ON ทุกเหตุ” จากการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.จรัมพร จะได้รับความไว้วางใจในการดูแลงานการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานและเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแทบจะทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก ทั้งในประเทศและนอกประเทศ จึงเปรียบเสมือนการออนแอหรือออกอากาศทางสื่ออยู่เสมอๆ จนเป็นที่มาของฉายา “ จรัมพร ONทุกเหตุ”

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับฉายาว่า “น.1 พี่ให้มา” ก่อนหน้านี้ "พล.ต.ท.คำรณวิทย์" ได้มารักษาการต่ำแหน่ง "ผบช.น." แทน "พล.ต.ท.วินัย ทองสอง" ที่ทำงานไม่เข้าตารัฐบาล จนต้องถูกย้าย ระหว่างนั้นก็ได้มี "กลุ่มเสื้อเหลือง" ออกมาชุมนุมทางการเมือง "พล.ต.ท.คำรณวิทย์" ก็ได้เจรจากับม็อบจนสลายการชุมนุม จนเป็นที่พึ่งพอใจกับรัฐบาล "นายกยิ่งลักษณ์" และ "กลุ่มคนเสื้อแดง" จนได้รางวัลตอบแทนมาเป็น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อย่างเต็มตัว จนเป็นทีมาของฉายา “น.1 พี่ให้มา”

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายาว่า “โฆษก สับขาหลอก” เนื่องจาก พล.ต.ต.ปิยะ ได้รับการไว้วางใจจาก "ผบ.ตร." ให้ทำหน้าที่เป็น "โฆษก ประจำ ตร." เพื่อเป็นกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คอยให้ข่าวกับสื่อมวลชน เพราะเห็นว่าเคยเป็น "โฆษก ประจำนครบาล" มาก่อน แต่ในมุมมองของสื่อมวลชนถือว่า "พล.ต.ต.ปิยะ" สอบตกกับหน้าที่ "โฆษก" ในครั้งนี้ เพราะการให้ข่าวบางครั้งก็ไม่ตรงตามความเป็นจริง อาทิ "ผบ.ตร." ให้สัมภาษณ์อย่างนี้ "โฆษก" ให้สัมภาษณ์อีกอย่าง ทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน จนเป็นที่มาของฉายา “โฆษก สับขาหลอก”

พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โฆษกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับฉายา “โฆษก ย่ำราตรี"เนื่องจากที่ผ่านมา หลังการได้รับตำแหน่งดูแลงานด้านโฆษก และชุดเฉพาะกิจในการตรวจสถานบริการ พล.ต.ต.อดุลย์ ก็ได้ออกตรวจตราสถานบริการยามค่ำคืนอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ จนเป็นทีมาของฉายา “โฆษก ย่ำราตรี"

พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน รองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับฉายาว่า “ไทเกอร์ เขี้ยวหลุด”พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ หรือในวงการจะรู้จักในนาม "บ๊าย บาย ไทเกอร์" นักสืบรุ่นปรมาจารย์ ผ่านมาหมดทุกเวที ไม่ว่า นครบาล กองปราบ ภูธรภาค 3 ในอดีตใครได้ยินชื่อนี้ทั้ง "โจร ขโมย นักเลง มือปืน" ต้องหลีกทางให้เป็นแถว เพราะนักสืบรุ่นเก๋ารายนี้จับไม่เลือกหน้า แต่ต้องมาตกม้าตายกับการที่ย้ายมาดำรงตำแหน่ง "ผบก.สส.บช.น." เพราะไม่สามารถจับคดีใหญ่ได้เลย ต่างกับ "ผู้การคนเก่า" ที่คดีอะไรเกิดก็ปิดบัญชีได้หมดทุกคดี จนเป็นที่มาของฉายา “ไทเกอร์ เขี้ยวหลุด”
พล.ต.ต. รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับฉายาว่า “สืบจนเด้ง“ พล.ต.ต.รณศิลป์ ก่อนมาดำรงตำแหน่ง ผบก.สส.สตม. เคยดำรงตำแหน่ง ผบก.สส.บช.น. และโชว์ฝีมือไม้ลายมือปิดคดีในนครบาลจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คดีปล้นบ้านปลัดสุพจน์ และก็วิสามัญเอเยนต์ยาเสพติดอีกรายคดี แต่ผลงานก็ไม่ได้การันตีตำแหน่งแต่อย่างใด ทำแต่งานตามล่าแต่โจรผู้ร้าย ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวว่า "ผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม" เลยโดนย้ายไปเป็น ผบก.สส.สตม. จนเป็นที่มาของฉายา “สืบจนเด้ง“

พล.ต.ต. รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ฉายาว่า “ผู้การล้างคุก"ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการเข้าตรวจค้นยาเสพติดภายในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง จนสร้างความสะเทือนให้กับเรือนจำจนต้องมีการเปลี่ยนตัว ผู้อำนวยการเรือนจำฯ จนถึงการติดตามสืบสวนจับกุมผู้คุมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สร้างความสะเทือนให้กับวงการเรือนจำอย่างมาก จนเป็นที่มาของฉายา “ผู้การล้างคุก"

พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้รับฉายาว่า “ผู้การโรโบคอป” จากการทำงานในพื้นที่จังหวัด ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงจนเข้าใจปัญหาและรู้ลึกถึงขบวนการการก่อการร้าย จนเป็นที่หมายหัวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ถึงกับวางแผนลงมือสังหารหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ จนเนื้อตัวมีแต่การดามเหล็กเพื่อรักษา และก็รอดชีวิตมาทุกครั้ง เปรียบเสมือนตำรวจเหล็กโรโบคอป จนเป็นที่มาของฉายา “ผู้การโรโบคอป”

พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้รับฉายาว่า “ โอ๋ คัมแบ๊ก”พล.ต.ต.ธนายุตม์ ชื่อนี้คงไม่คุ้นหูกัน แต่ถ้าเอ่ยชื่อ "ฤทธิรงค์ เทพจันดา" หรือ "โอ๋ สืบ6" ต้องรู้จักกันดีโดยเฉพาะกับ "กลุ่มม็อบเสื้อเหลือง" ที่ยุคสมัยหนึ่งเคยมีปัญหาทางการเมือง จนทำให้ตนเองต้องถูกไล่ออกจากราชการเพราะฝีมือของ "คนเสื้อเหลือง" จนต้องลำบากวิ่งเต้น "ขึ้นโรงขึ้นศาล" จนสามารถกับมารับราชการแบบเงียบ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล เพราะไม่อยากเป็นประเด็นในสังคมอีก จนมาผงาดยุค "คนเสื้อแดง" ได้มาเป็น "ผบก.จว.นนทบุรี" จนเป็นที่มาของฉายา “ โอ๋ คัมแบ๊ก”

วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำโดยนายนพพล อัคฮาด นิสิตปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์การปกครอง ในฐานะประธานดำเนินงานโครงการตั้งฉายาสถาบันทางการเมือง ประจำปี 2555 แถลงผลสำรวจความคิดเห็นสมาชิกเครือข่ายออนไลน์ของสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จำนวน 2,188 บัญชี และประชาชนทั่วไปที่สนใจทางการเมืองได้ร่วมโหวตฉายาสถาบันทางการเมือง ซึ่งผลการลงคะแนนตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 15 ธ.ค.-12.00 น. วันที่ 16 ธ.ค.

ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ให้ฉายารัฐบาลว่า “ละครคนจน” เนื่องจากนโยบายของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พยายามสร้างความพึงพอใจให้ประชาชนที่เป็นคนจนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะนโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ขจัดความยากจนให้หมดภายใน 4 ปี ฯลฯ ไม่ว่าจะด้วยความจริงใจหรือหวังผลทางการเมือง แต่ถือว่าแสดงได้สมบทบาทและถูกใจผู้ชม

ส่วนรัฐสภาได้รับฉายาว่า “ซอมบี้สไตล์” เนื่องจากสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่มุ่งทำงานรับใช้ตามที่เจ้านายต้องการเหมือนเป็นซอมบี้ในลัทธิวูดู มากกว่าจะใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นสไตล์การทำงานของรัฐสภาในรอบปีที่ผ่านมา

นายนพพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังแสดงความเห็นว่าสถาบันตุลาการควรได้รับฉายาว่า “ตบเด็ก” เพราะขยายขอบเขตอำนาจของจนเกรงจะกระทบหลักการแบ่งแยกอำนาจ โดยเฉพาะกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องวินิจฉัยรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง

ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้รับฉายาว่า “แดงป๊อด” เนื่องจากแกนนำฝ่ายบริหารพรรคเพื่อไทยเกิดอาการไม่กล้า ทำให้นโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยทำสัญญาประชาคมไว้ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 ไม่สำเร็จ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเริ่มคลางแคลงใจว่า เจ้าของพรรคเพื่อไทยเป็นแดงแปร๊ดหรือแค่แดงป๊อด

เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ไดรับฉายาว่า “หล่อติดหล่ม” เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ยังติดหล่มอยู่กับความขัดแย้ง การสลายชุมนุมชายชุดดำ คดีความและรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร ซึ่งนับวันคะแนนนิยมจากการสำรวจของทุกสำนักโพลล์ถูกพรรคเพื่อไทยทิ้งช่วงห่าง

“ในส่วนขององค์การอิสระได้รับฉายาว่า “ไส้ติ่งแตก” เพราะช่วงปีที่ผ่านมาองค์กรอิสระ อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำตัวเป็นไส้ติ่งแตก สร้างความปั้นป่วนวุ่นวายให้กับการบริหารประเทศของรัฐบาล นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ต่างกับไส้ติ่งที่มีอยู่ในร่างกาย” นพพลกล่าวและว่า สำหรับกองทัพได้รับฉายาว่า “เล่นเพื่อน” เนื่องจากการแต่งตั้ง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็น รมว.กลาโหม จัดทัพแถวทหารคืนความเป็นธรรมให้กับพวกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนต รีสะท้อนให้เห็นถึงการเล่นพรรคเล่นพวกภายในกองทัพ

ด้านสถาบันตำรวจได้รับฉายาว่า “โผอิมพอร์ต” เนื่องจากบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจแทบทุกตำแหน่งต้องได้รับไฟเขียวจาก พ.ต.ท.ทักษิณที่อยู่ในต่างประเทศทุกครั้ง หากใครไม่สามารถเดินทางไปรายงานตัวด้วยตนเองที่ดูไบ ฮ่องกง กัมพูชาก็ไม่สามารถได้รับตำแหน่ง

นายนพพล กล่าวด้วยว่า ปีนี้สมาคมฯได้เลือกวาทะ “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เป็นวาทะแห่งปี เพราะเป็นวาทะที่สะท้อนวัฒนธรรมองค์กรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างตรงไปตรงมาและชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีโครงสร้างในลักษณะอุปถัมภ์.
กำลังโหลดความคิดเห็น